16 ต.ค. เวลา 05:56 • ธุรกิจ

เลือกสินเชื่อให้ถูกงาน! ทางเลือกแหล่งเงินทุนสำหรับแฟรนไชส์

มีผู้เข้ามาปรึกษาคนหนึ่งนั่งลงแล้วพูดประโยคแรกว่า “อยากเริ่มแฟรนไชส์คาเฟ่เล็ก ๆ ในคอมมูนิตี้มอลล์…แต่ยังงงว่าจะหาเงินจากไหนให้คุ้ม และไม่ติดกับดอกแพงยาว ๆ”
ผมเลยชวนวาด “แผนที่เงิน” ง่าย ๆ แยกเป็น 4 จังหวะ: ก่อนเปิด → เปิดร้าน–สามเดือนแรก → ช่วงพีก/โลว์ → ตอนขยายสาขา/อัปเกรด แล้วค่อย “จับคู่” แหล่งเงินให้ตรงงาน เพราะเงินแต่ละแบบเหมาะกับงานไม่เหมือนกัน
เกริ่นภาพรวมตลาดสั้น ๆ ก่อน: ตอนนี้ดอกเบี้ยนโยบายไทยคงที่ 1.50% (มติ 5:2 เมื่อ 8 ต.ค. 2568) และแบงก์ชาติระบุว่าพร้อมผ่อนเพิ่มได้ถ้าจำเป็น หมายความว่า ถ้าธุรกิจมีข้อมูลครบ—ความเสี่ยงจัดการได้—ยังมีช่องเจรจาเงื่อนไขพอควรนะครับ (แม้ไม่ใช่ยุคเครดิตไหลลื่นเท่าเดิมก็ตาม).
จังหวะที่ 1: “ก่อนเปิด” — ก้อนลงทุนที่ควรใช้เงิน “ยาว”
นี่คือก้อนหนักที่สุด: ค่าตกแต่ง–อุปกรณ์–ค่าแรกเข้าแฟรนไชส์–มัดจำเช่า–ระบบ POS (เงินยังไม่เข้าเลยสักบาท)
ตัวเลือกที่เข้าท่า
• เช่าซื้อ/ลีสซิ่ง สำหรับเครื่องชง ตู้แช่ เครื่องล้างจาน จับอายุหนี้ให้ใกล้เคียงอายุใช้งาน ลดแรงดอกและบริหารภาษีง่าย
• เทอมโลน หรือ สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก ระยะ 3–5 ปี สำหรับงานตกแต่ง–ค่าแรกเข้า–มัดจำเช่า ผ่อนคงที่ มองกระแสเงินสดง่าย
• ถ้าไม่มีทรัพย์ค้ำ ลอง สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน ที่อิงรายได้/สเตทเมนต์ + ยื่น “ค้ำประกัน” ภาครัฐควบคู่ (ระบบค้ำฯ ของไทยกำลังยกเครื่องเป็น NaCGA เพื่อเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนสำหรับเอสเอ็มอี—สัญญาณเชิงนโยบายอยู่ในทิศทางหนุนการเข้าถึง).
ทิปโต๊ะปรึกษา: ต่อรอง “สิทธิชำระก่อนกำหนด (prepayment) ต่ำ”—อีก 12–18 เดือน ถ้าดอกลงหรือต้องรีไฟแนนซ์ จะได้ขยับโดยไม่เจ็บค่าปรับ
จังหวะที่ 2: “วันเปิด–สามเดือนแรก” — ยอดยังไม่นิ่ง แต่ค่าใช้จ่ายมาตรงเวลา
สามเดือนแรกยอดขายจะ ค่อย ๆ ขึ้น แต่ค่าแรง วัตถุดิบ ค่าเช่า มาตรงทุกเดือน ที่สำคัญรายได้จากบัตร/QR มักเข้า T+1 ถึง T+3 (แล้วแต่ผู้ให้บริการรับชำระ) และมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ต้องเผื่อไว้ในสูตรราคาขายด้วยครับ.
ตัวเลือกที่เหมาะ
• วงเงินหมุนเวียนอิงยอดขาย (Merchant/EDC/QR based): ธนาคารบางแห่งอิงวงเงินกับยอดรับบัตร/QR ของร้าน เปิดร้านใหม่ก็มีสิทธิได้วงเงินขนาดเล็ก—ค่อย ๆ โตตามยอด
• OD ขนาดเล็ก + วินัย “ปิดรอบ” (รายเดือน/รายไตรมาส): ใช้เป็น “สะพาน” สั้น ๆ ไม่ค้างเต็มวง
• สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก วงเงินย่อย: จ่ายค่าโฆษณาเปิดร้าน/อุปกรณ์จุกจิกโดยไม่ไปดึงวงเงินหมุนเวียนหลัก
ท่าบริหารเงินที่ให้ทำทันที: ทำ “ปฏิทินเงินเข้า–ออก” 12 สัปดาห์ แยกวันโอนของบัตร/QR ออกจากวันตัดเช่า–เงินเดือน ถ้าวันชนกัน ใช้วงเงินอิงยอดขายมาปิดสะพานแทนการรูด OD ยาว ๆ
จังหวะที่ 3: “ฤดูกาลพีก/โลว์” — บางช่วงกำไรมาดี แต่เงินสดกลับตึง
ช่วงพีก (เทศกาล/ท่องเที่ยว) ต้องตุนวัตถุดิบ–เพิ่มคน เงินออกก่อนเงินเข้าเสมอ เพราะยอดบัตร/QR จะถูกโอนหลังวันขาย 1–3 วัน
ตัวเลือกที่ตรงงาน
• Seasonal top-up หรือ “วงเงินตามฤดูกาล”: ใช้เพิ่มเฉพาะช่วงสั้น ๆ แล้วปิดเมื่อยอดเข้า
• ขอปรับ งวดผ่อนตามฤดูกาล ให้เทอมโลนเดิม (ช่วงโลว์งวดเบา ช่วงพีกงวดสูง)—แนว
โน้มสถาบันการเงินยอมพิจารณามากขึ้นในโหมดนโยบายการเงินที่ต้องประคองกิจกรรมเศรษฐกิจ.
ข้อควรเลี่ยง: ใช้ OD ไปตุนสต็อกยาว ๆ แล้วไม่ปิดรอบ—กลายเป็นหนี้ยืดเยื้อ ดอกรั่วทั้งปี
จังหวะที่ 4: “ขยายสาขา/อัปเกรด” — โปรเจ็กต์ที่ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเลข
ถ้าสาขาแรกถึงเป้าหมายต่อเนื่อง แล้วอยากไปสาขาสอง—นี่คือเงิน “ก้อนใหม่” ที่ควรผูกกับ เทอมโลน/Project Loan พร้อมแผนธุรกิจย่อย (ทำเล–ทราฟฟิก–คาดการณ์ยอด–จุดคุ้มทุน) ถ้าแฟรนไชส์มี “พาร์ตเนอร์ธนาคาร” อยู่แล้ว โอกาสอนุมัติมักสูงขึ้นเพราะข้อมูลมาตรฐานช่วยลดงานประเมินความเสี่ยง
บริบทนโยบายช่วยได้: ฝั่งรัฐ–หน่วยงานการเงินเฉพาะกิจ (เช่น SME D Bank) มีข่าวลดดอก/โปรแกรมดอกคงที่พิเศษเป็นระยะ ๆ ในปี 2568 ซึ่งช่วย สินเชื่อเพื่อธุรกิจ รายย่อยผ่อนแรงต้นทุนลงบ้าง—อัปเดตข่าวและเตรียมเอกสารให้พร้อมไว้เสมอ.
ถ้า “ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ” จะเริ่มยังไงให้ผ่านจริง (และไม่แพงเกินจำเป็น)?
หลายแฟรนไชส์ไซซ์เล็กเริ่มได้ด้วยชุดผสม: สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน + ค้ำประกันรัฐ + วงเงินอิงยอดขาย ขนาดพอดีมือ (ใช้–ปิดเป็นรอบ ๆ)
สิ่งที่ธนาคารอยากเห็นเป็นพิเศษ
• หลักฐานยอดขาย (POS/EDC/QR) ย้อนหลัง 3–6 เดือน หรือ Projection จากแฟรนไชส์เปรียบเทียบสาขาคล้ายกัน
• ตารางรายจ่ายคงที่ (ค่าเช่า–เงินเดือน–ค่าวัตถุดิบเฉลี่ย–ค่าสิทธิแฟรนไชส์)
• Use of Funds (เอาเงินไปทำอะไร) และ Repayment (จ่ายคืนยังไง) ที่จับต้องได้
ข่าวเชิงบวกคือ SME D Bank มีทั้ง ปรับลดดอกสูงสุดราว 0.25% ในปีนี้ และทำแคมเปญดอกคงที่บางรายการ—ถ้าเอกสารครบ โอกาสได้เงื่อนไขสมเหตุผลจะสูงขึ้นครับ.
5 สัญญาณ “ใช้เงินผิดคู่” ที่เจอบ่อย (หลีกเลี่ยงให้ไว)
1. ใช้ OD ไปจ่ายค่าแรกเข้า/ตกแต่ง แล้ว ค้างเป็นปี → ดอกรั่วไม่รู้ตัว
2. รูดบัตรซื้อเครื่องชงแพง แล้วแบ่งจ่ายยาว 24–36 เดือน → มักแพงกว่าเช่าซื้อ
3. เอา สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก (สั้น) ไปลงทุนของยาวอายุ → งวดตึงในปีแรก
4. ไม่กันเงินฉุกเฉิน—พอเครื่องเสีย/ตู้แช่พัง ต้องไปดึง OD ระยะยาว
5. ไม่เข้าใจ “วันเงินเข้า” ของบัตร/QR—คิดว่าเงินเข้าทันที ทั้งที่จริง T+1/T+2/T+3 (เช็กกับผู้ให้บริการของคุณให้ชัด ๆ).
กลยุทธ์เจรจาที่ได้ผลบ่อย (มากกว่าคำว่า “ลดดอกได้ไหม”)
• คุยค่าธรรมเนียม–ค่าเอกสาร–ค่าเบี้ยปรับ ควบคู่กับอัตราดอก
• ขอ งวดผ่อนตามฤดูกาล ให้ตรงรอบขายของแฟรนไชส์
• ต่อรอง สิทธิชำระก่อนกำหนดต่ำ ไว้เผื่อรีไฟแนนซ์ในอนาคต
• ทำเอกสาร 3 ชั้น:
◦ ลิฟต์พิทช์ 90 วินาที (แบรนด์–ทำเล–ยอดคาด–ขอวงเงินเท่าไร–จ่ายคืนอย่างไร)
◦ เวอร์ชัน 3–5 นาที (รายได้/ต้นทุน–จุดคุ้มทุน–ความเสี่ยงและแผนรับมือ)
◦ Data pack (ใบเสนอราคาตกแต่ง–สัญญาแฟรนไชส์–สเตทเมนต์–ตารางเงินสด)
• ถ้าพอมีข่าวค้ำฯ รูปแบบใหม่ (NaCGA) เดินหน้าเร็ว—ยื่นคู่กัน เพิ่มโอกาสผ่านและอัตราที่เป็นมิตรกว่า.
สรุป (ภาษาง่าย ๆ แบบเพื่อนบรีฟเพื่อน)
แฟรนไชส์จะไปรอด ไม่ใช่เพราะ “กู้ได้กี่ล้าน” แต่เพราะ “เลือกเงินให้ตรงงาน”
• ถังลงทุน (ตกแต่ง–เครื่องมือ–ค่าแรกเข้า) → เช่าซื้อ/เทอมโลน หรือ สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก
• ถังหมุนเวียน (สต็อก–เงินเดือน–การตลาดเปิดร้าน) → วงเงินอิงยอดขาย/OD ขนาดเล็ก “ใช้–ปิดเป็นรอบ”
• ถังฉุกเฉิน (สะพาน 30–60 วัน/ซ่อมบำรุง) → วงเงินสั้นพิเศษ แล้วรีบปิด
จัดพอร์ตแบบนี้ คุณจะใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ได้อย่างฉลาด ไม่ต้องลากตัวเองไปผ่อนยาว ๆ โดยไม่จำเป็น และถ้าไม่มีหลักทรัพย์ ก็ยังมีทางเลือก สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน บวกร่มค้ำฯ ภาครัฐช่วยเปิดประตูให้ถึงเงินทุนได้จริง (ปีนี้สถาบันเฉพาะกิจยังขยับลดดอกเป็นระยะด้วยนะ).
อ่านต่อ
เนื้อหา “จัดคู่เงินให้ตรงงาน” สำหรับแฟรนไชส์ฉบับเต็ม พร้อมเช็กลิสต์เอกสารและตัวอย่างสถานการณ์จริง
โฆษณา