15 ต.ค. เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์

เรียนรู้การบริหารเงิน สไตล์ "โอม ค็อกเทล" รวยไม่ใช่เป้าหมาย...จงอยู่ให้ได้ทุกจังหวะของชีวิต

โอม Cocktail แนะหลักบริหารเงิน ไม่เน้นรวย แต่ต้องยืนให้ได้ในวันขาลง ใช้ความไม่ประมาท จัดตั้งบริษัทและกองกลางเพื่อบริหารความเสี่ยง สร้างความมั่นคงในอาชีพที่ไม่ยั่งยืน
เมื่อพูดถึง "ศิลปินที่ประสบความสำเร็จ" ภาพจำของใครหลายคนอาจเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง ความสำเร็จ และความมั่งคั่งที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุด แต่เบื้องหลังภาพลักษณ์นั้น “โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ” นักร้องนำวง Cocktail และผู้บริหารค่ายเพลง กลับเผยอีกมุมมองที่ลึกซึ้งและเฉียบคมกว่า
บนเวที Thairath Money Campus Tour 2025 SEASON 2 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โอม Cocktail ได้สะท้อนให้เห็นว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการบริหารเงิน ไม่ใช่การไล่ล่าความร่ำรวยสูงสุด แต่คือการสร้างปราการที่แข็งแกร่งพอจะ "ยืนให้ได้ในวันที่ชีวิตขาลง" ซึ่งเป็นสัจธรรมที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยง
ส่องหลักคิดบริหารเงินจาก Cocktail
ปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ โอม Cocktail ในฐานะนักร้องนำและผู้บริหารค่ายเพลง ได้เปิดเผยถึงหลักคิดในการบริหารจัดการชีวิตและการเงิน ที่ไม่ได้มุ่งเน้นความร่ำรวยเป็นเป้าหมายหลัก
แต่เน้นที่การสร้างความมั่นคงเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของชีวิตและอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพในวงการดนตรีที่อาจไม่ยั่งยืน แนวคิดนี้ถูกหล่อหลอมมาจากการเห็นสัจธรรมของชีวิต และการให้ความสำคัญกับหลักความไม่ประมาทเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจทุกเรื่อง
การบริหารจัดการเงินของวง Cocktail นั้น มีรากฐานมาจากการทำความเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจดนตรีและความเสี่ยงที่อาชีพนี้ต้องเผชิญ โอม มองว่า หลักการทางการเงินนั้นล้อเลียนสัจธรรมของชีวิต ที่เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ก็ย่อมดับไป
ดังนั้น ชีวิตจึงต้องตั้งอยู่บน ความไม่ประมาท นักดนตรีมีช่วงเวลาที่โดดเด่นอยู่ในวงจรประมาณ 7 ปี ซึ่งหมายความว่าอาชีพนี้มีความเสี่ยงที่จะไม่ยั่งยืน เมื่อประเมินความเสี่ยงได้แล้วว่ารายได้อาจหายไปในช่วงใดช่วงหนึ่ง ก็จะสามารถจัดสรรการจัดการให้ชีวิตมีความเสี่ยงน้อยลงได้
ทั้งนี้ จากรูปแบบการทำงานที่รายได้เข้ามาในชื่อบุคคล อาจถูกตีความว่าเป็นรายได้ทั้งหมด ทั้งที่จริงแล้วเงินจำนวนนั้นบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายในการทำเพลงหรือการเดินทาง วงจึงได้จัดตั้งนิติบุคคลชื่อ บริษัท เชียร์ ค็อกเทล จำกัด ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกั้นกลางในการบริหารจัดการ
บริษัทนี้ทำหน้าที่รับรายได้และนำไปหักลบค่าใช้จ่ายของวง (เช่น ค่าทำเพลง, ค่าเช่าห้องอัด, ค่าเดินทาง) ก่อนที่สมาชิกจะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินปันผล วิธีนี้ช่วยให้วงสามารถจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง และไม่แบกภาระภาษีในส่วนที่ไม่ใช่รายได้ที่แท้จริง
นอกจากนี้ วงมีการจัดตั้ง “เงินกองกลาง” ขึ้นมาเพื่อใช้จ่ายในยามที่จำเป็นและเพื่อรองรับความเสี่ยงในอาชีพที่ไม่ยั่งยืน เงินกองกลางนี้เน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจที่เกิดจากชื่อเสียงของวงเองเป็นพื้นฐานเท่านั้น อาทิ การผลิตเพลงเพิ่มเติม, การทำ Merchandising, หรือการจัดคอนเสิร์ต พอร์ตการลงทุนของวงจึงถูกเรียกว่าเป็น Defensive Portfolio ที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงในวิชาชีพ
อย่างไรก็ดี โอมให้ความสำคัญกับการไม่ก้าวก่ายเรื่องการเงินส่วนตัวของสมาชิกวง สมาชิกแต่ละคนเมื่อได้รับส่วนแบ่งไปแล้วจะไปจัดการอย่างไรถือเป็นเรื่องส่วนตัว และจะไม่นำเงินกองกลางไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงร่วมกัน เพราะความผิดพลาดทางการเงินแม้เพียงเล็กน้อย อาจสร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ได้
สำหรับการลงทุนส่วนตัวของ โอม Cocktail นั้น เน้นที่ทรัพย์สินที่ไม่ทำให้ต้องเฝ้ามองตลอดเวลา เนื่องจากรู้ดีว่าตนเองเป็นคน defensive จึงเลือกสะสมทองคำและลงทุนในกองทุนดัชนี ส่วนอสังหาริมทรัพย์บางส่วนเป็นของครอบครัว และมีการซื้อเพิ่มไว้บ้าง
3 หลักคิดแนะนำเด็กรุ่นใหม่ “เข้าใจตนเองและธรรมชาติของสมรภูมิ”
โอม กล่าวว่า ไม่สามารถให้คำแนะนำที่ตายตัวสำหรับเด็กรุ่นใหม่ได้ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และทุกคนควรพิจารณาด้วยตนเองว่าตัวเองเป็นใครและมีปัจจัยรอบตัวอย่างไร แต่หลักคิดที่ควรใช้ได้เสมอมีดังนี้
1. จงกระหายในการทำงาน และยอมรับความไม่สำเร็จ
โอมแนะนำให้ จงกระหาย จงทะเยอทะยาน จงฝันใฝ่ ในการทำงาน และพยายามพิสูจน์ตัวเองจนไปถึงจุดสูงสุดเท่าที่ทำได้ อย่าจำกัดตัวเองด้วยการบอกว่า "พอใจ" หากลึก ๆ แล้วเป็นเพราะ "ไม่กล้าออกไปสู้" เมื่อทำเต็มที่แล้ว และพบว่าไม่สามารถทำได้ หรือไม่สำเร็จ ก็เพียงแค่ยอมรับว่ามันไม่สำเร็จ
2. เข้าใจสมรภูมิและชัยภูมิของตน
หากเปรียบชีวิตเป็นการทำศึก โอมแนะนำให้เข้าใจหลักการทางยุทธศาสตร์ คือทำความเข้าใจว่าโลกเป็นอย่างไร ศึกษาว่าในยุคนี้สมรภูมิที่คุณกำลังจะก้าวเข้าไปมีลักษณะอย่างไร
และเข้าใจว่าเรายืนอยู่ตรงไหน มีปัจจัยใดที่รองรับอยู่บ้าง พร้อมใช้ข้อเท็จจริงในการตัดสินใจ โดยไม่นำความเห็นส่วนตัวหรืออคติเข้าไปตัดสิน ความผิดพลาดมักเกิดจากการมองอะไรผ่านเลนส์ของตัวเอ
3.เน้นที่ตัวธุรกิจ ไม่ใช่ตัวเงิน
ในการทำธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจนั้น ๆ อย่ามองเงินเป็นตัวตั้ง หากเราทำธุรกิจบันเทิง ต้องเน้นที่การทำเพลงที่มีคุณภาพ และงานที่มีพลัง เพราะชื่อเสียงและความสำเร็จจะสร้างเม็ดเงินตามมา หากมองว่า "ฉันจะทำเพลงเพื่อเงิน" อาจทำให้มองข้ามปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้งานมีคุณภาพไปได้
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
โฆษณา