นายเฉิน จื้อ ได้ก่อตั้ง Prince Group (Prince Holding Group) มีทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธนาคาร เพื่อใช้บังหน้าไว้ฟอกเงิน กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลก
ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งในประเทศไทย
สำนักข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า พบเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อและโลโก้เดียวกับ Prince Group ระบุว่าได้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท ปริ๊นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International Co., Ltd.) โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อาคารซิโนไทย ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ของนายเชาวรัตน์ ชาญวีรกูล พ่อของนายกอนุทิน ชาญวีรกูล
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า Prince International ได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ อย่างเอสซี แอสเสท แสนสิริ และริชี่ ตามที่ปรากฎในสื่อต่างๆ ทั่วประเทศ
แม้ภายหลังทั้งสี่บริษัทจะได้ออกหนังสือชี้แจงต่อสาธารณชน ปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทำธุรกรรมใดๆกับ Prince International ก็ตาม แต่ประชาชนก็ยังเคลือบแคลงสงสัยคาใจไม่หาย รัฐบาลควรเข้าไปสอบสวนเรื่องนี้ด้วยความโปร่งใสอย่างจริงจัง แล้วชี้แจงให้สังคมได้ทราบโดยด่วน
ทางด้าน Prince Group เอง ก็ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยยืนยันว่าเป็นการปลอมแปลงข้อมูลของกลุ่มอาชญากรอื่น
เมื่อกัมพูชาถูกโลกล้อมกรอบ การหมุนเวียนทางธุรกิจจะหยุดชงัก สินค้าอุปโภคบริโภคขาดตลาด ราคาแพงขึ้นสร้าวความเดือดร้อนให้ประชาชนจนทนไม่ได้ เพราะช่องทางส่งออกนำเข้าถูกตัดขาดด้วยการปิดด่านชายแดนทุกทิศ ทั้งประเทศจะขาดเงินหมุนเวียน ยิ่ง Prince Group ถูกอเมริกาและอังกฤษอายัดทรัพย์สินจำนวนมหาศาลด้วยแล้ว ย่อมส่งผลกระทบถึง Prince Bank ที่เป็นธุรกิจในเครืออย่างไม่มีทางเลี่ยง
ประชาชนชาวกัมพูชาจะยิ่งตื่นตระหนกไม่เชื่อถือเครดิตธนาคารอีกต่อไป ถึงตอนนั้นปรากฎการณ์ Bank Run ก็จะรุมกระหน่ำให้ประชาชนแย่งกันถอนเงินออกจากธนาคารจนเกลี้ยง คิดดูว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศกัมพูชา