19 ต.ค. เวลา 08:47 • ธุรกิจ
Pata ว่านะ
การ​เปลี่ยนแปลงของรูปแบบ
การทำงานและเทคโนโลยี
Work Model and Technology
​ทำให้เราสามารถทำงานได้
จากทุกที่ทุกเวลาWork From Anywhereมันหมายความว่า
"ขอบเขต"ระหว่างงานกับชีวิต
ส่วนตัวเริ่มบางลงจนเลือนหายไป
สมดุลไม่ใช่แค่การแบ่งเวลา
8 ชั่วโมงต่อวันอีกต่อไปแต่
เป็นการวางขอบเขตที่ยืดหยุ่น
จัดการพลังงานทรัพยากรเพื่อ
ให้งานไม่รุกล้ำชีวิตส่วนตัว
มากเกินไป
​ในยุคนี้จะเน้นผลลัพธ์ (Output)
ของงานมากกว่า"จำนวนชั่วโมง (Input)" ที่ใช้ไป ซึ่งเป็นประโยชน์
ต่อทั้งองค์กรและพนักงาน
Pataว่านะ
การ​ตระหนักรู้ด้านสุขภาพจิต
"หมดไฟ"Burnout Syndrome
ที่สังคมปัจจุบันมีการพูดถึง
สุขภาพจิตความเครียดจาก
การทำงานมากขึ้น
ผู้คนเห็นผลกระทบของ
การทำงานหนักแบบหาม
รุ่งหามค่ำคนรุ่นใหม่Gen Y,
Gen Zจึงให้ความสำคัญ
กับการดูแลสุขภาพกายใจ
เป็นอันดับต้น ๆมากกว่า
เงินเดือนอย่างเดียว
ความเป็นไปได้ที่เหมาะสม
ใช้คำว่า"ส่งเสริม"Work-Life
Balance เป็นมาตรการป้องกันความเครียดและภาวะหมดไฟ
การที่พนักงานมีเวลา
พักผ่อนออกกำลังกาย
และดูแลความสัมพันธ์
จะช่วยให้พวกเขามีพลังงาน
ความคิดสร้างสรรค์กระตือ
รือร้นในการทำงานมากขึ้น
เมื่อกลับมาทำงานซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่ดี
และยั่งยืน
Pataว่านะ
ค่านิยมของคนทำงานเปลี่ยน (Evolving Employee Values)
คนรุ่นใหม่มองว่า"งานไม่ใช่
ทั้งหมดของชีวิต"
การพัฒนาทักษะใหม่Upskill
Reskillงานอดิเรกใช้เวลากับ
ครอบครัวความเป็นไปได้ที่
เหมาะสม
ส่วนองค์กรก็ให้ความสำคัญ
กับ Work-Life Balance จะ
สามารถดึงดูดและรักษา
(Attract and Retain)
พนักงานที่มีคุณภาพได้
ดีกว่าเพราะแสดงให้เห็น
ว่าองค์กรมีความเข้าใจ
ความเป็นมนุษย์ (Empathy)
และเคารพในชีวิตส่วนตัว
ของพนักงานซึ่งเป็นปัจจัย
จูงใจที่สำคัญกว่าเงินเดือน
Pataว่านะ
มันน่าเชื่อถือที่สุด
Work-Life Balance ในยุคนี้
คือการลงทุนเพื่อความยั่งยืน
ของมนุษย์ (Investment in Human Sustainability)เพื่อทำงานที่
มีประสิทธิภาพและมีความสุข
ในชีวิตได้ในระยะยาวท่าม
กลางโลกที่เปลี่ยนแปลงและ
มีความกดดันสูงจากเทคโนโลยี
กระมังน้อ!
โฆษณา