Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ด.ดล Blog
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 12:09 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ปริญญาจาก IIT กับสุดยอด connection เบื้องหลังความสำเร็จด้านเทคโนโลยีระดับโลกของอินเดีย
เคยสงสัยไหมว่า อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คนอินเดียจำนวนมาก ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก
คำตอบส่วนหนึ่ง อาจซ่อนอยู่ในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ที่เปรียบเสมือนตั๋วทองคำ สู่ความสำเร็จในโลกเทคโนโลยี
สถาบันแห่งนั้นมีชื่อว่า IIT หรือ Indian Institutes of Technology
เรื่องราวของ IIT เริ่มต้นขึ้นในยุค 1950 หลังอินเดียได้รับเอกราช รัฐบาลในขณะนั้นมองไปยังความสำเร็จของ MIT ในสหรัฐอเมริกา และฝันที่จะสร้างสถาบันแบบเดียวกันขึ้นมาบ้าง
พวกเขาต้องการสร้างแหล่งผลิตวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกะทิ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต
จากจุดเริ่มต้นเพียง 5 แห่งแรก IIT ได้ขยายสาขาไปทั่วประเทศ จนปัจจุบันมีถึง 23 แห่ง กลายเป็นสถาบันด้านวิศวกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดของอินเดีย
แต่การจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันแห่งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ลองนึกภาพการสอบแข่งขันที่หฤโหดที่สุด ที่นั่งในมหาวิทยาลัยมีจำกัด แต่มีนักเรียนหัวกะทิจากทั่วประเทศกว่าล้านคนต้องการมัน
ในปี 2022 IIT มีอัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียนเพียง 1.83% เท่านั้น
ตัวเลขนี้บอกเราว่า การเข้าเรียนที่ IIT นั้นยากยิ่งกว่าการแย่งชิงที่นั่งในมหาวิทยาลัยกลุ่ม Ivy League ของสหรัฐอเมริกาเสียอีก
ดังนั้น ปริญญาจาก IIT จึงไม่ใช่แค่ใบรับรองการศึกษา แต่มันคือเครื่องหมายการันตีคุณภาพ เป็นเหมือนใบเบิกทางที่เปิดประตูสู่โอกาสอันยิ่งใหญ่
เมื่อเรามองไปยังวงการสตาร์ทอัปของอินเดีย จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
อินเดียมีบริษัทระดับ unicorn หรือสตาร์ทอัปที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ อยู่ 108 บริษัท และน่าทึ่งที่ว่า ในจำนวนนี้ มีถึง 68 บริษัท ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งอย่างน้อยหนึ่งคน เป็นบัณฑิตจาก IIT
อิทธิพลของ IIT ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอินเดีย แต่มันได้แผ่ขยายไปไกลถึง Silicon Valley
Sundar Pichai ซีอีโอของ Google เคยกล่าวไว้ว่า การได้เข้าเรียนที่ IIT คือจุดเปลี่ยนที่พลิกชีวิตของเขาไปตลอดกาล
คำถามคือ อะไรที่ทำให้ IIT ทรงพลังได้ถึงขนาดนี้?
คำตอบไม่ได้อยู่ที่หลักสูตรการสอนที่เข้มข้นเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่สิ่งที่เรียกว่า “เครือข่ายศิษย์เก่า” ที่เหนียวแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ
การจบจาก IIT เปรียบเสมือนการได้เข้าร่วมสโมสรสุดพิเศษ ที่สมาชิกทุกคนพร้อมจะช่วยเหลือและสนับสนุนกันและกัน
ไม่ว่าคุณจะอยากสร้างสตาร์ทอัปในอินเดีย หรืออยากทำงานกับบริษัท VC ชั้นนำใน Silicon Valley อย่าง Sequoia หรือแม้แต่บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง McKinsey
แค่มีคำว่า IIT อยู่ในเรซูเม่ ประตูก็ดูเหมือนจะเปิดกว้างรอคุณอยู่เสมอ
เพื่อให้เห็นภาพพลังของ connection นี้ชัดเจนขึ้น เราต้องย้อนกลับไปดูเรื่องราวของ Flipkart
Flipkart คือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน e-commerce ของอินเดีย ที่หลายคนขนานนามว่าเป็น “Amazon แห่งอินเดีย”
ผู้ก่อตั้งสองคนคือ Binny Bansal และ Sachin Bansal ทั้งคู่จบการศึกษาจาก IIT Delhi
แม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกันในมหาวิทยาลัย แต่สายใยความเป็นศิษย์เก่า IIT ก็ได้นำพาทั้งคู่มาพบกันอีกครั้งที่เมืองเบงกาลูรู
เมื่อพวกเขาก่อตั้ง Flipkart ในปี 2007 สิ่งแรกๆ ที่ทำคือการดึงตัวศิษย์เก่า IIT เข้ามาร่วมทีม หนึ่งในพนักงานยุคบุกเบิกชื่อ Sujeet Kumar เขาเคยพักอยู่หอเดียวกันกับ Sachin Bansal
วันหนึ่ง Bansal โทรหา Kumar แล้วชวนให้มาทำสตาร์ทอัปขายหนังสือออนไลน์ด้วยกัน ซึ่งในเวลาต่อมา Kumar ก็ได้กลายเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Flipkart
เรื่องยังไม่จบแค่นั้น Kumar เองก็ใช้เครือข่าย IIT Delhi ของเขา เพื่อดึงคนเก่งๆ เข้ามาเสริมทัพ Flipkart อีกทอดหนึ่ง
Kumar เคยเล่าว่า “Connection ของ IIT ช่วยให้เราเข้าถึงคนที่ใช่ได้อย่างรวดเร็ว มันช่วยประหยัดเวลาไปได้มหาศาล ทีมงานหลักในช่วงแรกของ Flipkart แทบทั้งหมดมาจาก IIT”
ภูมิหลังความเป็น IIT ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการหาคน แต่ยังช่วยในเรื่องการระดมทุนอีกด้วย
ในปี 2008 Abhishek Goyal บัณฑิตจาก IIT Kanpur ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่บริษัท VC ชื่อ Accel เริ่มได้ยินเรื่องราวของ Flipkart จากงานปาร์ตี้ในเบงกาลูรู
เขาเล่าว่า “ผมได้ยินจากเพื่อนร่วมงานเก่าที่ Amazon ว่ามีคู่หูจาก IIT Delhi สองคนกำลังพยายามสร้าง Amazon สำหรับตลาดอินเดีย”
Goyal จึงนัดพบกับสองผู้ก่อตั้ง และรู้สึกประทับใจในวิสัยทัศน์ของพวกเขาอย่างมาก
การที่ผู้ก่อตั้งมีโปรไฟล์จบจาก IIT ทำให้ Goyal และบริษัทตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้นมาก ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น Accel ก็ได้มอบเงินลงทุนตั้งต้นให้ Flipkart จำนวน 800,000 ดอลลาร์
นี่คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของพลังแห่งเครือข่ายศิษย์เก่า IIT ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้สตาร์ทอัปเล็กๆ กลายเป็นยักษ์ใหญ่ได้
ชื่อเสียงของ IIT ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในอินเดีย ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอินเดียยังไม่เติบโตมากนัก
เป้าหมายหลักของบัณฑิต IIT จำนวนมากในยุคนั้น จึงเป็นการไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ศิษย์เก่า IIT เริ่มเข้าไปมีบทบาทสำคัญใน Silicon Valley
บุคคลที่เรารู้จักกันดีอย่าง Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet หรือ Arvind Krishna ประธานและซีอีโอของ IBM ล้วนเดินตามเส้นทางนี้
Pichai เข้าเรียนที่ IIT Kharagpur ที่นั่นคือที่ที่เขาได้สัมผัสกับคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกในชีวิต
เขาเคยเล่าถึงความทรงจำในตอนนั้นว่า “ผมจำได้ว่าต้องกระโดดขึ้นรถไฟที่แออัดยัดเยียดในเจนไน เดินทางนานถึง 24 ชั่วโมงเพื่อไปที่สถาบัน โอกาสในครั้งนั้นได้เปลี่ยนชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง”
นอกจากนี้ ยังมีศิษย์เก่า IIT อีกมากมายที่สร้างตำนานในระดับโลก
Narayana Murthy ผู้ก่อตั้ง Infosys บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่
Parag Agrawal อดีตซีอีโอของ Twitter ก็จบจาก IIT Bombay
หรือในวงการอื่น Rakesh Gangwal ผู้ร่วมก่อตั้งสายการบิน IndiGo และอดีตซีอีโอของ US Airways Group
ไปจนถึงวงการการแพทย์ Rakesh K. Jain ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาเนื้องอกที่ Harvard Medical School ผู้บุกเบิกการศึกษาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมจุลภาคของเนื้องอก
รายชื่อเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำว่า อิทธิพลของ IIT ได้แทรกซึมไปในทุกวงการสำคัญของโลก
อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ
เบื้องหลังความสำเร็จอันงดงาม ก็มีมุมมืดซ่อนอยู่เช่นกัน
ไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรสุดพิเศษแห่งนี้ โดยเฉพาะนักศึกษาที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบ หรือวรรณะที่ถูกกดขี่
ในอินเดีย สถาบันที่ได้รับทุนจากรัฐบาลอย่าง IIT จะมีโควตาสำหรับนักศึกษาจากกลุ่มเหล่านี้ เพื่อสร้างความเท่าเทียม
แต่ในทางปฏิบัติ นักศึกษาที่เข้ามาผ่านระบบโควตากลับต้องเผชิญกับการถูกเลือกปฏิบัติ และความรู้สึกของการเป็นคนนอก
ความกดดันด้านการเรียนที่หนักหน่วงอยู่แล้ว ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหานี้
เรื่องน่าเศร้าคือ วิกฤตด้านสุขภาพจิตใน IIT นั้นรุนแรงมาก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีนักศึกษาถึง 33 คนที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ซึ่งหลายกรณีมีความเชื่อมโยงกับการถูกเลือกปฏิบัติทางวรรณะ
1
จากการศึกษาใน 7 วิทยาเขตของ IIT พบว่า มากกว่า 60% ของนักศึกษาที่ลาออกกลางคัน มาจากกลุ่มวรรณะที่ถูกกดขี่
1
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องเพศก็เป็นอีกปัญหาใหญ่
ในอดีต IIT ถือเป็นโลกของผู้ชายโดยสมบูรณ์
Anu Acharya ผู้ก่อตั้งบริษัททดสอบ DNA อย่าง Mapmygenome เล่าว่า ตอนที่เธอเข้าเรียนที่ IIT Kharagpur ในปี 1990 ในชั้นปีแรกที่มีนักเรียนราว 400 คน มีผู้หญิงเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น
ในบางคลาสเรียน เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้อง
Shruti ซีอีโอของสตาร์ทอัป ApnaKlub ซึ่งเข้าเรียนที่ IIT Delhi ในปี 2008 ก็เล่าประสบการณ์คล้ายกัน
เธอบอกว่าในชั้นปีของเธอที่มีนักเรียน 500 คน มีผู้หญิงประมาณ 80 คน และเธอสัมผัสได้ถึงแนวคิดเหยียดเพศที่ฝังรากลึก
ถึงขนาดมีนิตยสารสำหรับนักศึกษาใหม่ ที่แนะนำคำสแลงในสถาบัน ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่น่าตกใจว่า “ในมหาวิทยาลัยมีผู้ชาย และมีกลุ่มที่ไม่ใช่ผู้ชาย แต่ไม่ใช่เด็กผู้หญิง”
สะท้อนให้เห็นว่าในยุคนั้น ผู้หญิงไม่ถูกนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในสถาบันด้วยซ้ำ
โชคดีที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ทั้ง Shruti และ Acharya ต่างยอมรับว่า ความไม่สมดุลทางเพศใน IIT ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
ในปี 2018 รัฐบาลอินเดียได้กำหนดโควตาสำหรับผู้สมัครหญิง เพื่อส่งเสริมให้เด็กผู้หญิงหันมาสนใจอาชีพสายวิศวกรรมมากขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจ ในปี 2022 สัดส่วนนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 1 ใน IIT เพิ่มขึ้นเป็น 20% เมื่อเทียบกับตัวเลขเพียง 9% ในปี 2017 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
เรื่องราวของ IIT สอนให้เรารู้ว่า สถาบันการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ให้ความรู้ แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะ “ทุนทางสังคม” ที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง
มันคือการสร้างเครือข่าย สร้าง connection ที่จะติดตัวบัณฑิตไปตลอดชีวิต และกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
แน่นอนว่า IIT ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียมและการดูแลสุขภาพจิตของนักศึกษา
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สถาบันแห่งนี้ได้สร้าง “DNA พิเศษ” ให้กับวงการเทคโนโลยีของอินเดีย และได้มอบบุคลากรชั้นนำมากมายให้กับโลกใบนี้
และนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อเรามองไปที่ยอดพีระมิดของบริษัทเทคโนโลยี เราจึงเห็นใบหน้าของชาวอินเดีย ปรากฏอยู่อย่างสม่ำเสมอในทุกวันนี้
References : [qz, restofworld, bbc, theprint, forbesindia]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here
https://www.tharadhol.com/degree-from-iit-with-great-connections/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย -->
https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
คลิกเลย -->
https://www.blockdit.com/articles/5cda56f1e5eac0101e278c73
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
Website :
www.tharadhol.com
Blockdit :
www.blockdit.com/tharadhol.blog
Fanpage :
www.facebook.com/tharadhol.blog
Twitter :
www.twitter.com/tharadhol
Instragram :
instragram.com/tharadhol
TikTok :
tiktok.com/@geek.forever
Youtube :
www.youtube.com/c/mrtharadhol
Linkedin :
www.linkedin.com/in/tharadhol
ธุรกิจ
เทคโนโลยี
การศึกษา
2 บันทึก
6
1
2
6
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย