(บทเรียนจาก Steve Jobs ในปี 1991 แม้เวลาผ่านไปแต่นักการตลาดยุค AI ก็ควรเรียนรู้)
"The best marketing is still education" เมื่อกลยุทธ์ไม่เปลี่ยน แต่เครื่องมือเท่านั้นที่เปลี่ยน
====
💡 เมื่อ Steve Jobs สอนโลกเรื่อง “กลยุทธ์การตลาด” อะไรแก่เราในปี 1991?
ย้อนกลับไปในปี 1991 ยุคที่คำว่า “อินเทอร์เน็ต” ยังแทบไม่มีอยู่ในพจนานุกรมธุรกิจ Steve Jobs ขึ้นพูดในวิดีโอภายในของบริษัท NeXT Computer เพื่ออธิบายสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นหัวใจของการตลาดที่แท้จริง ซึ่งแม้จะผ่านมา 30 กว่าปี แต่ก็ยังใช้ได้ดีในยุคที่โลกหมุนด้วย AI
“The best marketing is education. As we accomplish that education, more and more customers are gonna be asking us.”
ในเวลานั้น Jobs กำลังพยายามหาตำแหน่งทางการตลาดให้ NeXT ที่แข่งขันอยู่กับยักษ์ใหญ่อย่าง Sun Microsystems และ IBM เขาไม่ได้เลือกใช้โฆษณาเสียงดัง (ทุ่มงบประมาณมหาศาล) แต่เลือก “กลยุทธ์แห่งความเข้าใจ” คือ การอธิบายให้ลูกค้าเห็นภาพว่าทำไมเทคโนโลยีของเขาถึงแก้ปัญหาได้จริง และมันจะช่วยให้ชีวิตของมืออาชีพดีขึ้นอย่างไร
* Jobs มองว่าการตลาดไม่ใช่ “ศิลปะแห่งการโน้มน้าว” แต่คือ “ศิลปะแห่งการให้ความรู้” เพราะลูกค้าจะเชื่อในสิ่งที่เขา “เข้าใจด้วยตัวเอง” มากกว่าสิ่งที่ใครมาบอกให้เชื่อ
* ในปี 1991 เขาใช้แนวคิดนี้กับการสร้าง NeXT โดยเจาะตลาด Professional Workstation ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกร แต่เป็นมืออาชีพในสายอาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ นักออกแบบ และผู้บริหารที่ต้องการเครื่องมือทรงพลังแต่ใช้งานง่าย NeXT ไม่ได้ขาย “สเปก” ของเครื่อง แต่ขาย “ความเข้าใจ” ว่าทำไมมันจึงตอบโจทย์ชีวิตการทำงานของพวกเขาได้จริง
* กลยุทธ์นี้ทำให้ NeXT สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง Sun Microsystems ได้ถึง 15 ครั้งรวดในการแข่งขันเสนอขายผลิตภัณฑ์ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่ง Jobs อธิบายว่าเกิดจาก “การฟังลูกค้าและต้องสอนลูกค้าในเวลาเดียวกัน” (ไม่ใช่แค่ไปฟังลูกค้าอย่างเดียว) พวกเขาไม่พูดแต่สิ่งที่เครื่องทำได้ แต่พูดถึง “สิ่งที่ลูกค้าจะทำได้” เมื่อมีมันอยู่ในมือ
====
🧭 จาก NeXT สู่ Apple = "การตลาดที่ข้ามยุคข้ามเวลา"
หลังจาก NeXT ถูกซื้อโดย Apple ในปี 1997 Jobs นำหลักคิดเดียวกันนี้กลับมาปลุกชีวิตให้แบรนด์ที่กำลังจะตาย ด้วยแนวคิดที่เน้น Purpose-driven Marketing หรือ การขาย “เหตุผลของการมีอยู่” มากกว่า “คุณสมบัติของสินค้า” แคมเปญ “Think Different” ในปี 1998 กลายเป็นตัวอย่างคลาสสิกของกลยุทธ์นี้ เพราะมันไม่ได้พูดถึงผลิตภัณฑ์เลยแม้แต่คำเดียว แต่พูดถึง “ความเชื่อ” ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนโลก
นับจากนั้น Apple ก็กลายเป็นองค์กรที่ใช้ “การให้ความรู้” เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่น
* Apple Store Today at Apple — Workshop ฟรีที่สอนผู้ใช้ตั้งแต่พื้นฐานการใช้ iPhone จนถึงการตัดต่อวิดีโอด้วย iMovie สร้างความผูกพันระยะยาวโดยไม่ต้องโฆษณา
* Apple Event Launches — การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ Jobs วางรากฐานไว้ เริ่มต้นด้วย “Why” เสมอ เช่น “เราทำสิ่งนี้เพราะเราเชื่อว่าเทคโนโลยีควรทำให้ชีวิตคนดีขึ้น” ก่อนจะเข้าสู่ “How” และ “What”
⚙️ หลักการของ Jobs ที่ยังใช้ได้ในยุค AI Marketing?
1. Start with Why — เริ่มจากเหตุผล ไม่ใช่สินค้า
* ลูกค้าไม่ได้อยากรู้ว่าเราขายอะไร แต่เขาอยากรู้ว่า “เราทำไปทำไม?” เหมือนที่ Simon Sinek เคยกล่าวไว้ใน Start With Why ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่ Jobs ใช้มาตลอด
* การตลาดยุค AI ต้องกลับมาถามตัวเองว่า “เรามีอยู่เพื่อแก้ปัญหาอะไรของมนุษย์?”
* Jobs เคยสอนทีมว่า “ความเรียบง่ายคือความหรูหราสูงสุด” และแนวคิดนี้ยังเป็นแกนกลางของการสื่อสารทางการตลาดยุค AI เมื่อเทคโนโลยีซับซ้อนจนผู้บริโภคสับสน การพูดให้เข้าใจง่าย กลับกลายเป็นจุดแข็งสำคัญ
* เช่น Netflix ที่สื่อสารเพียงสั้นๆ ว่า “ชมได้ทุกที่ ทุกเวลา” หรือ Google ที่ใช้คำโปรยเรียบง่าย “Search what you need.” ความชัดเจนเช่นนี้สร้างความน่าเชื่อถือและทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้ยาวนาน
====
🔍 การตลาดแบบ “Educate to Win” ในยุค AI
* ปี 1991 Steve Jobs ใช้ Demo และ Workshop เพื่อ “สอน” ลูกค้าทีละกลุ่ม ปี 2025 นักการตลาดใช้ TikTok Shorts, Webinars, และ AI Chatbots เพื่อทำสิ่งเดียวกันในระดับมหาชน หลักคิดไม่เปลี่ยนเลย
* Notion สร้างคอนเทนต์สอน Productivity ผ่าน YouTube และ Community Workshop ก่อนให้คนรู้ตัวว่าตัวเองต้องการสมัคร Pro Plan พวกเขาไม่ขาย แต่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการอัปเกรดคือทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด