20 ต.ค. เวลา 17:24 • สุขภาพ

เปิดประวัติ สปสช. ที่พึ่งหรือมะเร็งร้าย ระบบ สธ.

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นองค์กรของรัฐ ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2546 มีภารกิจหลักในการบริหารจัดการเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจ่ายค่าบริการตามนโยบายให้กับสถานบริการสาธารสุขในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ถูกออกแบบมาเพื่อให้การบริหารงบประมาณสะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึง โดยสามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน นานคราวละ 4 ปี
ในช่วงที่ผ่านมา ปัญหาหนี้ค้างชำระที่ สปสช. ติดค้างโรงพยาบาลทั่วประเทศได้กลายเป็นประเด็นวิกฤตที่สร้างความไม่มั่นคงอย่างยิ่งต่อระบบบริการสาธารณสุข ความล่าช้าในการเบิกจ่ายนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของหน่วยบริการอย่างรุนแรง ในฐานะผู้รับผิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันการเร่งแก้ปัญหาหนี้ค้างชำระ
โรงพยาบาลหลายแห่งประสบปัญหาติดหนี้ กระทบการสั่งยาและเวชภัณฑ์ ตลอดจนการบริหารงบประมาณ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะซึ่งสะท้อนถึงความขัดแย้งทางการเงินที่ยืดเยื้อ โดยโรงพยาบาลเรียกร้องให้ สปสช. เร่งจ่ายหนี้ค้างชำระจากปีงบประมาณ 2563 และ 2567 ซึ่งรวมเป็นเงินประมาณ 48.9 ล้านบาท แพทย์ผู้บริหารโรงพยาบาลได้เปิดเผยว่า หากรวมกับยอดเรียกเงินคืนย้อนหลังที่อาจเกิดขึ้นได้ โรงพยาบาลอาจมียอดติดลบถึง 90 ล้านบาท
อีกกรณีที่ถูกพูดถึงมากคือโรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราชเปิดเผยว่า สปสช. โอนเงินให้โรงพยาบาลเพียง 15 ล้านบาท จากยอดค้างชำระรวม 238 ล้านบาท การจ่ายที่ไม่เพียงพอต่อค่าบริการที่ดำเนินการไปแล้วนี้ ส่งผลให้เงินบำรุงของโรงพยาบาลติดลบกว่า 60 ล้านบาท
หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ปัญหาทั้งหมดเริ่มจากการปรับค่าใช้จ่ายตัวหัวหรือ AdjRW
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยใน ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนโดยไม่แจ้งให้หน่วยบริการทราบล่วงหน้า
นอกจากนี้หากมีการสุ่มตรวจเวชระเบียนของหน่วยบริการ และหากลงรายละเอียดไม่ครบตามข้อกำหนดของ สปสช. ทางสปสช. ก็จะเรียกเงินคืนจากสถานบริการ ซึ่งการสุ่มตรวจก็ถูกตั้งคำถาม เนื่องจากบางกรณีมีการสุ่มตรวจในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำ ไม่ครอบคลุม และขาดมาตรการการตรวจสอบที่เป็นธรรม ในมุมมองของสถานบริการ
การกระทำในลักษณะนี้ของ สปสช. ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อการบริหารทรัพยากร โดยเฉพาะยา และเวชภัณฑ์ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์
ประสิทธิภาพการรักษาลดลง สถานบริการหลายแห่งงดให้บริการ ทำให้ผู้ป่วยต้องเดินทางไกลขึ้น นอกจากนี้ มีสถานบริการเอกชนอย่างน้อย 25 แห่ง ที่ถอนตัวออกจาก สปสช.
สปสช.มีแนวโน้มที่จะผลักภาระทางการเงินไปสู่โรงพยาบาลรัฐอย่างหนัก ทำให้โรงพยาบาลต้องใช้เงินบำรุงภายในอุดหนุนระบบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบมากมากทั้งต่อผู้ป่วยและสถานบริการเอง
หาก สปสช. ยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว เราคงได้เห็นการลุกขึ้นมาตั้งคำถามถึงการทำงานของ สปสช. จากสถานพบริการหลายแห่งทั่วประเทศ และผลกระทบจะยิ่งรุนแรงขึ้น หากยังไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง ซึ่งคงต้องวัดใจ สปสช. ว่าจะเสี่ยงให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าล่มสลาย หรือจะออกมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
อ้างอิง
โฆษณา