Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTVHD36
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
18 ต.ค. เวลา 06:00 • สุขภาพ
เทคนิคป้องกันโรคไต ลดเค็ม ลดหวาน คุมน้ำหนัก ตัวแปรสำคัญช่วยได้
โรคไตป้องกันได้ด้วยการควบคุมอาหาร ลดเค็ม ลดหวาน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงยาเกินจำเป็น และตรวจสุขภาพประจำปี
โรคไตเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะผู้ป่วยทุกคนต่างต้องเผชิญ กับทั้งปัญหาสุขภาพ และ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่จัดว่าเป็นโรคที่ป้องกัน ชะลอได้ ด้วยกันดูแลสุขภาพ โดย กลุ่มที่มีโรคประจำตัว
โรคเบาหวาน ความดันโลหิต หัวใจ บุคคลกลุ่มนี้ต้องดูแลควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ คนทั่วไป สิ่งที่ควรปฏิบัติเป็นประจำ คือการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อหาความผิดปกติ และเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรค
โรคไตป้องกันได้ด้วยการควบคุมอาหาร ลดเค็ม ลดหวาน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงยาเกินจำเป็น และตรวจสุขภาพประจำปี
โรคไตเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะผู้ป่วยทุกคนต่างต้องเผชิญ กับทั้งปัญหาสุขภาพ และ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่จัดว่าเป็นโรคที่ป้องกัน ชะลอได้ ด้วยกันดูแลสุขภาพ โดย กลุ่มที่มีโรคประจำตัว โรคเบาหวาน ความดันโลหิต หัวใจ บุคคลกลุ่มนี้ต้องดูแลควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ คนทั่วไป สิ่งที่ควรปฏิบัติเป็นประจำ คือการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อหาความผิดปกติ และเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรค
เทคนิคป้องกันโรคไต
อาหาร เครื่องดื่ม จัดเป็นตัวแปรสำคัญ
ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ คือ 2 ลิตรต่อวัน
องค์การอนามัยโลก แนะนำให้บริโภคเกลือประมาณ 2,000 มิลลิกรัม/วัน ขณะที่ อาหารไทย 1 อย่างส่วนใหญ่มีเกลืออย่างน้อย 2 เท่าของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน เช่น น้ำปลา 1 ช้อนชา มีเกลือ 400 มก. วันหนึ่งจึงไม่ควรกินเกิน 5 ช้อนชา ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถเริ่มได้ด้วยตัวเองคือทำอาหารกินเอง เลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น
ขณะที่ของหวาน แนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่ควรเกิน 25 กรัม หรือ 6 ช้อนชาต่อวัน ควรลดปริมาณขนม น้ำหวาน ผลไม้ที่มีรสหวาน ส่วนอาหารจำพวกแป้งและพืชผักชนิดหัวที่มีปริมาณน้ำตาลมาก อย่าง เผือก มัน ไม่ควรกินเยอะเกินไป
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
น้ำหนักแค่ไหน ไม่เสี่ยงโรคไต
เราควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ และดัชนีมวลกายหรือค่า BMI อยู่ระหว่าง 18-25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
●
ผู้ชาย – รอบเอวไม่ควรเกิน 90 ซม. หรือ 35.5 นิ้ว
●
ผู้หญิง – รอบเอวไม่ควรเกิน 80 ซม. หรือ 31.5 นิ้ว
ไม่มองข้ามการออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประมาณวันละ 30 นาที หรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สิ่งสำคัญคือเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับร่างกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และโปรตีนสมดุลกับกิจกรรมหรือชนิดกีฬาที่เลือก เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและพักผ่อนเพียงพอ
●
การออกกำลังกายที่เน้นความแข็งแรงของหัวใจ (Cardio Vascular) หรือคาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่เน้นกระตุ้นการเต้นของหัวใจ บริหารระบบไหลเวียนโลหิต เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ
●
การออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Weight Training) หรือเวทเทรนนิ่ง เป็นการใช้น้ำหนักเพื่อให้เกิดแรงต้านทาน อาจใช้อุปกรณ์อย่างดัมเบล บาร์เบล หรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่
●
การออกกำลังกายแบบยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ (Flexibility exercises) เช่น โยคะ รำมวยจีน
โปรตีนแค่ไหน เรียกว่าสมดุล
●
ผู้ที่นั่งทำงานอยู่กับที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ควรได้รับโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
●
ผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอ ควรได้รับโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.
●
ผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอและเวทเทรนนิ่ง ควรได้รับโปรตีน 1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. สำหรับผู้หญิง และ 2-3 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.ในผู้ชาย อาทิ อกไก่ 100 กรัม มีโปรตีนประมาณ 23-25 กรัม ถ้าน้ำหนักตัว 50 กก.ต้องรับประทานอกไก่ 300 กรัม สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอ
ปริมาณโปรตีนที่กล่าวไปนั้น ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคไต หรือไตเสื่อม เพราะผู้ป่วยไตเสื่อมจะต้องการโปรตีนเพียง 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ซึ่งปริมาณโปรตีนจะขึ้นอยู่กับระดับความเสื่อมของไต เพราะเมื่อโปรตีนถูกเผาผลาญแล้วไตจะทำหน้าที่ขับของเสียนั้นออกจากร่างกาย แต่ถ้าไตเสื่อม ขับของเสียได้จำกัดและปริมาณของเสียมากจะส่งผลให้ของเสียค้างในเลือดสูง
ส่วน “เวย์โปรตีน” ที่มักได้ยินในกลุ่มผู้ออกกำลังกาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโปรตีนประมาณ 80% ซึ่งเป็นลักษณะของอาหารเสริมที่เน้นความสะดวกในการบริโภค แต่ทั้งนี้หากเราได้รับโปรตีนตามธรรมชาติจากการรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ และนม ในปริมาณที่เพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานเวย์โปรตีนเพิ่ม เพราะนอกจากเสียค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนมากเกินความต้องการอีกด้วย
ใช้ยาและสารเคมี ต้องระวังให้ดี
คนส่วนใหญ่บริโภคยาเกินความจำเป็น และมักมีผลต่อการทำงานของไตคือ “ยาแก้ปวด” ซึ่งผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว อย่างการปวดขา เกาต์ มักซื้อยามากินเอง เพิ่มความเสี่ยงให้ได้ทำงานน้อยลง นอกจากนี้ สมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดที่รับประทานแล้วทำให้ไตเสื่อม หรือบางกรณีของผู้ที่เป็นไตเสื่อมและเลือกไปรับประทานยาสมุนไพร มีผลให้ความเสื่อมเพิ่มขึ้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/health/care/7527
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
ไต
โรค
สุขภาพ
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย