19 ต.ค. เวลา 03:21 • ปรัชญา
กรุงเทพ Bangkok
แล้วแต่กรณีนะครับ เราจะใช้วิธีคิดแบบเหมารวมไม่ได้ครับ
ลองดูตัวอย่างนี้ ในกรณีของพระพุทธเจ้า
ครั้งที่พระพุทธเจ้าพบว่า เกิดการทะเลาะวิวาทกันในหมู่ภิกษุ ห้ามแล้วไม่ฟัง
"ผู้เห็นแต่จะทะเลาะวิวาท" และคำว่า "ช้างมาตังคะ"
ผู้เห็นแต่จะทะเลาะวิวาท
"ภิกษุทั้งหลาย พอที พวกเธอทั้งหลายอย่าหมายมั่นกันเลย อย่าทะเลาะกันเลย อย่าโต้เถียงกันเลย อย่าวิวาทกันเลย"
ดังนี้ ถึงสองถึงสามครั้ง
เมื่อตรัสอย่างนี้แล้ว มีภิกษุบางรูปทูลขึ้นว่า
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นธรรมสามี
ขอพระองค์จงหยุดไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า
ขอจงขวนขวายน้อยเถิดพระเจ้าข้า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอจงทรงประกอบในสุขวิหารในทิฏฐธรรมอยู่เถิดพระเจ้าข้า
พวกข้าพระองค์ทั้งหลายจักทำให้เห็นดำเห็นแดงกัน ด้วยการหมายมั่นกัน ด้วยการทะเลาะกัน ด้วยการโต้เถียงกัน ด้วยการวิวาทกัน อันนี้เอง" ดังนี้
กาลนั้นแลในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองจีวร ถือบาตร เสด็จเข้าไปสู่เมืองโกสัมพีเพื่อบิณฑบาตร ครั้นทรงเที่ยวบิณฑบาตรในเมืองโกสัมพีแล้ว
ภายหลังภัตตกาล กลับจากบิณฑบาตรแล้ว ทรงเก็บบริขารขึ้นมาถือไว้ แล้วประทับยืน ตรัสคาถานี้ว่า
"คนไพร่ ๆ ด้วยกัน ส่งเสียงเอ็ดตะโร แต่หามีคนไหนสำคัญตัวว่าเป็นพาลไม่ เมื่อหมู่แตกกัน ก็หาได้มีใครรู้สึกเป็นอย่างอื่นให้ดีขึ้นไปกว่านั้นได้ไม่
พวกบัณฑิตลืมตัว สมัครที่จะพูดตามทางที่ตนปรารถนาจะพูดอย่างไร ก็พูดพล่ามไปอย่างนั้น หาได้นำพาถึงกิเลสที่เป็นเหตุแห่งการทะเลาะกันไม่
พวกใดยังผูกใจเจ็บอยู่ว่า ผู้นั้นได้ด่าเรา ได้ทำร้ายเรา ได้เอาชนะเรา ได้ลักทรัพย์ของเรา เวรของพวกนั้นย่อมระงับไม่ลง
พวกใดไม่ผูกใจเจ็บว่า ผู้นั้นได้ด่าเรา ได้ทำร้ายเรา ได้เอาชนะเรา ได้ลักทรัพย์ของเรา เวรของพวกนั้นย่อมระงับได้
ในยุคไหนก็ตาม เวรทั้งหลายไม่เคยระงับได้ด้วยการผูกเวรเลย แต่ระงับได้ด้วยไม่มีการผูกเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า ที่ใช้ได้ตลอดกาล
คนพวกอื่นไม่รู้สึกว่าพวกเราจะแหลกราน ก็เพราะเหตุนี้ พวกใดสำนึกตัวได้ในเหตุที่มีนั้น ความมุ่งร้ายกันย่อมระงับได้ เพราะความรู้สึกนั้น
ความกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการทำตามกิเลส ยังมีได้แม้แก่พวกคนกักขฬะเหล่านั้น ที่ปล้นเมือง หักแข้งขาชาวบ้าน ฆ่าฟันผู้คน แล้วต้อนม้า โค และขนเอาทรัพย์ไป แล้วทำไมจะมีแก่พวกเธอไม่ได้เล่า
ถ้าหากไม่ได้สหายที่พาตัวรอด เป็นปราชญ์ที่มีความเป็นอยู่ดี เป็นเพื่อนร่วมทางแล้วไซร้ ก็จงทำตัวให้เหมือนพระราชาที่ละแคว้นซึ่งพิชิตได้แล้วไปเสีย แล้วเที่ยวไปคนเดียว ดุจช้างมาตังคะเที่ยวไปในป่าตัวเดียวฉะนั้น
การเที่ยวไปคนเดียวดีกว่า เพราะไม่มีความเป็นสหายกันได้กับคนพาล พึงเที่ยวไปคนเดียวและไม่ทำบาป เป็นคนมักน้อยดุจช้างมาตังคะ เป็นสัตว์มักน้อยเที่ยวไปในป่าฉะนั้น"
ดังนี้แล้ว ได้เสด็จไปยังพาลกโลณการคาม
ที่มา
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ 8/19
ว่าด้วยพิษสงทางใจ 13 เรื่อง
โฆษณา