เมื่อวาน เวลา 16:36 • นิยาย เรื่องสั้น

หลงทางกลางพงไพร: วันแรกของการผจญภัยที่ไม่ได้วางแผน

เช้าตรู่วันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านม่านหมอกจางๆ ของป่าเขา กิจกรรมเดินทางไกลของลูกเสือและเนตรนารี โรงเรียนมัธยม... ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว กลุ่มนักเรียน ม.3 ทั้ง 12 คนในเครื่องแบบลูกเสือและเนตรนารี พร้อมเป้สะพายหลังใบใหญ่ ที่บรรจุทั้งความตื่นเต้น ความกังวล และความไม่เต็มใจ ได้ออกเดินตามครูฝึกนำทางเข้าไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ดูเหมือนจะปลอดภัย แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบททดสอบที่แท้จริง
09:00 น. – จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
กลุ่มนักเรียนเดินตามกันไปเป็นแถวในเส้นทางที่ค่อนข้างแคบ เสียงเจื้อยแจ้วคุยกัน เสียงบ่นงึมงำของ ภูมิ เด็กชายร่างท้วมที่เริ่มหอบตั้งแต่ยังไม่ทันพ้นทางราบ และเสียงกดชัตเตอร์จากโทรศัพท์ของ ทับทิม เด็กสาวสวยที่คอยหามุมถ่ายรูปตัวเองให้ดูดีที่สุดสำหรับโพสต์ลงโซเชียล มีเพียง น้ำ เด็กสาวผู้ฉลาดและเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ที่คอยสังเกตการณ์รอบด้านอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้น เสียงกระแทกกระทั้นก็ดังขึ้น เมื่อ เสือ เด็กชายหัวโจก ตัวสูง ผิวเข้ม เดินแซงขึ้นหน้าอย่างไม่สนใจใคร ทำให้ไหล่ไปชนเข้ากับ น้ำ ที่กำลังก้มดูแผนที่
"เดินดูทางหน่อยสิยะ! เหม็นบุหรี่!" น้ำเบ้หน้าเล็กน้อยพร้อมใช้มือปัดป้องกลิ่นที่ติดมากับตัวเสือ
"โอ๊ย! ยัยคุณหนู! ทางก็กว้าง! เดินไปดีๆ ใครใช้ให้มาขวางทางฉัน" เสือสวนกลับทันควัน ด้วยรอยยิ้มเยาะหยันตามแบบฉบับ
"นี่นายเถียงฉันอยู่เหรอ!" น้ำเริ่มขึ้นเสียง
"จะเถียงแล้วทำไม!" เสือตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้
การโต้เถียงดำเนินไปอย่างดุเดือดจนทุกคนเริ่มหยุดดู มีเพียง เหมย เด็กชายใจเป็นหญิงที่เงียบขรึมและช่างสังเกต ที่ยืนมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้ากังวล ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่หนักแน่น
"พี่เสือ... น้ำ... เรากำลังหลงทาง"
"ห๊ะ? ว่าไงนะ ยัยตุ๊ด" เสือตะคอกใส่เหมยอย่างหงุดหงิด เพราะไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
เหมยไม่สะทกสะท้าน แต่ชี้ไปที่พื้นดินและกิ่งไม้รอบข้าง "เมื่อกี้นายกับน้ำเถียงกันจนไม่ทันสังเกต เราเดินตามรอยเดิมมาเกือบ 15 นาทีแล้วค่ะ รอยเท้าพวกเรายังใหม่อยู่เลย... แล้วดูทางที่ครูทำสัญลักษณ์ไว้สิคะ..." เหมยชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีสัญลักษณ์ผูกเชือก แต่เชือกนั้นถูกฉีกขาดและหลุดจากต้นไม้ "รอยนี่มันเก่ามากค่ะ เหมือนเราพลาดตรงจุดเลี้ยวมานานแล้ว และปู่เคยบอกว่าถ้าเดินวนในป่าทึบจนเจอต้นไม้เดิมๆ แสดงว่าเราหลงทางแล้วจริงๆ ค่ะ"
ความเงียบเข้าปกคลุมกลุ่มทุกคน น้ำมองสำรวจรอบๆ ตามที่เหมยบอกแล้วสีหน้าก็ซีดลง เมื่อความจริงที่น่ากลัวปรากฏ เสือมองเหมยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเป็นความประหลาดใจและความเคารพเล็กน้อย ก่อนจะยอมเงียบไปในที่สุด
12:30 น. – บทเรียนราคาแพงและความมีน้ำใจ
หลังจากความตึงเครียดเรื่องการหลงทางคลี่คลายลงเล็กน้อย กลุ่มก็ตัดสินใจเดินตามร่องรอยสัตว์ขนาดเล็กที่เหมยชี้ให้ดูเพื่อหาทางออกหรือแหล่งน้ำ
"อุ๊ย! แสงมันดีมากตรงนี้! ถ่ายรูปตรงนี้อีกสักรูปดีกว่า" ทับทิมพูดอย่างตื่นเต้น พลางเดินย้อนกลับไปตรงก้อนหินใหญ่ที่เธอเพิ่งเดินผ่านมาเพื่อหามุมถ่ายรูป พลางคิดถึงรูปที่สวยที่สุดเพื่อลงคู่กับแคปชั่นถึง ภัทร รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบ
ในขณะที่เธอเงยหน้ามองมุมกล้อง เธอสะดุดเข้ากับรากไม้ที่โผล่ขึ้นมาอย่างไม่ทันระวัง
"ว้ายยยยยยยย!"
ทับทิมล้มลงอย่างแรง ข้อเท้าพลิกและมีรอยถลอกเลือดออกที่แขนซ้าย ร่างกายเปื้อนโคลนเล็กน้อย ซึ่งทำให้เธอถึงกับร้องไห้ด้วยความตกใจและหงุดหงิด
"ฮือออออ! ดูสิ! สวยๆ หล่อๆ ที่ลงรูปไว้เนี่ยมันหายไปหมดแล้ว!"
มินท์ เด็กสาวเจ้าน้ำตา ผู้ที่ร้องไห้ง่ายที่สุดในกลุ่ม กลับเป็นคนแรกที่รีบวิ่งเข้าไปหา "ทับทิม! เป็นอะไรมากไหม?"
ใบเฟิร์น เด็กหญิงเรียบร้อยที่มีความฝันอยากเป็นพยาบาล เดินตามไปติดๆ
"ทับทิมใจเย็นๆ นะ เราเป็นพยาบาลจำเป็นให้เอง" ใบเฟิร์นพูดอย่างอ่อนโยน เธอคลี่ผ้าเช็ดหน้าออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อทำความสะอาดบาดแผลถลอกที่แขนของทับทิม มินท์ที่เคยมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากพ่อแม่ที่เป็นหมอ เริ่มประเมินข้อเท้าที่บวมเล็กน้อยของทับทิม
"ข้อเท้าดูเหมือนจะพลิกนะ แต่ไม่น่าจะหัก ต้องประคบเย็นและพักเท้าไว้ก่อน" มินท์พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ เธอใช้ผ้าพันแผลฉุกเฉินที่มีติดตัวมาพันข้อเท้าให้ทับทิมอย่างเบามือและรวดเร็ว
ทับทิมมองเพื่อนทั้งสองที่คอยดูแลเธออย่างไม่รังเกียจ แม้ว่าเธอจะมีท่าทีไม่ดีกับคนอื่นๆ มาตลอด ความรู้สึกขอบคุณที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
14:00 น. – บทพิสูจน์ความกลัวและความรู้
หลังจากปฐมพยาบาลทับทิมเสร็จ กลุ่มตัดสินใจให้ทับทิมนั่งพัก และแบ่งหน้าที่เพื่อหาแหล่งน้ำและทางออกต่อ ไนท์ เด็กหญิงลุคทอมบอยที่คล่องแคล่วว่องไว อาสาสำรวจทางข้างหน้าโดยมี แจน คู่รักของเธอเดินตามดูแลไม่ห่าง ภูมิ ที่แม้จะบ่นว่าเหนื่อยแต่ก็ยอมแบกสัมภาระที่หนักกว่าปกติ เพราะเสือโยนเป้ของตนเองให้เขาสะพายเพิ่ม
จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังลั่น
"กรี๊ดดดดด! งู!!!"
พลอย เด็กหญิงร่าเริงแต่กลัวสัตว์เลื้อยคลานสุดชีวิต ถูกงูขนาดกลางสีดำตัวหนึ่งฉกเข้าที่ปลายขากางเกง งูตัวนั้นเลื้อยหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ พลอยตัวสั่นเทาด้วยความตกใจและร้องไห้ไม่หยุด ใบเฟิร์น ที่เดินอยู่ใกล้ๆ รีบวิ่งไปช่วยประคอง
ไนท์ และ แจน รีบเข้ามาปลอบโยนอย่างรวดเร็ว แจนกอดพลอยแน่น พยายามทำให้เพื่อนสงบลง ส่วนไนท์ก็คอยลูบหลังและพูดจาปลอบประโลม
พีท เด็กชายติดเกมที่มีความรู้เรื่องสัตว์เลื้อยคลาน รีบเดินเข้ามาดูด้วยสายตาที่ตื่นเต้นแต่มีสติ
"ใจเย็นๆ พลอย! ดูรอยงูสิ" พีทชี้ไปที่รอยเลื้อย "มันเป็นงูทางมะพร้าว งูไม่มีพิษ! งูพันธุ์นี้ถ้าไม่ถูกรบกวนจะไม่ฉกใครเลย แล้วที่มันฉกไปเมื่อกี้ก็แค่ป้องกันตัว ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายให้ถึงตายหรอกนะ ในเกม Survival พวกงูที่ไม่มีพิษจะชอบหลบซ่อนตัวในพุ่มไม้แห้งๆ แบบนี้แหละ!"
คำอธิบายของพีททำให้พลอยค่อยๆ สงบลง ความกลัวค่อยๆ จางหายไปเมื่อถูกแทนที่ด้วยความรู้ที่ถูกต้องจากเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเกม พลอยและใบเฟิร์นมองพีทด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
16:30 น. – การค้นพบผู้นำและแหล่งน้ำ
ใกล้ค่ำแล้ว แสงแดดเริ่มลดระดับลง ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมจิตใจของทุกคน
"เราต้องหาที่พักแล้วนะ มันจะมืดแล้ว" ทับทิมที่ยังคงบาดเจ็บ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม
น้ำ ที่มีสติและไหวพริบดีที่สุดในกลุ่ม เริ่มสั่งการ "ทุกคน! ฟังฉัน! เหมย นายดูร่องรอยของสัตว์ได้ดีที่สุด ช่วยแกะรอยตามสัตว์เพื่อหาแหล่งน้ำให้เราหน่อย"
เหมยพยักหน้า ก่อนจะบอกให้ทุกคนเดินไปตามทิศทางที่เขาชี้ โดยอธิบายอย่างละเอียดว่าสัตว์ป่ามักจะใช้เส้นทางเดิมๆ ไปยังแหล่งน้ำเสมอ
ภูมิ ที่แบกสัมภาระมาตลอดวันอย่างอดทน ได้เปิดเป้สำรองที่ตนเองซ่อนไว้ ก่อนจะยื่นถุงขนมปังและน้ำดื่มให้เพื่อนๆ
"ผมแอบเอามาเผื่อไว้เยอะเลยครับ แม่กลัวผมหิว" ภูมิยิ้มอย่างเขินๆ "แบ่งกันกินก่อนนะครับ ทุกคนดูเหนื่อยมากแล้ว"
ทุกคนมองภูมิด้วยความประหลาดใจและซาบซึ้งใจ เด็กอ้วนขี้เกียจที่พวกเขาคิดว่าเป็นภาระ กลับกลายเป็นผู้ที่มีเสบียงสำคัญที่สุดในยามคับขัน พลอย และ ทับทิม รู้สึกผิดที่เคยมองภูมิในแง่ลบ
ในที่สุด ด้วยการนำทางที่แม่นยำของเหมย พวกเขาก็มาถึง ลำธาร สายเล็กๆ ก่อนที่ความมืดจะมาถึงอย่างสมบูรณ์
17:30 น. – การสร้างที่พักและความเป็นผู้นำ
เมื่อถึงลำธาร ความเป็นผู้นำตามธรรมชาติของ เสือ ก็ถูกปลุกขึ้นมาอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้พูดจาหยาบคายอีกต่อไป แต่กลับสั่งการอย่างฉับไวและเป็นระบบ
"โอเค! ทุกคน! ฟังฉัน!" เสือพูดเสียงดังอย่างมีอำนาจ "เหมย! พีท! ไนท์! ไปช่วยกันหาไม้ใหญ่ๆ มาทำโครงที่พัก ส่วนพวกที่เหลือ! หาใบไม้แห้งและหญ้ามาทำที่นอน"
น้ำ ที่เคยเป็นคู่กัดของเสือ ยืนอยู่ข้างๆ และช่วยเสริมคำสั่งอย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกันของทั้งคู่เป็นไปอย่างลงตัวและน่าประหลาดใจ
มินท์ พยายามจุดไฟด้วยกิ่งไม้แห้งและไฟแช็กที่เธอเอาติดตัวมา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เจต เด็กชายแว่นที่ขี้กลัวที่สุดในกลุ่ม เห็นดังนั้นก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปช่วยเป่าและจุดไฟอยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ
"ลองอีกทีนะมินท์ ต้องจุดให้โดนกิ่งไม้แห้งที่สุด"
ทันใดนั้น เสือ เดินเข้ามาพร้อมยื่นไฟแช็กของตนเองให้มินท์อย่างเงียบๆ มินท์มองเสือด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรับมาและจุดไฟได้อย่างรวดเร็ว
"ขอบใจนะ... พี่เสือ" มินท์กล่าวขอบคุณ เสือเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินไปช่วยไนท์และเหมยสร้างที่พัก
ในที่สุด พวกเขาก็สร้างที่พักชั่วคราวได้สำเร็จ ทุกคนมารวมตัวกันรอบกองไฟ ใบหน้าของทุกคนมีร่องรอยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกของการทำภารกิจที่ยากลำบากร่วมกันสำเร็จ
21:00 น. – ยามวิกาลและการเปิดใจ
เสือเสนอให้แบ่งเวรยามเฝ้ากองไฟและดูแลความปลอดภัยรอบค่าย โดยแบ่งเป็น 3 ผลัด ผลัดละ 3 ชั่วโมง
ผลัดแรก (21:00 - 00:00 น.): เหมย และ มินท์ โดยมี เจต อาสาอยู่เฝ้ายามด้วย แม้จะขี้กลัวแต่ก็อยากตอบแทนเพื่อนๆ
ผลัดสอง (00:00 - 03:00 น.): ไนท์, แจน, และ พีท
ในระหว่างที่ผลัดแรกกำลังผลัดเปลี่ยน ผลัดที่สอง ไนท์ และ แจน ที่นั่งเฝ้ากองไฟอยู่ด้วยกันได้แสดงความรักและความผูกพันที่มีต่อกันอย่างเงียบๆ ก่อนจะเข้านอน ทั้งคู่โอบไหล่กันและกุมมือกันไว้ตลอดเวลา เป็นภาพที่น่ารักและอบอุ่นในป่าอันมืดมิด
ผลัดสาม (03:00 - 06:00 น.): เสือ และ น้ำ
ภูมิ, พลอย, และ ใบเฟิร์น คอยดูแล ทับทิม ที่นอนอยู่ใกล้ๆ กองไฟ ใบเฟิร์นคอยเปลี่ยนผ้าเย็นประคบข้อเท้าให้ทับทิมอย่างสม่ำเสมอ พลอยก็คอยพูดคุยให้กำลังใจ ทับทิมมองเพื่อนที่เธอเคยไม่ชอบด้วยสายตาที่อ่อนลง ความเห็นแก่ตัวของเธอเริ่มจางหายไป เมื่อเห็นความดีและน้ำใจของเพื่อนที่มอบให้โดยไม่มีข้อแม้
05:50 น. – รุ่งอรุณแห่งมิตรภาพใหม่
เมื่อถึงผลัดสุดท้าย เสือ และ น้ำ นั่งอยู่ข้างกองไฟที่เริ่มมอดลง แสงสีส้มอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มส่องผ่านยอดไม้มาถึงตัวพวกเขา
"..."
ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง
"ขอบใจนะ..." เสือพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา เป็นคำที่แทบไม่เคยหลุดออกจากปากเขาเลย "เรื่องเมื่อวานนี้... ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับเหมย แล้วก็กับเธอด้วย"
น้ำหันมามองเสือด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มเยาะหยันที่ติดมุมปากเสือหายไปแล้ว มีเพียงใบหน้าที่ดูจริงจังและสำนึกผิด
"ฉันก็ขอโทษ... ที่ไปว่านายเรื่องกลิ่นบุหรี่บ่อยๆ นายมีความเป็นผู้นำที่ดีมากนะเสือ ไม่ได้แย่อย่างที่ฉันคิด" น้ำตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
เสือยิ้มบางๆ "ถ้าไม่มีเธอคอยคุมสติและเหมยที่รู้เรื่องป่า พวกเราคงจะไปได้ไม่ไกลนักหรอก"
"เราต้องช่วยกันนะเสือ" น้ำกล่าว
"อืม... คืนนี้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างนะ..."
"ใช่... เราต่างรู้ว่าเราแต่ละคนมีดีอะไรบ้าง" น้ำตอบ
ทั้งคู่นั่งมองกองไฟที่ดับลงและแสงอาทิตย์ที่เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ความสัมพันธ์คู่กัดกำลังแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกันอย่างช้าๆ
โฆษณา