19 ต.ค. เวลา 08:57 • ข่าว

ทำไมเวลา สำคัญ(มาก)ต่อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

ในฐานะเภสัชกรที่เคยต้องคำนวนขนาดยา Alteplase พร้อมวิ่งหน้าตั้งไปส่ง ER ภายในเวลาไม่เกิน 2-3 นาที สารภาพตามตรงว่ารู้สึกใจหายและหงุดหงิดกับเหตุการที่เกิดขึ้นมากๆ
เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในผู้ป่วย Stroke และ STEMI ยิ่งคนไข้ได้รับการรักษารวดเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่คนไข้จะฟื้นตัวและกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงปกติชนก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ขณะเดียวกันหากคนไข้ได้รับการรักษาช้าไปเพียงไม่กี่วินาที ทุกความพยายามของทุกฝ่าย ทั้งญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ ก็จะไม่อาจรักษาชีวิตของผู้ป่วยเอาไว้ได้
ทำไมเวลา ถึงสำคัญอย่างยิ่งในผู้ป่วยวิกฤต
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันชนิด ST-Segment Elevation Myocardial Infarction (STEMI) เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดโคโรนารีหลักที่ไหลมาเลี้ยงหัวใจอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต
หากไม่ได้รับการรักษาเปิดหลอดเลือดให้ทันเวลา กล้ามเนื้อหัวใจของผู้ป่วยที่ตายจะมีจำนวนมากขึ้น และเป็นการตายแบบถาวร (Irreversible Necrosis)
และหากยังไม่ได้รับการรักษา กล้ามเนื้อหัวใจในส่วนที่มีความไวต่อไฟฟ้าสูง (Electrical Instability) ก็จะตายลงและไม่สามารถฟังก์ชันได้อีกต่อไป
การเผาจริงเริ่มต้นที่ตรงนี้ เพราะการกระตุ้นไฟฟ้าที่ผิดปกติในโพรงหัวใจล่าง (Ventricles) ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอันตราย คือ Ventricular Fibrillation (VF) ทำให้การบีบตัวเพื่อนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายนั้นล้มเหลว
คนไข้จะเกิดภาวะ เกิดภาวะ Cardiogenic Shock ส่งผลให้ความดันโลหิตตกต่ำอย่างมาก อวัยวะต่าง ๆ ขาดออกซิเจนและล้มเหลว จนเสียชีวิตลงในท้ายที่สุด
แนวทางการรักษาในปัจจุบันกำหนดให้การเปิดหลอดเลือดเป็นกลยุทธ์หลัก โดยการทำ Primary Percutaneous Coronary Intervention (PPCI) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในบริบทที่การทำ PPCI ไม่สามารถดำเนินการได้ทันท่วงทีภายในกรอบเวลาที่กำหนด การใช้ยาละลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic Therapy) ถือเป็นทางเลือกที่สำคัญและให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
ผู้ป่วยทุกคนต้องได้รับการวินิจฉัยที่รวดเร็ว (การทำ ECG ภายใน 10 นาที) และต้องได้รับการรักษาเปิดหลอดเลือดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นการให้ Alteplase หรือการทำ PPCI ภายใน 120 นาที (อันนี้ตามทฤษฎี ในทางปฏิบัติโดยส่วนใหญ่คือภายใน 30 นาที)
เท่าที่ผมเขียนบทความอยู่ตอนนี้ ก็เห็นข่าวว่าตัวต้นเรื่องได้รับผลกรรมเบื้องต้นไปแล้ว ก็ขอเตือนผ่านช่องทางนี้ไปว่า ก่อนจะทำอะไรเบียวๆออกมาโดยไม่คิด นอกจากจะไม่ได้ทำให้ปัญหาเดิมหมดไป คุณอาจกลายเป็นตัวการในการสร้างปัญหาใหม่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าขึ้นมา หากบุคลากรทางการแพทย์แนะนำอะไร นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้กับสถานการณ์นั้นๆ อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเก่ง แล้วทำอะไรไม่ฉลาดลงไป เพราะผลที่ตามมาอาจเลวร้ายจนคาดไม่ถึง เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
1
อ้างอิง
โฆษณา