21 ต.ค. เวลา 09:06 • สุขภาพ

😱ยาที่อาจทำให้น้ำหนักเพิ่ม

การใช้ยาเกือบทุกชนิดล้วนมีผลข้างเคียง และหนึ่งในผลที่หลายคนอาจไม่คาดคิดก็คือ "น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น" การที่น้ำหนักขึ้นแม้เพียง 2-10 กิโลกรัม อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะในผู้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หรือความดันโลหิตสูง
🔴สาเหตุที่ยาทำให้น้ำหนักเพิ่ม
ผลข้างเคียงนี้เกิดได้จากหลายกลไก โดยขึ้นอยู่กับชนิดของยา
▪️กระตุ้นความอยากอาหาร: ทำให้ครู้สึกหิวบ่อยและกินมากขึ้น
▪️ลดอัตราการเผาผลาญ: ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
▪️ทำให้ร่างกายบวมน้ำ: ยาบางชนิดทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและโซเดียมไว้มากขึ้น
▪️รบกวนการดูดซึมน้ำตาล: ส่งผลต่อวิธีที่ร่างกายเก็บสะสมและใช้พลังงานจากน้ำตาล
🔴กลุ่มยาที่อาจทำให้น้ำหนักเพิ่ม
1️⃣. ยารักษาโรคเบาหวาน
▪️อินซูลิน: ฮอร์โมนนี้ช่วยให้เซลล์ดูดซึมน้ำตาลกลูโคส แต่หากดูดซึมมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนกลูโคสส่วนเกินเป็นไขมันสะสม
- Basal insulin ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1-1.5 kg.
- Basal-bolus insulin ทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นถึง 3 kg
▪️ซัลโฟนิลยูเรีย: (เช่น Glyburide, Glipizide, Glimepiride) ยากลุ่มนี้จะกระตุ้นตับอ่อนให้ปล่อยอินซูลินมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1-3 กิโลกรัม
▪️Pioglitazone (Actos®, Utmos®)
ยาทำใหเเกิดการกักเก็บของเหลว และการสะสมของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังมากกว่าไขมันในช่องท้อง อาจทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 2 กิโลกรัม
การจัดการ: ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาทางเลือกอื่นที่อาจช่วยควบคุมน้ำหนักได้ เช่น ยากลุ่ม GLP-1 agonists
(เช่น Semaglutide หรือ Ozempic และ Tirzepatide หรือ Mounjaro) ซึ่งนอกจากควบคุมน้ำตาลแล้ว ยังช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีนัยสำคัญ (ประมาณ 15-20% ของน้ำหนักตัว)
2️⃣. ยาต้านเศร้า
ยาต้านเศร้าที่นิยมใช้ โดยเฉพาะกลุ่ม SSRI อาจรบกวนกระบวนการในสมองที่ควบคุมความอยากอาหารและน้ำหนัก
(เช่น Paroxetine /Seroxat®, Sertraline, Citalopram)
การจัดการ: ยาแก้ซึมเศร้ารุ่นใหม่บางชนิดมีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มน้อยกว่า เช่น Bupropion (WELLBUTRIN XL®, Quomem®) อาจช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาที่เหมาะสมกับคุณ
3️⃣. ยากลุ่ม β-blockers
ยานี้ใช้รักษาความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยออกฤทธิ์ชะลออัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกอ่อนเพลียและไม่อยากเคลื่อนไหวร่างกาย
(เช่น Atenolol, Bisoprolol, Metoprolol, Nebivolol, Propranolol)
การจัดการ: หากน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนกังวล สามารถสอบถามแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นแทน เช่น Carvedilol (CARATEN®, TOCARLOL®), ยากลุ่ม ACE inhibitors, ARBs หรือ ยากลุ่ม​ Calcium channel blockers
4️⃣. ยาสเตียรอยด์ชนิดกิน
ยาที่ใช้รักษาภาวะอักเสบต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรืออาการแพ้รุนแรง (เช่น Prednisone, Cortisone, Hydrocortisone, Methylprednisolone)
อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มจาก 2 สาเหตุหลัก
🔹การคั่งของน้ำ: เกิดจากความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย
🔹เพิ่มความอยากอาหาร: ยากระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความหิว (เกรลิน) ออกมามากขึ้น
การจัดการ: ควรเลือกกินอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (low-glycemic foods) เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความอยากอาหาร
5️⃣. ยาป้องกันไมเกรน
ยาบางชนิดที่ใช้ป้องกันไมเกรน (เช่น Propranolol, Divalproex sodium) อาจทำให้น้ำหนักเพิ่ม ซึ่งกลายเป็นวงจรเลวร้าย เพราะน้ำหนักที่มากขึ้นก็เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดไมเกรนบ่อยขึ้น และอาการรุนแรงขึ้น
การจัดการ: แจ้งแพทย์หากมีปัญหาน้ำหนักเพิ่ม เพื่อพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นที่อาจช่วยควบคุมความอยากอาหารได้ เช่น Topiramate (Topamax) หรือ Zonisamide (Zonegran)
6️⃣. ยาแก้แพ้
แม้จะเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไป แต่การกินยาแก้แพ้บางชนิดเป็นประจำ อาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้
(เช่น Cyproheptadine, Cetirizine, Fexofenadine, Desloratadine)
เนื่องจากยาไปรบกวนการทำงานของสารฮิสตามีนในสมอง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความอิ่ม
(ตามข้อมูลของสมาคมแพทย์โรคอ้วน - the Obesity Medicine Association - ฮีสตามีน เป็นสารเคมีในร่างกายที่ทราบกันดีว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้ จะช่วยลดความหิวโดยไปส่งผลต่อศูนย์ควบคุมความอยากอาหารในสมอง ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่ยาแก้แพ้จะมีผลตรงกันข้าม โดยไปรบกวนสัญญาณที่บอกว่า “ฉันอิ่มแล้ว” ที่ส่งมาจากส่วนอื่นของร่างกาย )
7️⃣. ยารักษาโรคลมชัก (Anti-epilepsy drugs)
ยาที่ใช้ควบคุมอาการชัก (เช่น Valproic acid, Gabapentin, Pregabalin) มักมีผลทำให้น้ำหนักเพิ่ม นอกจากนี้อาจเป็นผลจากความกังวลที่ว่า การออกกำลังกายอาจกระตุ้นให้เกิดอาการชัก ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกายเท่าที่ควร
การจัดการ: ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้ยาทางเลือกอื่นที่ไม่มีผลต่อน้ำหนัก เช่น Topiramate หรือ Zonisamide
8️⃣. ยาระงับอาการทางจิต (Antipsychotics)
ยาที่ใช้รักษาโรคทางจิตเวช เช่น โรคไบโพลาร์ หรือโรคจิตเภท (เช่น Olanzapine, Clozapine) ยาประเภทนี้นอกจากจะทำให้การทำงานของกลูโคสลดลงแล้ว ยังเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการเมตาบอลิกมากขึ้น มักทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะแรก และส่งผลเสียต่อระดับน้ำตาลในเลือดและไขมัน
การจัดการ: ยาต้านโรคจิตรุ่นใหม่ๆ มักมีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มน้อยกว่ายากลุ่มเดิม ควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสม
🔴วิธีจัดการเมื่อยาทำให้น้ำหนักเพิ่ม
หากไม่สามารถเปลี่ยนยาได้ คุณยังมีการจัดการดังนี้
▪️ขอคำปรึกษาจากนักโภชนาการ: เพื่อวางแผนการกินที่ถูกต้องและเหมาะกับสภาพร่างกาย
▪️เพิ่มการออกกำลังกาย: ควรออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (เช่น การเดินเร็ว) สลับกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Strength Training)
▪️หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดความอ้วน: ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ใช้ยาลดความอ้วนมารักษาผลข้างเคียงนี้ เพราะอาจนำไปสู่การใช้ยาที่มากเกินจำเป็น (Polypharmacy) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยาตัวใหม่ได้
🔴คำเตือนสำคัญ: ห้ามหยุดหรือเปลี่ยนยาโดยพลการโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษา การจัดการที่ปลอดภัยที่สุดคือการพูดคุยกับแพทย์เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน
🙂มี​ปัญหา​เรื่อง​การ​ใช้​ยา​ เชิญ​ปรึกษา​เภสัชกร​ประจำ​ร้านยา
.
.
💢8 Common Medications That Can Cause Weight Gain—and How to Manage It, December 19, 2024
5 Reasons Why Weight Loss Is Harder With Diabetes, October 01, 2025
.
BETTERCM 2025.10.21
โฆษณา