Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
www.easycashflows.com
•
ติดตาม
22 ต.ค. เวลา 04:13 • ธุรกิจ
สินเชื่อที่แก้ปัญหาของธุรกิจก่อสร้าง
“งานเร่ง โครงการคอนโดฯ เริ่มตีกอง แต่เงินกู้ที่เบิกได้ยังไม่ทันรอบไซต์ครับ ดอกก็เดิน วัสดุก็ต้องจ่าย ปลายเดือนเงินสดฝืดอีกแล้ว”
นี่คือ pain point คลาสสิกของงานก่อสร้าง: เงินกู้วิ่งไม่ทันงาน ทั้งที่เรามีสัญญาในมือ มีแบ็กล็อกชัด แต่โครงสร้างสินเชื่อไม่ “เข้าจังหวะไซต์งาน” ทำให้ต้นทุนทางการเงินไหลเร็วกว่า
กระแสเงินสดเข้า บทความนี้ผมจะพาคุณวางกรอบคิดแบบกึ่งเล่าเรื่องกึ่งวิเคราะห์—ในฐานะที่ปรึกษาที่ลงไซต์จริง—ว่า “สินเชื่อก่อสร้างควรเป็นแบบไหนถึงจะเข้าจังหวะงาน” และเชื่อมโยงไปถึงการจัดการ สินเชื่อเครื่องจักร (ซื้อ–เช่าซื้อ–ลิสซิ่ง) ให้เหมาะกับดีเอ็นเอของแต่ละโครงการ
easycashflows.com
ที่ปรึกษาด้านเงินทุน - สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
อ่านเพิ่มเติม
บริบทตลาดปีนี้ช่วยได้ในระดับหนึ่ง: ธนาคารแห่งประเทศไทย คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% เมื่อ 8 ต.ค. 2568 (มติ 5:2) สื่อสารชัดว่าพร้อมประคับประคองเศรษฐกิจ และพิจารณาผ่อนต่อหากข้อมูลอ่อนลง นั่นแปลว่า “ต้นทุนเงิน” ไม่มีช็อกขึ้นทันที แต่ก็ยัง ต้องเลือกเครื่องมือสินเชื่อให้ตรงงาน เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยกินกำไรจากความหน่วงของการเบิก–การรับชำระของโครงการก่อสร้าง.
ขณะเดียวกัน แนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยปี 2025 ถูกประเมินว่าจะขยายตัวในกรอบบวก (ประมาณ +5–6%) จากงานโครงสร้างพื้นฐานและฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว–ดิจิทัล แต่ฝั่งผู้รับเหมาที่ทำงานเอกชนอาจเผชิญการชะลอในบางช่วงและความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการ ทำให้ การบริหารสภาพคล่อง ยิ่งสำคัญ.
1) เงินกู้ต้อง “จับคู่จังหวะไซต์”: เบิกตามงวด–เสาก่อ–ชั้นเสร็จ ไม่ใช่ “เหมาจ่ายก้อนเดียว”
หัวใจของ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ สำหรับงานก่อสร้าง คือการผูก จังหวะเบิก ให้ ยึดกับความคืบหน้า (progress) ของโครงการ ไม่ใช่รับเงินเป็นก้อนแล้วปล่อยให้ดอกเดินล่วงหน้าโดยยังใช้ไม่หมด โครงสร้างยอดนิยมมี 3 แบบ (มักใช้ผสมกัน):
• Drawdown ตาม milestone: เบิกเมื่อผ่านงานโครงสร้าง เช่น เสา–คาน–พื้นชั้น X ตรวจรับแล้ว ธนาคารหรือเจ้าของงานยืนยัน
• เบิกตามใบแจ้งหนี้ (progress billing): ตัดตามเปอร์เซ็นต์งานรายงวด โดยธนาคารผูกบิลกับเอกสารตรวจรับ
• วงเงินหมุนเวียนสั้น สำหรับ “ของไว” เช่น ค่าคอนกรีต เหล็ก ค่าแรงรายสัปดาห์ แล้วปิดด้วยเงินรับงวด
ข้อดีของโครงสร้างนี้คือ ดอกเบี้ยเกิดบนเงินที่จำเป็นจริงในช่วงนั้น แทนการจ่ายดอกบนวงเงินว่าง ๆ เป็นเดือน ๆ
เกร็ดสำคัญ: งานก่อสร้างมักมี retention/retainage (เงินกันผลงาน) 5–10% ที่ถูก “แขวนไว้” จนจบงานหรือผ่านช่วงรับประกัน ทำให้ “เงินเข้า” ช้ากว่างานเสร็จเล็กน้อย จึงควรเผื่อกันชนสภาพคล่องไว้เสมอ และออกแบบสินเชื่อให้รับมือช่วงที่เงินค้างอยู่ใน retention.
2) ผูก “หลักฐานดิจิทัล” เข้ากับแฟ้มขอกู้: ให้ธนาคาร “เห็นเงิน” ไม่ใช่ “เดาเงิน”
ทุกครั้งที่ลูกค้าบอกว่า “ธนาคารปล่อยช้า/ปล่อยน้อย” ผมมักพบว่าปัญหาจริงคือ เอกสารเล่าทางเงินไม่พอ ทางออกคือผูกงานเอกสาร–การเงินเข้ากับมาตรฐาน e-Invoice/e-Receipt และ การชำระเงินดิจิทัล ผ่านโครงสร้างพื้นฐาน PromptBiz (มาตรฐานข้อความ ISO 20022)
ซึ่งถูกออกแบบโดย ธปท. เพื่อให้ธุรกรรมการค้า ตรวจสอบและเชื่อมต่อได้ตั้งแต่ใบแจ้งหนี้ → วางบิล → รับชำระ สร้าง digital footprint ที่ธนาคารใช้ประเมินวงเงินได้แม่นขึ้น—มีประโยชน์มากกับผู้รับเหมาที่ต้องยื่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบเบิกตามงวดงาน.
3) เครื่องจักร: ซื้อ เช่าซื้อ หรือเช่าการเงิน (ลิสซิ่ง) ให้ตรง “อายุงาน” และ “ภาษี”
ไซต์ก่อสร้างไม่ใช่แค่คอนกรีต–คนงาน แต่คือ “เครื่องจักร” ที่กินเงินก้อนพอ ๆ กัน หลายโครงการสะดุด เพราะดึงเงินก่อสร้างไปจมกับเครื่องจักร วิธีคิดที่ปลอดภัยคือ แยก “เงินก่อสร้าง” ออกจาก “เงินเครื่องจักร” แล้วเลือกเครื่องมือให้ตรงดีเอ็นเอ:
• สินเชื่อซื้อเครื่องจักร / สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร (Hire Purchase): เหมาะกับเคสที่ตั้งใจ “เป็นเจ้าของ” อุปกรณ์ ใช้ยาวและกระจายไปหลายโครงการ สิ้นสุดสัญญาแล้วครอบครองทรัพย์ (ภาษี–บัญชีต่างจากลิสซิ่ง)
• ลิสซิ่ง (Finance Lease/Operating Lease): เหมาะงานที่อายุสั้น/เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว/ต้องปรับ fleet บ่อย สิ้นสุดสัญญาสามารถส่งคืนหรือเซ็นต่อ เงื่อนไขแตกต่างตามผู้ให้บริการ ควรเทียบ ค่าเช่ารวม + ค่าบำรุง + เงื่อนไขคืน มากกว่าดูแค่งวดจ่ายต่อเดือน.
หลักการง่าย ๆ: อายุหนี้ ≤ อายุประโยชน์ของสินทรัพย์ (อย่าผ่อนเครื่องจักรนานกว่าที่ใช้งานจริง) และอย่าเอา OD/วงเงินหมุนไปผ่อนของยาว
4) ใส่ “กันชน” สำหรับความเสี่ยงไซต์: ความปลอดภัย–กำหนดการ–ราคา
ความจริงที่คนหน้างานรู้ดี: ไซต์มีเหตุไม่คาดฝันเสมอ ตั้งแต่ ดีเลย์ตรวจรับ, ความปลอดภัย/อุบัติเหตุ, ไปจนถึง ราคาวัสดุแกว่ง (เหล็ก ปูน) สิ่งเหล่านี้สะเทือนทั้งกำหนดการและเงินสด ปีนี้เรายิ่งควรรัดกุม หลังมีข่าวอุบัติเหตุจากงานโครงสร้างในไทยที่สะท้อนความเสี่ยงเชิงระบบของไซต์งาน—ประเด็นความปลอดภัยและมาตรฐานการควบคุมคุณภาพจึงไม่ใช่เรื่องภาพลักษณ์ แต่กระทบ “เงินเข้าตรงเวลา” ด้วย. AP News
วิธีทำให้เงินกู้ทนแรงสั่น:
• ขอ Grace Period (ปลอดชำระเงินต้น) ให้พอดีกับช่วงงานหนัก/ช่วงติด retention
• ขอเงื่อนไข Prepayment Penalty ต่ำ เพื่อมีทางรีไฟแนนซ์เมื่อดอกลงหรือโครงการจบเฟส
• ทำ Sensitivity Test กับราคาวัสดุ/ค่าแรง และเผื่อกันชน 5–10% ในแผนเงินกู้
• ใช้ ประกันงาน/ความรับผิด ที่เชื่อมเงื่อนไขกับ milestone—ลดความเสี่ยง “จ่ายก่อน รับทีหลัง”
5) ตัวอย่างโครง “สินเชื่อก่อสร้างที่เข้าจังหวะไซต์” (จากเคสผู้รับเหมางานโครงสร้าง 18 เดือน)
• วงเงินหลัก (Term Loan ก่อสร้าง): แบ่ง Drawdown 5 งวด ผูกกับ milestone โครงสร้าง–งานระบบ–งานสถาปัตย์ เอกสารถูกตรึงกับ ใบตรวจรับ + e-Invoice ผ่าน PromptBiz เพื่อให้ธนาคารเห็นทางเงินกลับชัดเจน
• วงเงินหมุนเวียนสั้น (90–120 วัน): เบิก–คืนตามใบสั่งซื้อคอนกรีต/เหล็ก/ค่าแรงรายสัปดาห์ ปิดด้วยเงินรับงวด (คิดดอกตามใช้จริง)
• เครื่องจักร: เลือก สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร สำหรับปั้นจั่น–เครนที่ใช้ข้ามโปรเจกต์ 4–5 ปี และ ลิสซิ่ง สำหรับอุปกรณ์เฉพาะกิจที่หมดงานแล้วส่งคืน
• กันชน: เผื่อ retention 10% และ Grace 3–4 เดือนช่วงเดินงานหนัก + เงื่อนไขปิด
ก่อนกำหนดค่าปรับต่ำเพื่อรีไฟแนนซ์หลังผ่าน 60–70% ของงาน
ผลลัพธ์: ดอกเบี้ยจริงเฉลี่ยลดลง (เพราะเบิกตามใช้), เงินสดปลายเดือนนิ่งขึ้น, และแฟ้มเอกสาร “อ่านง่าย–ตรวจได้” ทำให้ธนาคารกล้าขยายเพดานในช่วงครึ่งหลังของงาน
6) “คุยกับธนาคารให้เป็นภาพเดียวกัน”: 1 หน้า Executive Summary ที่ควรมี
1. ไทม์ไลน์ไซต์ (Gantt ย่อ) + จุดเบิกเงินแต่ละงวด
2. ตารางกระแสเงินสดรายสัปดาห์ 24–36 สัปดาห์แรก + หลุมเงินสดสูงสุด
3. รายการวัสดุ/ค่าแรงหลัก และเงื่อนไขจ่ายจริง
4. แผนเครื่องจักร: อะไร “ซื้อ/เช่าซื้อ/ลิสซิ่ง” พร้อมเหตุผลอายุงาน
5. หลักฐานดิจิทัล: e-Invoice/e-Receipt/ใบตรวจรับ ที่ผูก PromptBiz เพื่อให้เห็นเงินเดินตั้งแต่ใบแจ้งหนี้ถึงการรับชำระ.
เมื่อสื่อสารแบบนี้ เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะมองเห็นพร้อมกันทั้ง “โครงสร้างงาน” และ “โครงสร้างเงิน” ทำให้เจรจาได้ทั้งวงเงิน เงื่อนไขเบิก และต้นทุนที่เหมาะกับไซต์จริง
7) ทำไมช่วงนี้ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ
แม้ดอกนโยบายทรงตัว แต่เศรษฐกิจยังเผชิญความไม่แน่นอนด้านต่างประเทศ ทำให้ฝ่ายสินเชื่อเน้นดีลที่ “หลักฐานแน่นและยืดหยุ่น” มากขึ้น โครงสร้างที่เบิกตาม milestone, ใช้เอกสารดิจิทัลพิสูจน์ได้, และแยกเงินก่อสร้างออกจากเงินเครื่องจักร จึงมีโอกาสได้เงื่อนไขดีกว่า “กู้ก้อนเดียวจบ”.
สรุปแบบลงหน้างาน
• อย่ากู้ก้อนเดียว: แยก “เงินก่อสร้าง (drawdown)” ออกจาก “เงินหมุนเวียนสั้น” และ “เงินเครื่องจักร”
• ให้เงินวิ่งตามงาน: ผูกเบิกกับ milestone + เตรียมกันชนช่วง retention
• ใช้หลักฐานดิจิทัล: e-Invoice/e-Receipt ผ่าน PromptBiz ให้ธนาคาร “เห็นเงิน” ชัด
• เครื่องจักรต้องตรงดีเอ็นเอ: เลือก สินเชื่อซื้อเครื่องจักร/เช่าซื้อ/ลิสซิ่ง ตามอายุประโยชน์และภาษี
• เงื่อนไขต้องยืดหยุ่น: Grace, Prepayment ต่ำ, และรีวิวพอร์ตทุก 90 วัน
อ่านต่อ
ถ้าอยากเห็นกรอบคิดเต็ม ๆ เรื่อง “สินเชื่อก่อสร้างควรเป็นแบบไหน ถึงจะเข้าจังหวะไซต์งาน” พร้อมเช็กลิสต์เอกสาร, ตัวอย่างตารางเบิกตาม milestone และเทมเพลตสรุป 1 หน้าเพื่อยื่นแบงก์ แนะนำตามไปอ่าน
easycashflows.com
ที่ปรึกษาด้านเงินทุน - สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
อ่านเพิ่มเติม
ธุรกิจ
การตลาด
การเงิน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย