9 ชั่วโมงที่แล้ว • การตลาด

วิธีสร้าง Branding แบบ “3 เสาหลัก” ให้แบรนด์แตกต่าง เบสิกสำคัญ ที่ปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจ

“Branding” หรือการสร้างแบรนด์ กลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างความแตกต่าง โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ทำให้ลูกค้าจดจำได้ และมีความผูกพันทางด้านอารมณ์กับแบรนด์ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเติบโตของแบรนด์ในระยะยาว
แต่คำถามคือ ถ้าเราต้องการสร้างแบรนด์ให้มีพื้นฐานที่แข็งแรง ควรเริ่มจากการสร้างแบรนด์ในด้านใดก่อนเป็นอันดับแรก ๆ
บทความนี้ MarketThink จะอธิบาย 3 วิธีสร้างแบรนด์แบบพื้นฐาน แต่ปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจกัน
1
อันดับแรก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การสร้างแบรนด์ทำได้ด้วยหลายกลยุทธ์ แต่กลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด หลายคนน่าจะนึกถึง 3 กลยุทธ์เหล่านี้
- Corporate Branding
- Product Branding
- CEO Branding
เพราะทั้ง 3 กลยุทธ์การสร้างแบรนด์นี้ เป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์พื้นฐาน เป็นเหมือน “3 เสาหลัก” ของการสร้างแบรนด์ ที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งในระยะยาว
1. Corporate Branding
เป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ในระดับพื้นฐานที่สุด และทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับการสร้างแบรนด์ในรูปแบบนี้กันอยู่แล้ว
ซึ่ง Corporate Branding ก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ให้กับ “องค์กร” หรือ “บริษัท” ในภาพรวม ว่าอยากทำให้คนทั่วไปที่มองจากภายนอกเข้ามา โดยเฉพาะลูกค้า มีมุมมองต่อแบรนด์อย่างไร
ตั้งแต่ใน ด้านวิสัยทัศน์ ค่านิยม ความเชื่อ คุณค่าที่แบรนด์ยึดถือ บุคลิก ลักษณะ และตัวตนของแบรนด์ ที่อยากให้ลูกค้าได้รับรู้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างแบรนด์แบบ Corporate Branding ทั้งสิ้น
ที่สำคัญคือ Corporate Branding เป็นการวางแผนการสร้างแบรนด์ที่มีความเป็นภาพรวม เป็นเหมือนร่มคันใหญ่ที่มีผลต่อการสร้างแบรนด์ในรูปแบบอื่น ทั้ง Product Branding และ CEO Branding
รวมถึงต้องทำการสร้างแบรนด์ในระยะยาว และไม่ได้หวังผลด้านการสร้างยอดขาย จากการสร้างแบรนด์ในรูปแบบนี้โดยตรง
โดยองค์ประกอบสำคัญของ Corporate Branding ได้แก่
- Brand Purpose (จุดมุ่งหมายของแบรนด์)
เป็นเหตุผลของการมีอยู่ว่า แบรนด์ของเราเกิดขึ้น หรือมีอยู่เพื่ออะไร
- Brand Vision และ Brand Mission (พันธกิจ และแนวทางของแบรนด์)
เป็นเหมือนเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการทำให้ได้ในอนาคต
- Brand Values (คุณค่าของแบรนด์)
คือ คุณค่า ที่แบรนด์ยึดถือ และต้องการทำตาม
- Brand Personality (บุคลิกและลักษณะของแบรนด์)
เป็นการเปรียบเทียบว่า หากแบรนด์เป็นคน คนคนนั้นจะมีบุคลิกหรือลักษณะอย่างไร
- Value Proposition (คุณค่าที่แบรนด์ต้องการส่งมอบให้ลูกค้า)
เป็นเหมือนคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับจากแบรนด์ ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ
- Visual Identity (ตัวตนของแบรนด์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า)
เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้ามองเห็นทั้งหมด เช่น โลโก การเลือกใช้สี การออกแบบกราฟิก การเลือกใช้ฟอนต์ หรือการออกแบบแพ็กเกจจิง
- Brand Voice (น้ำเสียงของแบรนด์)
เป็นการกำหนดว่า หากแบรนด์เป็นคน คนคนนั้นจะมีน้ำเสียง ที่ใช้สื่อสารกับลูกค้า หรือบุคคลภายนอกอย่างไร
- Brand Experience (ประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากแบรนด์)
ทั้งประสบการณ์จากการซื้อสินค้า การเข้าชมเว็บไซต์ หรือประสบการณ์ด้านบริการต่าง ๆ
2. Product Branding
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ในรูปแบบถัดมา ก็คือ Product Branding จะเป็นการสร้างแบรนด์ที่มีภาพที่แคบลงมาอยู่ที่สินค้าตัวใดตัวหนึ่งของแบรนด์เท่านั้น
โดยที่สินค้าแต่ละตัว อาจมีการสร้างแบรนด์ที่แตกต่างกันก็ได้ ตามกลุ่มเป้าหมายของสินค้าชิ้นนั้น ๆ
ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของการสร้างแบรนด์ให้กับตัวสินค้า ก็มีทั้ง
- การออกแบบ
หมายถึง การออกแบบในภาพรวมของตัวสินค้า ที่ลูกค้าจะเห็นเป็นสิ่งแรก รวมถึงการออกแบบโลโก และแพ็กเกจจิงของสินค้าด้วย
- การเลือกใช้สี
เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญ เพราะการเลือกใช้สีส่งผลต่ออารมณ์ และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้
- การตั้งชื่อของสินค้า
เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าจดจำสินค้าของแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยให้สินค้ามีความแตกต่าง และโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ที่อาจทำสินค้าคล้าย ๆ กัน
โดยตัวอย่างของการสร้างแบรนด์ในรูปแบบนี้ เช่น
- iPhone แต่ละรุ่น มีการสร้างแบรนด์ที่ไม่เหมือนกัน
iPhone 17 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานทั่วไป ทำให้ Apple เลือกสร้างภาพลักษณ์ของ iPhone รุ่นนี้ให้มีความสดใสมากกว่า ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเลยคือ การเลือกใช้สีของตัวเครื่อง ที่เน้นสีในโทนพาสเทล
ในขณะที่ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานระดับโปร
ทำให้ Apple เลือกสร้างภาพลักษณ์ของ iPhone รุ่นนี้ให้ดูเคร่งขรึม หรือดูหรูหรามากกว่า ด้วยการใช้สีของตัวเครื่อง 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีขาว และสีส้ม
3. CEO Branding
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบสุดท้าย จะมีความแตกต่างจากกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ทั้งสองแบบก่อนหน้า ที่เน้นการสร้างแบรนด์จากตัวองค์กร และสินค้า
แต่ในกลยุทธ์การสร้างแบรนด์รูปแบบนี้ จะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์ผ่านตัวบุคคล โดยการใช้ CEO หรือผู้บริหารสำคัญในตำแหน่งอื่น ๆ มาช่วยสร้างภาพลักษณ์ หรือภาพที่ลูกค้าจดจำได้
ซึ่งข้อดีของการสร้างแบรนด์ด้วยกลยุทธ์ CEO Branding ก็คือ ช่วยให้แบรนด์ดูมีตัวตนจริง มีความเป็นมนุษย์ และเข้าถึงง่าย รวมถึงเกิดภาพจำของแบรนด์ตามลักษณะของ CEO
โดยตัวอย่างของการสร้างแบรนด์ในรูปแบบนี้ เช่น
- ตราเด็กสมบูรณ์
ในระยะหลัง ๆ เรามักเห็นคุณท็อป-วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ ทายาทของแบรนด์ ทำคอนเทนต์ใน TikTok ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเข้าถึงง่าย สบาย ๆ
รวมถึงในบางครั้งก็ทำคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ ทำให้ตราเด็กสมบูรณ์ มีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
- นมตรามะลิ
คุณพิชญ์-พิชญเทพ ยุกตะเสวี ทายาทของนมตรามะลิ ที่มักจะทำคอนเทนต์บน TikTok
เช่น การนำนมตรามะลิมากินคู่กับเมนูต่าง ๆ หรือพาเยี่ยมชมโรงงาน ทำให้นมตรามะลิ ได้ภาพลักษณ์ที่ดี เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
ทั้งหมดนี้คือ ทั้ง 3 กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ และควรทำทั้ง 3 กลยุทธ์นี้ร่วมกัน เป็นเหมือน 3 เสาหลักของการสร้างแบรนด์ ที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งในระยะยาว
โฆษณา