เมื่อวาน เวลา 09:49 • ปรัชญา
ความสุขแบบโลกๆ ในโลกีวิสัยของเรา คือการได้สวดมนต์ในห้องพระ ที่มีพระพุทธรูปล้ำค่าที่คุณพ่อและคุณแม่เราได้สะสมมา และยังมีโถกระดูกลายครามคุณพ่อคุณแม่ตั้งอยู่คู่กัน เราใส่จินตนาการส่วนตัวว่า เหมือนทั้งคู่รอให้เราได้เข้าไปสวดมนต์ด้วยเสียงอันดังให้ฟังทุกคืนอย่างไรอย่างนั้น การได้นั่งสมาธิ ต่อจากการสวดมนต์ และตามมาด้วยการได้อ่านหนังสือ จนหลับไปในที่สุด เราให้นิยามสิ่งนี้ว่า "บรมสุข" เป็นนิยามที่เราตั้งขึ้นเองค่ะ
เราไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ว่านิยามความสุขที่แท้จริง มันคืออะไรกันแน่ เราเพียงทราบว่า พุทธองค์ทรงสอนเรื่อง "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไว้ในพระสูตร ชื่อว่า "อนันตลักขณสูตร" โดยทรงกล่าวว่า ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนไม่เที่ยง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และเมื่อเกิดแล้ว จะคงอยู่ถาวรไม่ได้ ต้องดับไปในที่สุดไม่เหลือเลย และไอ้เจ้าความรู้สึกสุข ทุกข์ ก็จัดเป็นเวทนาขันธ์ ซึ่งก็แปลว่ามันไม่เที่ยง จึงไม่ควรไปยึด ไปติด ไปข้องหรือคล้องมันเอาไว้
ในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท แจงไว้ว่าพุทธอค์ทรงตรัสสอนว่า :
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี ความพร้อมเพรียงแห่งหมู่คณะเป็นสุข
สมคฺคานํ ตโป สุโข ความเพียรของผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข
สุขํ ยาว ชรา สีลํ ศีลเป็นสุขจนถึงความแก่
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
บาลีว่า : Nibbānaṁ Paramaṁ Sukhaṁ
เราค้นคว้าพบว่า บางแห่งถอดแปลว่า
นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
บางแห่งถอดแปลว่า พระนิพพานคือความสุขสูงสุด
และหากเป็นตำราภาษาอังกฤษจะถอดแปลว่า
Nirvana is the supreme happiness
หรือ Nibbāna is the highest bliss.
.........................
คำว่า “Sukha” (สุข) ในภาษาบาลีแปลว่าสภาวะราบรื่น
แต่เราไม่เคยพบว่ามีตรงไหน
ที่ทรงสอนเรื่อง "ความสุขที่แท้จริง" เลยค่ะ
................
โฆษณา