เมื่อวาน เวลา 11:47 • ประวัติศาสตร์

“ปี” มาจากไหน?

เคยสงสัยมั้ยครับว่าใครเป็นคนตัดสินใจกำหนดให้หนึ่งปีมี 365 วัน?
ปัจจุบัน ทุกคนคงทราบกันดีว่าหนึ่งปีมี 365 วัน เป็นเรื่องปกติธรรมดา
เราฉลองวันปีใหม่กันในวันที่ 1 มกราคม เราพูดถึงปีการศึกษา ปีงบประมาณ และวันเกิด ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดเรื่อง "ปี"
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาแต่แรก หากแต่เป็นสิ่งที่ถูก ค้นพบ ถกเถียง และปรับปรุงโดยอารยธรรมต่างๆ มาตลอดหลายพันปี
แล้วใครกันแน่ที่เป็นผู้ประดิษฐ์แนวคิดเรื่อง “ปี”?
เราลองมาหาคำตอบกันครับ
ก่อนที่เราจะเจาะลึกไปในประวัติศาสตร์ เราต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนว่า "ปี" คือช่วงเวลาที่โลกใช้ในการโคจรครบรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ซึ่งกินเวลาประมาณ 365.242 วัน
นี่คือเหตุผลที่เราต้องมีปีอธิกสุรทิน (Leap Years) เพื่อตามให้ทันเศษเสี้ยวของวันที่หายไปในแต่ละปี
แต่มนุษย์สมัยโบราณไม่มีดาวเทียม ไม่มีกล้องโทรทรรศน์ ไม่มีนาฬิกา พวกเขามีเพียงดวงตาและท้องฟ้าเท่านั้น โดยการเฝ้าดูการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว พวกเขาก็เริ่มสังเกตเห็นรูปแบบที่ซ้ำๆ ของฤดูกาล น้ำท่วมที่มาตามเวลาที่คาดเดาได้ การเก็บเกี่ยวที่เป็นไปตามวัฏจักร
ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่อง "ปี" จึงถือกำเนิดขึ้น ไม่ใช่ในฐานะคำศัพท์ แต่ในฐานะวัฏจักรทางธรรมชาติที่ใช้งานได้
เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ก่อนที่จะมีเมืองหรือภาษาเขียน มนุษย์ได้สังเกตเห็นวัฏจักรของฤดูกาล
ลองจินตนาการถึงสังคมนักล่าสัตว์-เก็บของป่า จะเห็นได้ว่าสัตว์บางชนิดจะอพยพในฤดูเดียวกันทุกปี พืชบางชนิดจะงอกงามอีกครั้งหลังจากพระจันทร์ (เดือน) หนึ่งผ่านไป และฤดูหนาวก็กลับมาสม่ำเสมอ
หลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า แม้แต่คนในยุคหินก็มีการแกะสลักรอยบนกระดูก ซึ่งอาจเป็นบันทึกวัฏจักรของดวงจันทร์ ซึ่ง
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะยังไม่ใช่ "ปฏิทิน" อย่างที่เรารู้จัก แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามนุษย์กำลังติดตามเวลาที่ยาวนานกว่าแค่หนึ่งวัน แนวคิดเรื่อง "ปี" ในฐานะวัฏจักรที่ซ้ำๆ จึงค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ความเข้าใจของมนุษย์
หากเราถามว่า "ใครเป็นคนประดิษฐ์ปี?" ชาวอียิปต์โบราณอาจจะเป็นกลุ่มชนที่สมควรได้รับเครดิตมากที่สุด
เมื่อประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์สังเกตเห็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือเหตุการณ์น้ำท่วมประจำปีของแม่น้ำไนล์ ซึ่งทำให้พื้นที่เพาะปลูกของพวกเขาอุดมสมบูรณ์ และมักจะเกิดขึ้นเมื่อดาวสว่างดวงหนึ่งที่เรียกว่า “ดาวซิริอุส (Sirius)” โผล่ขึ้นมาเหนือขอบฟ้าก่อนรุ่งสาง
สิ่งนี้กลายเป็นเครื่องหมายสำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ของพวกเขา และชาวอียิปต์ก็สร้างปฏิทินสุริยคติที่เก่าแก่ที่สุดปฏิทินหนึ่ง โดยแบ่งปีออกเป็น 12 เดือน เดือนละ 30 วัน พร้อมกับเพิ่มวันพิเศษอีก 5 วันในช่วงท้าย ทำให้มี 365 วัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีสุริยคติที่แท้จริงอย่างน่าทึ่ง
แน่นอนว่าพวกเขายังขาดไปประมาณเศษ 1 ส่วน 4 วันในแต่ละปี แต่นี่ก็ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษย์ เป็นครั้งแรกที่ปีถูกกำหนดโดยการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ไม่ใช่แค่ดวงจันทร์
ในช่วงเวลาเดียวกัน ชาวบาบิโลนในเมโสโปเตเมีย (อิรักในปัจจุบัน) กำลังติดตามเวลาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป พวกเขาเป็นนักดาราศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมและเก็บบันทึกสิ่งที่พบเห็นอย่างละเอียดบนแผ่นดินเหนียว ปีของพวกเขาจะอิงตามดวงจันทร์ โดยมี 12 เดือน เดือนละ 29 หรือ 30 วัน รวมเป็นประมาณ 354 วัน
สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหา นั่นคือปีจันทรคติจะช้ากว่าปีสุริยคติ หากไม่มีการแก้ไข ปฏิทินของพวกเขาจะเลื่อนออกไปจากฤดูกาลอย่างช้าๆ
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ พวกเขาใช้วิธีอธิกมาส (intercalation) คือการแทรกเดือนพิเศษทุกๆ สองถึงสามปี ซึ่งแนวปฏิบัตินี้มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมในเวลาต่อมา รวมถึงปฏิทินฮีบรูและปฏิทินกรีก
ทางด้านกรีก นักคิดชาวกรีกอย่าง “เมตอนแห่งเอเธนส์ (Meton of Athens)” ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยยุค 400 ปีก่อนคริสตกาล ได้พยายามแก้ปริศนาของการประสานปีจันทรคติและปีสุริยคติเข้าด้วยกัน
เมตอนแห่งเอเธนส์ (Meton of Athens)
เมตอนค้นพบว่า 19 ปีสุริยคติเท่ากับ 235 เดือนจันทรคติ ซึ่งเป็นวัฏจักรที่เรียกว่า “วัฏจักรเมตอน (Metonic cycle)” และนักดาราศาสตร์ชาวกรีกยังได้นำเสนอการคำนวณปีสุริยคติที่แม่นยำยิ่งขึ้น เข้าใกล้ตัวเลขจริงที่ 365.242 วัน
นี่แสดงให้เห็นว่า การสังเกตและคณิตศาสตร์กำลังเปลี่ยนให้ปีกลายเป็นการวัดที่แม่นยำ ไม่ใช่เป็นเพียงแนวทางตามฤดูกาลอีกต่อไป
ทางด้านโรมัน เดิมทีชาวโรมันใช้ปฏิทินจันทรคติที่สับสนวุ่นวายและมักจะคลาดเคลื่อนจากฤดูกาล นักบวชบางครั้งก็ขยายหรือลดปีด้วยเหตุผลทางการเมือง ความวุ่นวายและไม่มีมาตรฐานนี้ทำให้การดำเนินชีวิตไม่อาจคาดเดาได้
เราลองจินตนาการถึงการที่ไม่รู้แน่ชัดว่าปีภาษีจะสิ้นสุดเมื่อใด หรือควรเริ่มปลูกพืชในฤดูใบไม้ผลิเมื่อไหร่ แน่นอนว่าโกลาหลแน่
แต่จากนั้น “จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar)” ขุนศึกและผู้ปกครองชาวโรมันก็เข้ามามีบทบาท โดยเมื่อ 46 ปีก่อนคริสตกาล ซีซาร์ได้นำ “ปฏิทินจูเลียน (Julian Calendar)” มาใช้ ซึ่งปฏิทินนี้กำหนดให้หนึ่งปีมี 365 วัน จะมีปีอธิกสุรทินทุกสี่ปีเพื่อจัดการกับเศษวันที่เพิ่มเข้ามา และเป็นครั้งแรกที่กรุงโรมมีปีสุริยคติที่ค่อนข้างเสถียร
จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar)
ปฏิทินจูเลียนได้แพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิโรมันและกลายเป็นพื้นฐานของการนับเวลาในยุโรปเป็นส่วนใหญ่
แต่ปฏิทินจูเลียนก็ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ โดยปฏิทินจูเลียนสันนิษฐานว่าหนึ่งปีมี 365.25 วัน แต่ปีจริงสั้นกว่าเล็กน้อย คือ 365.242 วัน และตลอดหลายศตวรรษ ความแตกต่างเล็กน้อยนี้ได้สะสม ทำให้วันสำคัญทางศาสนา เช่น วันอีสเตอร์ เลื่อนออกไป
ในช่วงศตวรรษที่ 16 ความคลาดเคลื่อนได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10 วัน โดยในปีค.ศ.1582 (พ.ศ.2125) “สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 (Pope Gregory XIII)” ได้นำ “ปฏิทินเกรโกเรียน (Gregorian calendar)” เข้ามาใช้ และเป็นปฏิทินที่เรายังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน
สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 ได้ทรงปรับกฎของปีอธิกสุรทิน โดยกำหนดว่าปีที่หารด้วยสี่ลงตัว จะถือเป็นปีอธิกสุรทิน แต่ปีที่หารด้วย 100 ลงตัว จะไม่ถือเป็นปีอธิกสุรทิน เว้นแต่จะหารด้วย 400 ลงตัวด้วย
สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 (Pope Gregory XIII)
การแก้ไขนี้ทำให้ปฏิทินแม่นยำขึ้นมาก นั่นคือเหตุผลที่เรายังคงฉลองวันปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคมตามระบบเกรโกเรียน
แล้วตกลงแล้ว ใครคือผู้ "ประดิษฐ์" ปี?
ความจริงก็คือ ไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ประดิษฐ์ปี ธรรมชาติต่างหากที่ทำ
วงโคจรของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นผู้สร้างมันขึ้นมา แต่เป็นมนุษย์ที่ต้องค้นพบ วัด และกำหนดให้เป็นมาตรฐาน
• มนุษย์ยุคแรกสังเกตเห็นฤดูกาลที่ซ้ำๆ
• ชาวอียิปต์ผูกโยงปีเข้ากับดวงอาทิตย์และแม่น้ำไนล์
• ชาวบาบิโลนทำงานกับดวงจันทร์
• ชาวกรีกเพิ่มความแม่นยำทางคณิตศาสตร์
• ชาวโรมันมอบปฏิทินจูเลียนให้แก่โลก
• คริสตจักรคาทอลิกได้ปรับปรุงให้เป็นปฏิทินเกรโกเรียนที่เราใช้ในปัจจุบัน
นี่คือเรื่องราวของความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ การมองดูท้องฟ้า การสังเกตเห็นรูปแบบและความต้องการความมีระเบียบในชีวิต
แล้วทำไม "ปี" จึงมีความสำคัญ
คุณอาจถามว่า การที่เรานับปีมีความสำคัญอย่างไร? เราอยู่ไปวันๆ ไม่ได้หรือ?
อันที่จริง ปีมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น
• เกษตรกรรม: การรู้เวลาที่เหมาะสมในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว
• ศาสนา: เทศกาลที่เชื่อมโยงกับฤดูกาลหรือเหตุการณ์บนท้องฟ้า
• สังคม: ภาษี การค้า และการวางแผนของรัฐบาล
• วิทยาศาสตร์: ดาราศาสตร์ การเดินเรือ และในที่สุดก็คือ ฟิสิกส์
ในหลาย ๆ ด้าน การกำหนด "ปี" ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ เปลี่ยนความสับสนวุ่นวายให้กลายเป็นระเบียบ และทำให้อารยธรรมสามารถเติบโตได้
โฆษณา