ในโลกที่ DNA กำหนดอำนาจและความเป็นมนุษย์ การคืนอารมณ์และความรู้สึกอาจเป็นหนทางเดียวที่จะก้าวข้ามความไม่เท่าเทียม แต่การเลือกเส้นทางนั้นต้องแลกมาด้วยพลังและจิตวิญญาณของตัวเอง
ในสถานที่ลับสุดยอด ภายใต้ห้องทดลองที่เงียบและเย็นเยียบ Quantum Gene Reconstructor ถูกพัฒนาขึ้น ซึ้งเป็นเครื่องมือที่ไม่เพียงแก้ไข DNA แต่สามารถปรับแต่งสติและร่างกายตามต้องการ
การทดลองแรกเริ่มกับเด็กแรกเกิด 12 คน ที่ต่อมาได้กลายเป็น “ Homo Novus” ซึ่งทำให้โลกได้เห็นการก้าวข้ามขอบเขตของธรรมชาติ เพราะ เด็กเหล่านี้เชื่อมคลื่นสมองโดยไม่ต้องสื่อสารด้วยคำพูด
ความสำเร็จนี้นำมาสู่ยุคของ Homo Novus มนุษย์ที่ร่างกายสมบูรณ์แบบ สมองเหนือธรรมชาติ และสามารถเชื่อมต่อ PsiNet เครือข่ายจิตที่ทำให้ความคิดสามารถส่งผลต่อวัตถุขนาดนาโน ทำให้สังคมเริ่มตระหนักว่า DNA กำหนดอำนาจและศักยภาพ ตำแหน่งในโลกใหม่ขึ้นอยู่กับรหัสพันธุกรรม
แต่พลังไม่ได้มาพร้อมกับความเสมอภาค โลกถูกแบ่งเป็น สามชนชั้น Ascended, Hybrid, และ Original ขึ้นอยู่กับระดับ DNA และความสามารถทางจิต
เครื่องนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องมือแก้ไข DNA แต่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างชีววิทยาและสติ รหัสพันธุกรรมกลายเป็นโค้ดที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของสมองและร่างกาย
โลกเข้าสู่ยุคที่ DNA กลายเป็นมาตรวัดศักยภาพ หลังจากการทดลองในปี 2187 ประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์และรัฐบาลทั่วโลกต่างเร่งพัฒนากลุ่มเด็ก Homo Novus ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป้าหมายไม่ได้จำกัดเพียงการแก้ไขโรคพันธุกรรมหรือยืดอายุ แต่คือการสร้างมนุษย์ที่คิดเร็ว ตัดสินใจเหนือใคร และสามารถเชื่อมต่อกับสติอื่นได้
เมืองใหญ่ในยุคนี้เต็มไปด้วยป้าย hologram ที่บอกสถิติและความสามารถของประชากร ระบบการศึกษาและงานวิจัยถูกออกแบบให้เหมาะกับ Homo Novus เป็นพิเศษ อาคารสูงสะท้อนแสงแดดสีเงิน ลิฟต์แก้วที่เคลื่อนตัวด้วยแรงจิต ขนส่งและคลังข้อมูลสมองเชื่อมต่อผ่าน PsiNet
การมี DNA พัฒนากลายเป็นสิทธิ์อันทรงอำนาจ ใครถือรหัสพันธุกรรมนี้มีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจทางเศรษฐกิจและเมือง
ร่างกายของ Homo Novus ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ ระบบกล้ามเนื้อและประสาทฟื้นตัวจากบาดแผลและความอ่อนล้าได้อย่างรวดเร็ว สมองของพวกเขาประมวลผลข้อมูล จดจำ วิเคราะห์ และสร้างแบบจำลองเหตุการณ์ล่วงหน้าได้หลายเท่าของมนุษย์ธรรมดา
แต่สิ่งที่เหนือชั้นที่สุดคือ PsiNet เครือข่ายจิตที่เกิดจากลำดับยีนพิเศษ ทำให้ Homo Novus แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และแม้แต่สั่งงานวัตถุผ่านคลื่นประสาทข้ามสมอง
ดร. Elia Fay บันทึกไว้ว่า
“เมื่อสองสมองเข้าประสาน PsiNet พวกเขาไม่ได้เพียงสื่อสาร… แต่สามารถส่งผลต่อวัตถุขนาดนาโน มันเหมือนความคิดกลายเป็นแรงทางกายภาพ ฉันเห็นแล้วว่า Homo Novus ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป พวกเขาคือร่างกายและจิตที่วิวัฒน์สู่สิ่งใหม่”
ผลกระทบต่อสังคมเริ่มปรากฏชัด ผู้มี DNA พัฒนาถูกมองว่าเหนือกว่าในทุกมิติ ทั้งการศึกษา การงาน และการเมือง ขณะที่มนุษย์ดั้งเดิมกลายเป็นประชากรชายขอบ สังคมเริ่มแบ่งเป็นสองโลก โลกสะอาดและทรงพลังของ Homo Novus กับพื้นที่เสื่อมโทรมและถูกละทิ้งของมนุษย์เดิม
ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีเงินและเสียงประสาทสัมผัส PsiNet ทำให้ Homo Novus สามารถสื่อสารโดยไม่ต้องพูด เพียงแค่คิด ความคิดสามารถสั่งการวัตถุ ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ และสร้างระบบตัดสินใจที่แม่นยำเหนือมนุษย์ธรรมดา
แต่ความเร็วและความชัดเจนนี้ก็แลกมาด้วยความเปราะบาง เมื่อหนึ่งใน Homo Novus สัมผัสอารมณ์ ความขัดแย้งทางจิตเริ่มเกิดขึ้น การควบคุมตัวเองกับการเชื่อมต่อสติของผู้อื่นกลายเป็นเรื่องท้าทาย
นักวิทยาศาสตร์บางคนเริ่มตั้งคำถามว่า Homo Novus คือความสมดุลของวิวัฒนาการ หรือเป็นสัญญาณแรกของความล่มสลาย หาก DNA กำหนดทุกสิ่ง ความเป็นมนุษย์อยู่ที่ไหน? PsiNet แสดงให้เห็นว่า DNA ไม่ใช่เพียงรหัสชีวภาพ แต่คือรหัสสติ การพัฒนา DNA จึงเท่ากับการพัฒนาจิตสำนึก
และโลกใหม่แห่ง Homo Novus ก็เริ่มก่อตัวขึ้น ร่างกายและจิตวิวัฒน์สู่สิ่งเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดระหว่าง Homo Novus และมนุษย์ดั้งเดิมก็สะสม เงาของความไม่เท่าเทียมและคำถามเชิงปรัชญาเริ่มลอยอยู่เหนือเมือง: ความเป็นมนุษย์คือรหัสพันธุกรรม หรือการรับรู้และเลือกทางจิตวิญญาณ?
▪️โลกของ Homo Novus: เมืองเหนือสมอง และเมืองชายขอบ
▫️Echelon City – โลกเหนือสมองและร่างกาย
ท่ามกลางท้องฟ้าสีเทาเงินและแสงนีออนเย็นเฉียบ Echelon City ดูเหมือนการรวมตัวของความเรียบง่ายและความเหนือชั้น ถนนทุกสายเรียบลื่นราวกับทำจากแก้วและโลหะสะอาด แสงสะท้อนจากพื้นและผนังสูงเรียงตัวเป็นระเบียบ ช่วยให้เมืองทั้งเมืองเปล่งประกายด้วยความสมบูรณ์แบบ แต่ความเย็นชานั้นแฝงความเงียบลึกที่กดทับหัวใจผู้สัญจร
ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร แต่เหมือนโลกอีกใบ OutSectors เป็นเขตที่ถูกลืมและถูกผลักออกจากอำนาจของ Homo Novus อาคารเก่าผุพังเรียงตัวแบบไม่มีระเบียบ พื้นถนนแตกเป็นร่องน้ำ ฝุ่นคละคลุ้งกับกลิ่นควันไฟและอาหารที่ต้มบนเตาเก่าทำให้บรรยากาศหนาแน่นและอึดอัด
“ความเป็นมนุษย์มีค่าเพียงใด?… DNA หรือพลังจิตสามารถแทนความฝัน ความรัก หรือความหวังได้หรือไม่?”
▪️2210 : การแบ่งชนชั้นทางพันธุกรรม
หลังจาก Homo Novus ปรากฏตัวอย่างชัดเจน ความแตกต่างทางศักยภาพระหว่าง DNA พัฒนาเต็มรูปแบบกับมนุษย์ดั้งเดิมเริ่มสร้างความตึงเครียดทางสังคมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ผู้คนตั้งคำถามต่อความยุติธรรมและคุณค่าของชีวิต DNA เป็นสิ่งที่กำหนดชะตากรรม หรือมนุษย์ยังคงมีสิทธิ์เลือกทางของตัวเอง?
ขบวนการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการต่อต้านทางกายภาพ แต่เป็นสงครามทางความคิดและจิตวิญญาณ พวกเขาต้องเรียนรู้การซ่อนร่องรอย รวบรวมความรู้ และใช้เทคโนโลยีที่เหลืออยู่เพื่อวางแผนรับมือกับ Homo Novus ที่เหนือชั้นกว่าทุกด้าน
โลกปี 2210 จึงกลายเป็น สนามรบทางจิตวิญญาณและสังคม ความแตกต่างทาง DNA ไม่เพียงแบ่งชั้นและพื้นที่ แต่สร้างแรงกดดันต่อทุกชีวิต ทุกความคิด ทุกความรู้สึก การเลือกเกิดและ DNA กลายเป็นอำนาจสูงสุด แต่คำถามยังคงอยู่: สิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์จริง ๆ คือรหัสพันธุกรรม หรือความสามารถในการคิด รู้สึก และเลือกทางของตัวเอง?
“เราสร้าง Homo Novus ด้วยหวังให้มนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัด แต่เราได้สร้างระบบที่ขูดรีด Original ออกไปจนเหลือเพียงชายขอบ… นี่คือวิวัฒนาการหรือความอยุติธรรม?”
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ตลาดดำ DNA และการทดลองลับเริ่มปรากฏขึ้น DNA Patch การปรับแต่งยีนผิดกฎหมาย Experiments โดยกลุ่มลับและนักวิทยาศาสตร์ใต้ดิน การแลกเปลี่ยนยีนเพื่อแลกชีวิตหรือสิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยี กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แม้จะเสี่ยงต่อสุขภาพและกฎหมาย แต่ Original ต้องแลกเพื่อความอยู่รอด
“เราค้นพบขีดจำกัดของ DNA ว่าพลังจิตแลกกับอารมณ์คุ้มค่าหรือไม่ พลังเหนือมนุษย์ไม่ใช่สวรรค์ หากไม่มีความเห็นอกเห็นใจ การคืนรหัสอารมณ์คือการคืนความเป็นมนุษย์ให้โลกนี้ แม้จะแลกด้วยพลังบางส่วน”
การทดลองครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นการเปิดประตูสู่คำถามปรัชญาที่ลึกซึ้งที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ที่เคยยืนอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยตรรกะและความรู้สึกอิสระของสติ พบว่าตนเองต้องตั้งคำถาม: ความสมบูรณ์ของร่างกายและสมอง DNA ที่ผ่านการคัดสรรจนสมบูรณ์แบบ มีค่าเท่ากับความสมบูรณ์ของจิตวิญญาณหรือไม่?
ในห้องทดลองใต้ดินที่แสงสลัว เครื่องมือ Quantum Gene Reconstructor กระพริบสีฟ้าอ่อน Homo Novus รุ่นแรกเริ่มส่งคลื่นอารมณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน รอยยิ้มและน้ำตาเข้ามาปะทะกับความเงียบของสมองที่เคยคิดแต่ตรรกะ การลดพลังจิตเพื่อคืนความเห็นอกเห็นใจและความฝัน เป็นการถอยหลังหรือต่อยอดวิวัฒนาการ?
นักวิทยาศาสตร์เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ เห็นร่างเด็ก Homo Novus ยืนอยู่ตรงหน้า พลังเหนือมนุษย์ยังอยู่ แต่สายตาเต็มไปด้วยความสงสาร ความอาลัย และความหวัง
สังคมภายนอกเริ่มจับตาอย่างระมัดระวัง Original และ Hybrid ที่เคยถูกกีดกันจากเมืองสะอาดและทรัพยากรเริ่มได้แรงบันดาลใจ
พวกเขาเห็นว่าแม้ Homo Novus จะเหนือกว่าในร่างกายและสมอง แต่ความสมบูรณ์ของอารมณ์และจิตวิญญาณคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่สูญเสียตัวตน
คำถามสำคัญเกิดขึ้น: Homo Novus ที่มีอารมณ์และฝันแล้ว จะยังเหนือกว่า Original หรือ Hybrid จริงหรือ? หรือความเหนือกว่าที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถในการเลือก รู้สึก และเข้าใจผู้อื่น ความเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถวัดด้วย DNA หรือพลังจิตเพียงอย่างเดียว
ในที่สุด การทดลองไม่เพียงเปลี่ยน Homo Novus แต่เปลี่ยนโลก เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์มองตัวเองและซึ่งกันและกัน การมี DNA สมบูรณ์หรือพลังจิตสูงสุดไม่ได้หมายความว่ามนุษย์สมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ ความสามารถที่จะรัก สงสาร ฝัน และเลือกทาง กลายเป็นรหัสที่แท้จริงของชีวิต
โลกปี 2240 ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของ DNA หรือพลังจิตอีกต่อไป แต่เป็น บทเรียนเชิงปรัชญาและสังคม ที่สะท้อนถึงข้อจำกัดของการสร้างชีวิต การเลือกและการรักษาความเป็นมนุษย์ท่ามกลางวิวัฒนาการที่มนุษย์กำหนดเอง
Uncoded Collective ขบวนการต่อต้านของ Original มองว่านี่คือโอกาสที่จะพิสูจน์สมดุลระหว่าง DNA และจิตวิญญาณ พวกเขาตัดสินใจลงมือขั้นใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สมาชิกของ Uncoded Collective แทรกซึมเข้าสู่ Echelon City ผ่านเครือข่ายใต้ดินและช่องว่างทางเทคโนโลยีที่เกิดจากความซับซ้อนของ PsiNet การเคลื่อนไหวทุกก้าวถูกซ่อนเร้นด้วยความระมัดระวัง แต่ทุกการก้าวผ่านกลับสะท้อนถึงแรงตึงเครียดและความหวังของมนุษย์ดั้งเดิม
เป้าหมายของพวกเขาคือการทดลองระบบถอดรหัส DNA ที่พัฒนาลับ เพื่อคืน Pattern of Emotion ให้กับ Ascended รุ่นแรก
“เราสร้างพวกเขาขึ้นเพื่อเป็น Homo Novus เหนือธรรมชาติและเหนือกฎหมายของอารมณ์ แต่ตอนนี้ ความเศร้าและความสุขแรกทำให้พวกเขาสับสนและสับสนอย่างลึกซึ้ง พลังและอำนาจไม่สามารถอยู่เหนือมนุษยธรรมได้อีกต่อไป”
“เราสร้างโลกนี้เพื่อดูว่ามนุษย์สามารถกำหนดชะตาตัวเองผ่าน DNA และพลังจิตได้หรือไม่ แต่ท้ายที่สุด คำถามที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมีอำนาจเหนือกว่า แต่เป็นว่า มนุษย์คืออะไร ถ้า DNA และจิตสามารถเขียนใหม่ได้ โลกนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า DNA สมบูรณ์ไม่เท่ากับจิตวิญญาณสมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์อยู่ที่การเลือก การรับรู้ และความสามารถที่จะรู้สึก”
หลังปี 2270 โลกไม่ได้ถูกจำกัดด้วย DNA หรือพลังจิตเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นสนามทดสอบแห่งความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง Ascended, Hybrid, และ Original ต่างดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นแบ่งที่ DNA และพลังจิตสร้างขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่าจิตวิญญาณหรือความเป็นมนุษย์จะอยู่ตรงไหน
โลกหลัง 2270 แสดงให้เห็นว่าการเลือกเพียงทางใดทางหนึ่ง DNA สมบูรณ์หรือพลังจิตสูงสุด อาจให้ความเหนือกว่าแบบชั่วคราว แต่การอยู่รอดและความหมายของความเป็นมนุษย์ต้องอาศัย สมดุลระหว่างร่างกาย สมอง และจิตวิญญาณ
มหากาพย์ของโลกอนาคตไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีหรือพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการตั้งคำถามต่อสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์จริง ๆ ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ การเลือก และการรับรู้ถึงผู้อื่น นี่คือสนามรบที่แท้จริงของ Homo Novus, Original, และ Hybrid โลกที่ DNA และจิตวิญญาณไม่อาจแยกจากกันอีกต่อไป
▪️ข้อคิดสำคัญจากโลกอนาคต
1. DNA ไม่ใช่ตัวกำหนดคุณค่าของมนุษย์เพียงอย่างเดียว
แม้ Homo Novus จะมีร่างกายและสมองเหนือมนุษย์เดิม แต่เมื่อขาดอารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ หรือความฝัน พวกเขากลับไม่สมบูรณ์จริง ๆ การพัฒนาร่างกายและสมองจึงไม่เท่ากับการพัฒนามนุษย์อย่างแท้จริง