16 ต.ค. เวลา 07:42 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อต้องเผชิญหน้า ถึงคราวจำเป็น เราชอบนึกถึง เรื่องราวของพระนเรศวรมหาราช ก็ให้มีจิตใจเยี่ยงท่าน เรามาชนช้างกัน ตัวต่อตัว อย่าให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะเราสองคน สู้กันอย่างชายชาติเชื้อกษัตริย์ แต่นั้นมันในสนามรบ .คราวนี้ เมื่อเราก็ดูอย่างท่าน เรื่องราวของสติไหวพริบที่ท่านนำมาใช้ ในการต่อสู้ .
คราวนี้ เมื่อเรา มาอยู่ใน เหตุเฉพาะหน้า มันก็คล้าย อยู่ในสนามรบ สนามอารมณ์ ต่างๆ เราก็ต้องอาศัยสติปัญญา ปฏิภาณไหวพริบ ระมัดระวังวิญญาณของตัวเอง ระมัดระวังอารมณ์เนื่องด้วยวิญญาณทั้งหก เราแก้ไขที่ตัวเราเอง ให้มีสติ สัมปชัญญะ ..ให้รู้จักเท่าทัน หยุดยั้งอารมณ์ที่ตัวเอง .นั้นก็คือ สติของเราต้องรู้เท่าทันให้เร็ว
คราวนี้ หากเรารู้จัก เรื่อบราว ประตูอบาย บ่อโคลน ..เราก็หาไม่เข้าไปประตูอบาย ..ไม่ไปคบลุกโคลนตมด้วย เราก็หาวิธี ไม่ให้วิญญาณหก กายวาจาใจ ไปคลุกโคลนตม ให้เปรอะเปื้อน ที่ต้องมา นั่งแก้ไข ชักล้างอี เพราะเวลาเปรอะเปื้อน มันซักออกยา เหมือนผ้าห่มของเร่ไปคบุกโคบน แล้วเราก็เอามาห่มตัวเอง ๕ือกายเปรอะเปื้อนโคลนตม มาห่มจิตอาศัยในกาย จิตก็ต้องสูดดมกลิ่นอายโคลนตมไปโดยไม่รู้ตัว
คนตมนั้น บางที่ก็เหมือนเรื่อง คบคนพาล เราก็จะมีนิสัย การใช้กายวาจาใจไปตามคนพาล เช่นเห็นเค้าโกรธ เราก็โกรธตามเค้าบ้าง เห็นเค้าเกลียด เราก็เกลียดตามบ้าง นั่นจึงเป็นเรื่องราวที่ว่า ให้เร่ารู้จัก เท่าทันอารมณ์ รู้จักใช้อารมณ์ ให้เกิดคำว่า ผลเป็นสันติธรรม
..สันติธรรมก็อยู่ที่ใจเรา ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง ผลักให้เราใช้กายกายไปสร้าง ไปมีกายวาจาใจตามอารมณ์ที่เป็นตัวกรรมเกิดขึ้นที่ตัวเรา เราก็มีสติประคับประคอง ให้เรื่องราวอารมณ์ เฉพาะหน้า ที่เกิดขึ้น ..อารมณ์มันมา เหตุมันมา เดี๋ยวอารมณ์นั้น ก็ผ่านพ้นไป มันอยู่เฉพาะหน้าได้ไม่นานหรอก ก็อยู่นิ่งๆเฉยๆ หยุดยั้งอารมณ์
โฆษณา