Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Health Story - เฮ้วนี้มีเรื่อง
•
ติดตาม
21 ต.ค. เวลา 13:35 • ข่าว
หมอแห่ชูป้าย "ปฏิรูป สปสช." กู้วิกฤต รพ.
"พัฒนา" เผยข้อสรุปหลังหารือ สธ. - สปสช. หาแนวทางร่วมเมื่องบไม่พอ
จากปัญหา รพ.รัฐขาดสภาพคล่อง ซึ่งปัญหาหนึ่งมาจากการเบิกจ่ายจากงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการจัดสรรงบผู้ป่วยใน โดยใช้อัตราค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ (AdjRW) เพียง 8,350 บาท ทั้งที่ต้นทุนจริงเป็นหลักหมื่น ทำให้ รพ.ขาดทุนอย่างหนักมาตลอด
ล่าสุด มีการแชร์ภาพบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ถึงวิกฤตเงินโรงพยาบาลติดลบ เพราะหนี้ค้างจ่ายจาก สปสช. ออกมาแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ โดยการถ่ายภาพพร้อมชูป้ายระบุว่า “กู้วิกฤตโรงพยาบาล ต้องปฏิรูป สปสช.” เพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องการจัดสรรงบฯ ของสปสช.
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงข้อกังวลเรื่องงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า เมื่อวานนี้ (20 ตุลาคม 2568) ได้เชิญ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มาหารือร่วมกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไข
ทุกฝ่ายมีเจตนาตรงกันคือเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน และต้องการให้ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดของ สธ. และ สปสช. นั้นถือเป็นเรื่องดีที่ควรรักษาไว้
แต่เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงจึงต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ วัยทำงานลดลง เป็นต้น โดยที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่างบประมาณในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควรสะท้อนภาระจริงที่เพิ่มขึ้น
สำหรับประเด็นงบผู้ป่วยในที่ไม่เพียงพอนั้น สาเหตุหนึ่งคือมีการบริการผู้ป่วยมากกว่าที่ สปสช. คาดการณ์ไว้ จึงทำให้งบประมาณที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งจากการหารือได้ข้อสรุปการว่าทั้ง 2 หน่วยงานต้องมีกลไกหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องและต้องทราบข้อมูลเท่าๆ กัน
โดยจะมีการสื่อสารทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเพื่อให้ทราบข้อมูลเรื่องงบประมาณ แนวทางการบริหาร และการดำเนินการกรณีที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยไปแล้วแต่งบประมาณไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ มองว่าสิทธิบัตรทองหรือ 30 บาทรักษาทุกที่นั้น เป็นหลักประกันสุขภาพของคนไทย เป็น Safety Net หรือตาข่ายความปลอดภัยที่รองรับด้านสุขภาพของประชาชนไว้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพราะต้องการทำให้ระบบดีขึ้นและยั่งยืน บรรยากาศการหารือจึงเป็นไปอย่างสร้างสรรค์
หลังจากนี้ทั้ง 2 หน่วยงานจะหารือแนวทางการบริหารงบปี 2569 และเตรียมเสนอของบประมาณในปี 2570 ร่วมกันต่อไป ส่วนงบประมาณปี 2568 ที่ของบกลางเพิ่มเติมในส่วนที่ไม่เพียงพอนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ ครม.
ด้าน นพ.สมฤกษ์กล่าวว่า การบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2569 หลังจากนี้ สธ. และ สปสช. จะทำงานกันอย่างใกล้ชิด ต้องรู้ข้อมูลเท่าๆ กัน โดยช่วงต้นปีงบประมาณจะมีการตกลงกับโรงพยาบาลเรื่องงบประมาณที่ได้รับ
แนวทางการบริหารจัดการงบประมาณที่เป็นแบบปลายปิดเพื่อดูต้นทุนและประสิทธิผลของบริการ ซึ่งหลักๆ จะแยกเป็น 4 กองทุนย่อย คือ
กองทุนผู้ป่วยนอก (OP) กองทุนผู้ป่วยใน (IP) กองทุนสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP) และกองทุนบริการกรณีเฉพาะ (CR) โดยในส่วนของการบริหารเป็นงบประมาณปลายปิดของแต่ละกองทุนอย่างแท้จริง
ในส่วนของงบประมาณผู้ป่วยในที่มีประเด็นทุกปีว่าไม่พอนั้น ในปีงบประมาณ 2569 สธ. และ สปสช. จะระบุตัวเลขค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ เพื่อให้ทุกโรงพยาบาลได้รับทราบอัตราพื้นฐาน และ สปสช.ดำเนินการจ่ายตามนั้น เมื่อใกล้ปิดปีงบประมาณ หากงบประมาณเหลือไม่พอจ่ายตามอัตราที่ตกลงไว้ ให้แจ้งโรงพยาบาลทราบข้อมูลและแนวทางที่จะเพิ่มเติมงบประมาณให้เพียงพอ
วิธีการนี้จะทำให้ในปีงบประมาณถัดไป สปสช. มีข้อมูลการให้บริการที่ชัดเจน และใช้เป็นฐานในการของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้โรงพยาบาลบริการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช. ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถึงข้อเสนอแนะการทำงานร่วมกัน ในส่วนของ สปสช. นั้น เรายอมรับว่าการบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมามีปัญหาจริง และอาจจะมีหลายด้านด้วย
อย่างไรก็ตามทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะจากความร่วมมือกับ สธ. และภาคส่วนอื่นๆ เพื่อบริหารจัดการร่วมกัน โดยในการบริหารงบประมาณปี 2569 นี้ ต่อไปจะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะงบผู้ป่วยใน หากการให้บริการเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะมีการจัดการอย่างไร
รวมถึงการปรับระบบให้บริหารอย่างมีส่วนร่วมมากขึ้น โปร่งใสและตรวจสอบได้ และจะมีการจัดทำข้อมูลเชิงหลักฐานที่ได้จากการให้บริการของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการจัดทำคำของบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในปีงบประมาณ 2570 ที่สะท้อนต้นทุนและประสิทธิผลของการให้บริการต่อไปด้วย
“สำหรับงบผู้ป่วยในปี 2568 นั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว สปสช. จะนำเข้าสู่บอร์ด สปสช. เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดสรรต่อไป ในส่วนของการโอนงบประมาณให้กับโรงพยาบาลนั้น ในช่วงนี้เป็นช่วงของการปิดปีงบประมาณ สปสช. ได้โอนให้โรงพยาบาลตามรอบปกติ และจะมีการสื่อสารตรงให้โรงพยาบาลได้รับทราบในแต่ละรายการต่อไปด้วย” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
ข่าว
สุขภาพ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย