Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ร้อยเรื่องหลากมุมกับ ภก.ปราโมทย์
•
ติดตาม
15 ต.ค. เวลา 14:25 • สุขภาพ
บัตรทองขาดทุน 1.8 หมื่นล้าน เล็งปรับแก้ AdjRW
การประชุมชี้แจงการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ปีงบประมาณ 2569 นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวตอนหนึ่งถึงการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพที่ยั่งยืน ว่า สถานการณ์การเงินของรพ.สังกัดสธ.มีปัญหามากมายและเป็นปัญหามาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็มักได้รับการสื่อสารว่า รพ.ในสธ.ขาดทุนเรื่อยๆ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาด้านการเงินของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (รพ.สธ.) ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในการถกเถียงทางนโยบายสาธารณสุขของไทย รายงานเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 เผยว่า โรงพยาบาลของรัฐในระบบบัตรทอง “ติดลบ” สูงถึง 18,479 ล้านบาท
แม้ในภาพรวม รพ.สธ.ในหลายปีสามารถสร้าง EBITDA ได้ แต่เมื่อมาเจาะเฉพาะบริการที่ครอบคลุมสิทธิ์บัตรทอง พบว่า “ต้นทุนจริงต่อหน่วยการบริการ (AdjRW)” สูงกว่าที่ สปสช. จ่ายมาก เช่นปี 2564 ต้นทุนจริงอยู่ที่ประมาณ 16,448.6 บาทต่อ AdjRW แต่ สปสช. จ่ายเพียง 8,350 บาท
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาหลักของการขาดทุนสะสมในกองทุนหลักกประกันสุขภาพถ้วนหน้า โรงพยาบาลภายใต้สิทธิ์บัตรทองมีรายได้ 179,855 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายถึง 198,335 ล้านบาท
หากลงในรายละเอียด จะพบปัญหาที่สะท้อนจากภาพจริงของการให้บริการสาธาณสุข อัตราจ่ายต่อ AdjRW ที่ 8,350 บาท ไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของโรงพยาบาลในหลายกรณี โดยเฉพาะโรคซับซ้อน ผ่าตัดเฉพาะทาง หรือการดูแลผู้ป่วยหนัก เนื่องจากบริการ เช่น ผ่าตัด เปลี่ยนข้อเข่า รักษามะเร็ง เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนเทคโนโลยี วัสดุ และเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้นตาม
นอกจากนี้ มีข้อกล่าวหาว่าส่วนหนึ่งของปัญหาเกิดจากการกำหนดนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุขเอง หรือการบริหารจัดการภายใน รพ.สธ. ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเกิดจาก า สปสช. ไม่ได้มีข้อมูลที่เพียงพอหรือ เหตุผลที่ชัดเจนในการจัดสรรงบเพิ่มให้กับ รพ.สธ. เมื่อเสนอให้ปรับอัตราเบี้ยประกันขึ้
ข้อเสนอเชิงนโยบายที่หลายฝ่ายเห็นพ้องตอนนี้คือการเพิ่ม Base rate ของงบประมาณผู้ป่วยในบัตรทอง จากเดิม AdjRW อยู่ที่ 8,350 บาท เป็น 13,000 บาท โดยในปีงบประมาณ 2570 จะขอที่ 10,000 บาท ต่อไปจะขอที่ 13,000 บาท เพื่อยกระดับศักยภาพซึ่งจะมาแก้ปัญหาต่างๆของรพ.ด้วย
นอกจากนี้ ยังเดินหน้านโยบายสร้าง Productivityนั้น 1.One Province,One Region,One Country ,One Hospital ด้วยการเพิ่มอัตราครองเตียงทุกรพ. มีศูนย์ความเป็นเลิศ 1 แห่งต่อเขต 2.รายได้บุคลากรนอกเวลางานปกติ ภายใต้นโยบาย "1 คน 2 Job" 3. การเปิด Premium Clinics การใช้ห้องผ่าตัดผู้ป่วยใน (IP) ให้บริการ 24 ชั่วโมง การเปิดตลาดบริการผู้ป่วยนอก (OP) นอกหน่วยบริการ เช่น ในห้างสรรพสินค้า
4.รพ.เสมือน ผ่านเทเลเมดิซีนครบวงจร เอไอแชท เป็นต้น 5.บริหารต้นทุนผ่าน Technology และ Data Drive รวมถึงการใช้ระบบ ABC (Activity Base Costing) และ FDH Smart Check และ6.สนับสนุนเศรฐกิจสุขภาพ
การเพิ่มอัตร AdjRW เป็น 13,000 บาท อาจต้องใช้งบประมาณเพิ่มมหาศาล ซึ่งรัฐบาลต้องพิจารณาสมดุลระหว่างการใช้จ่ายด้านสุขภาพกับภาระงบประมาณด้านอื่น
หากเพิ่มเงิน แต่ไม่มีระบบตรวจสอบประสิทธิภาพ อาจเกิด “เงินไหลออก” โดยไม่มีประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้หากเปิดบริการพรีเมียม หรือ top-up มากเกินไป อาจเสี่ยงให้เกิด “ช่องว่างบริการสุขภาพ” ระหว่างผู้จ่ายได้น้อย vs ผู้จ่ายได้
การปรับเพิ่มอัตร AdjRW เป็นแนวทางสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการ แต่ไม่สามารถทำได้เพียงลำพังโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพ ความสามารถในการตรวจสอบ และผลกระทบต่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ
แต่ไม่ว่าจะไปในทิศทางไหน บุคลากรปฏิบัติที่อยู่หน้างานอย่างเราๆ เหนื่อยหนักแน่นอนครับ คิดสภาพว่าทุกวันนี้คลินิกพรีเมี่ยมถึงสองทุ่มก็จะตายกันอยู่แล้ว
อ้างอิง
https://www.hfocus.org/content/2025/10/35604
ข่าว
สุขภาพ
การลงทุน
3 บันทึก
16
4
9
3
16
4
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย