Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Tamepel Boy
•
ติดตาม
16 ต.ค. เวลา 12:39 • ปรัชญา
มหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอร์เนีย (เรียนคอร์สออนไลน์)
ธรรมชาติมี 2 ฝั่ง ฝั่งนึงเป็นวิสังขาร เป็นความจริงที่แท้
ไร้ภาษาไร้ความหมาย แสดงแต่ความเป็นอย่างนั้นอย่างนั้นเป็นเช่นนั้นเอง
อีกฝั่งนึง เป็นฝั่งของสังขาร เป็นสมมติสัจจะ เป็นความจริงโดยสมมุติ มีภาษาเอาไว้ใช้ในการสื่อสาร เราทุกคนอยู่ในฝั่งของสมมุติ จึงถูกสมมติครอบงำปิดบังความจริงแท้ เราเห็นความไม่งามว่างาม เพราะเราถูกสมมติครอบงำปิดบังความจริงมาเนิ่นนาน และไหลไปตามกระแสของโลก จึงต้องวนกลับมาอยู่ในสมมุติมายาแห่งนี้
-"สุญญตา 99.9999999 % เมื่อวิทยาศาสตร์โค้งคำนับพระพุทธเจ้า”
ลองยกมือขึ้นมา แล้วลองกำมันดู กำปั้นของเราแน่น แข็ง มั่นคงเหมือนหินใช่ไหม ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกว่ามัน “มีอยู่จริง” เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่หากเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ และมีกล้องจุลทรรศน์ที่สามารถซูมเข้าไปได้ลึกยิ่งกว่าความฝัน เราจะพบว่ากำปั้นนั้นแทบทั้งหมดคือ ความว่าง
กล้องระดับTransmission Electron Microscope ทำให้เรามองเห็นถึงอะตอม และในทุกอะตอมที่ประกอบเป็นร่างกายเรา จะมีนิวเคลียสเล็กจิ๋วอยู่ตรงกลาง และมีอิเล็กตรอนวิ่งวนรอบ ๆ เหมือนดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ และระยะห่างระหว่างนิวเคลียสกับอิเล็กตรอนมีขนาดใหญ่จนเหลือเชื่อ นักฟิสิกส์คำนวณแล้วว่า อะตอมนั้นมีที่ว่างถึง 99.9999999%
และนั่นก็มีความหมายเดียวกันว่า ร่างกายของเราก็มีที่ว่างเท่านั้นเช่นกัน
พูดง่าย ๆ เราคือความว่างที่ถูกหล่อขึ้นมาให้ดูแน่น สิ่งที่ทำให้เราสัมผัสได้ ไม่ใช่วัตถุจริง ๆ แต่คือแรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่ผลักกันไม่ให้ทะลุผ่าน สิ่งที่เราเรียกว่า “ตัวตน” จึงเป็นภาพลวงตาที่ก่อรูปขึ้นจากความว่างกับแรงประสานเท่านั้น
สองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน ก็มีมหาบุรุษได้พูดเรื่องนี้ไว้แล้ว
พระพุทธเจ้าทรงใช้คำว่า “สุญญตา” เช่นใน สุญญตสูตร ในพระไตรปิฎก (มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์) พระองค์ตรัสว่า “สุญฺญมิทํ อตฺเตน วา อตฺตนีเยน วา” ซึ่งแปลว่า โลกว่างเปล่าจากตัวตนของเรา และสิ่งของของเรา
พระพุทธองค์สอนว่า จุดเล็กสุดที่แบ่งไม่ได้นั้นไม่ใช่ของแข็ง แต่เป็นเพียงกระแสของธาตุขันธ์ ที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว
นี่คือการประกาศอย่างชัดว่า สิ่งทั้งหลายไม่มีแก่นสารแห่ง “ตัวตน” เลย สิ่งที่เราเรียกว่า “เรา” ก็เป็นเพียงขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เกิดแล้วดับอยู่ทุกขณะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว บางคนอาจคิดว่าแล้วเรื่องอะตอมที่มันเข้าใจยากเหลือเกิน กับเรื่องพระสูตรในพระไตรปิฎก มันเกี่ยวอะไรกับชีวิตประจำวันเราหรือ
วันก่อนที่เราเคยเครียด เพราะหวงของรักที่ถูกชิงไป ถ้าเรานึกเสียว่า สิ่งนั้นก็เป็นแค่อะตอมเล็กลอย ๆ ในสุญญตาอันกว้างใหญ่ ของรักนั้นให้มองอย่างไรก็มองไม่เห็น หรือเมื่อวานเราโกรธ เพราะถูกใครด่า ลองนึกเล่น ๆ ว่า คำพูดก็เป็นเพียงคลื่นอากาศในความว่าง เป็นพลังงานเสียงที่เกิดแล้วก็ดับ
หรือแม้แต่วันพรุ่งนี้เมื่อเรากลัวความตาย เราก็นึกว่า ร่างกายเราก็เป็นความว่างที่ถูกร้อยขึ้นชั่วคราว แล้ววันหนึ่งมันก็จะเลิกร้อยเป็นรูปนี้คืนกลับสู่ความว่าง
พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ไม่ยึดมั่น แต่สอนให้เห็นความจริงตรงหน้า และอยู่กับมันด้วยปัญญา
นักฟิสิกส์เคยถามตอบกันเล่น ๆ ว่า ถ้าบีบทุกอะตอมในร่างกายมนุษย์ให้แน่นจนไม่มีช่องว่างเหลือเลย มนุษย์ทั้งโลก 8,000 ล้านคนจะเหลือขนาดเท่าลูกแอปเปิ้ลลูกหนึ่ง ลองคิดดูสิ โลกทั้งโลกว่างเปล่ามากกว่าที่เราคิดอีกเท่าไร
เมื่อออกไปดูที่ระดับกาแล็กซี ช่องว่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม ดาวฤกษ์ในกาแล็กซีหนึ่ง ห่างกันหลายปีแสง และระหว่างกาแล็กซีก็มี ความว่างมหาศาล นักดาราศาสตร์ถึงกับพูดว่า จักรวาลนี้ส่วนใหญ่คือ vacuum หรือสุญญากาศ ไม่ใช่วัตถุ
สองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้วที่ความจริงสูงสุดนี้ได้ถูกค้นพบและประกาศออกไป ความจริงที่ว่าโลกนี้คือ “สุญญตา” ความว่างที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ และความว่างที่ทำให้เราปล่อยวางได้
//https://www.facebook.com/share/v/1CseRBh1yN/
แนวคิด
ai
ธรรมะ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย