24 ต.ค. เวลา 07:13 • ปรัชญา
โลกมนุษย์กับโลกวิญญาณใกล้ชิดกัน โลกวิญญาณสงบ โลกมนุษย์ก็สงบไปด้วย
เราก็คงรู้ประวัติแผ่นดินสยาม ที่รุ่งเรืองด้วยคำว่า พระบวชพุทธศาสนา เมื่อว่างเว้นการทำไร่ทำนา คนก็เข้าวัดถื่อศีลฟังทำ สร้างบุญกุศล จิตใจก็อิ่มเอิบไปด้วยบุญหนุนนำทั้งกายทั้งจิต จิตใจเจริญ คนยุคนั้น เค้าเคร่งครัด ระมัดระวังกายวาจาใจ ในการสร้างบุญกุศล เค้าเค้าวัดทำบุญ ก็สงบเสงี่ยม นั่งกันพับเพียบเรียบร้อย .ไม่ต้องมีใครบอกกล่าว ไม่ต้องมานั่งสอนวิธีการทำบุญทำทาน
พอมามึงสมัยนี้ เค้าเอาแต่เจริญวัดถุ ไม่ส่งเสริมให้จิต เจริญขึ้นมา จิตก็เลยขาดบุญหนุนนำ มีความเร่าร้อนไปด้วยอารมณ์อยากนานาชนิด วัดวาอาราม.กลายเป็นเหมือนศาลเจ้า .ให้ค่อยท่องเที่ยวชม . ไม่มีการเคารพสถานที่ ขอดีๆ ก็สูญหาย จิตวิญญาณที่ดีๆ เค้าก็อยู่ เพราะมนุษย์เรียกร้อง อ้อนวอน เพิ่มพูนแต่กรรม เพิ่มพูนทุกข์ให้แก่ตัวเอง
เหมือนที่มีพระบวชใหม่ เล่าให้ฟัง ไปนั่งร้องเพลงในโบสถ์ ก็มีพระชรา เดินออกมาจากเสา ..มาบอกว่า ..ท่านๆ ท่านมาบวขอยู่น่ะ .สำรวมหน่อย .แล้วเราก็ไปเปรียบเทียบดู .ว่า สถานทีที่เค้าไว้สร้างบุญกุศล เดียวนี้ ทั้งนักบวชทั้งโยมเค้า ใช้สถานที่นี้ทำอะไรกัน
เรื่องราวของบุญกุศล โบราณก็ว่า มีเจ้าที่ เจ้าของสถานที่ เจ้าของบ้าน ผีบ้านผีเรือน แม่บ้าแม่เรือน จิตวิญญาณที่อาศัย .เค้าก็มี คนไทยเมื่อก่อน เค้าก็มีการทำบ้าน โลกวิญญาน เค้าก็ได้รับบุญกุศล โดนนิมนต์พระที่ปฏิบัติธรรม ประพฤติดีประพฤติ นิมนต์มา แต่สมัยนี้ ก็มีเกจิอาจารย์ ท่องบ่นคาถาอาคม มีแต่มนต์ดำไสยศาสตร์ ..เรียกร้องแต่เปรตอสุรกายมา .ที่ว่าจะดี มันก็กบับกลายเป็นไม่ดี ไม่เกิดแสงสีของบุญกุศลมาได้เลย
เรื่องราว ของพระพุทธศาสนา นั้นเป็นเรื่องราว สร้างบุญกุศลบารมี คัดเอ้าท์กรรม หนีการเกิดแก่เจ็บตาย มีพระพุทธเจ้าเป็นประทานธรรม เป็นแบบอย่าง ที่ท่านอาศัยกายมนุษย์ มากระทำ สำเร็จ ให้จิตพ้นทุกข์ ท่านก็ชี้ให้คนนั้น รู้จักทุกข์ ที่เกิดมา มีกายก็ด้วยกรรม ที่นำมาเกิด
สิ่งที่ท่านกระทำ ก็ล่วงเลยมานาน สองพันกว่าปีแล้ว เราก็ไม่รู้ว่า ยุคนั้นสมันนั้น สิ่งแวดล้อมสังคมเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่า สิ่งที่ท่านทรงกระทำ ตลอดทั้งพระสาวก ว่าแท้จริง ท่านกอย่างไรกัน มันเนินนาน มาหลายชั่วคน .ไม่รู้ว่า ท่ี่เล่าขานบอกกัน รุ่นต่อรุ่น เราก็ไม่รู้ว่า ยุคสมัยท่าน เค้ากันอย่างไร ไม่เคยเห็นไม่เคยได้รับรู้ เพราะเกิดยุคสมัยกึ่งพุทธกาล
พอมาถึงยุคกึ่งพุทธกาล ..ก็มี เป็นยุค สัตว์นรกึ่นมาเกิด จิตที่มาจากเทพยดาอินทร์พรหม ไม่มาเกิด ยุคกึ่งพุทธกาล เมื่อจิตนรกมาเกิด ..เค้าก็ไม่เอาศาสนา บางที่ก็เอาโ่บสถ์มาทำเป็นผับบาร์ คนมันมีแต่ ตัณหาราคะห้อมล้อมจิต อม้ใน BD ก็มีให้ชม .ยุคสมัย มันเปลี่ยนแปลงไปตามจิตที่มีกรรม มาได้กายมนุษย์ ..แต่จิตนั้นทำให้เป็นจิตมนุษย์ไม่ได้ . ที่เค้าเรียกว่า แก้ไขนิสัยสันดาน ที่เค้าให้กายมนุษย์ ที่มาเรียนรู้จักดีชั่วได้ เพื่อจะแก่ไขนิสัยสันดานที่เป็นกรรม ให้ดีขึ้น
แต่เมื่อได้กายเป็นมนุษย์ ก็หลงลืม ว่าเค้าให้กายเป็นมนุษย์มาทำอะไรสร้างอะไร เพราะถูกอารมณ์กรรม ตัวกระทำต่าง ความโลภโกรธหลง เป็นเหมือนแม่เหล็กใหญ่ดูดจิต ให้ยึดถือ เอาอารมณ์นั้นเป็นจิต เอากิเลสตัณหาราคะ อารมณ์นึกคิด นึกอะไรขึ้นมา อารมณ์กสอดแทรกเข้าปรุง เช่น นั่งอยู่ดี นึดถึงชือ คนนี้มาติม่าว่าเรา อารมณ์ก็มาส่งเสริมปรุงแต่งเสียยาว ก็มีอารมณ์โม(โห เกลียดชัง อาฆาตพยายามจองเวร
อยู่มา มีอาชีพ ว่าเป็นทหาร มีศัตรูข้างบ้าน มาแย่งที่กัน ก็ต้องไล่กันออกไป ไล่ไม่ไป นายกก็สั่ง สั่งให้ใช้อาวุธ ทำลาย เข่นฆ่า ที่มีคำว่า ศัตรู ไม่ใช่มิตร เพราะหากเป็นมิตร ก็ใช้เหตุผลคุยกัน เข้าใจกัน ให้เกียรติกัน เป็นกัลยาณมิตร เห็นอกเห็นใจกัน
คราวนี้ ..เราก็มาดู ที่ว่าศาสนานั้น ชี้ทาง ส่งเสริมให้คน สร้างบุญกุศล สละวัตถุปัจจัย ที่ตนหามาด้วยความเหนื่อยยาก มันทุกข์มั่ย ทุกข์มันก็ซ่อนเร้นอยู่ในวัตถุที่หามา ใครมาหยิ่งเอาของเราไป ก็โกรธเกลียดโมโห เป็นศัตรูกัน เราก็นำปัจจัยนั้น ที่มีอารมณ์โลภโกรธหลงอยู่ ฝึกหัด สละออกไปให้เป็นบุญเปทาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ นั่นก็จะช่วย ดึงทุกข์ดึงอารมณ์กรรมออกไปจากกายจากจิตเรา
สมมุติ ว่างไปซื้อลอตเตอรี่มาสักใบ แหม ..เจ้าพ่อเจ้าแม่ให้เลขงามมาเชียว เรากนำตังค์ที่เราหามาได้ เอาซื้อลอตเตอรี่ ..ระหว่างที่ลอตเตอรี่ไม่ออก ก็แอบไว้อย่าให้ใครเห็น.. ฝันหวาน ว่า ถูกรางวัลที่หนึ่ง คงมีความสุข พอ..วันหวยออก ..แหม..ลอตเตอรี่ที่ซื่อมา ไม่ตรงเลขที่เค้าออก ก็ต้องหยิ่ง ลอตเตอรี่นั่นทิ่งไป
เรื่องราวพระศาสนา ท่านก็ชี้ทางให้ ให้กระทำ สิ่งไหนทำแล้ว เกิดคำว่าทานบุญกุศลบารมี เราก็ตั้งใจทำ ทำไปให้พ้นเวรกรรม นี่ สันทำกันง่าน้สียเมื่อไหร่ ก็ทุกข์วันนี้ ขนาดมามีเงินมีทองมากมาย มันก็ทุกข์ ทุกข์ที่ต้องเฝ้าดูแล สิ่งที่หามา หาเมืยหาผัว คิดว่าจะช่วยได้ โอ้..พอเต็บจวนตาย ..เงินทองท่ี่หามา มันก็ไม่ช่วยให้หานเจ็บ ยิ่งเจ็บหนัก ก็มีสายระโยงระยาง มีเข็มมาทิ่มแทง..หมอก็ว่า ไม่เจ็บๆ ..หมอไม่เจ็บนั้นถูกจองหมอ ..แต่ตัวเราเจ็บแทบขาดใจตาย
พอถึงคราวใกล้ตาย โอ้ย กรรมเค้าปิดปากปิดหู ..มีภาพต่างๆที่เคยใช้มา เบียดเบียน ทำลายคนนั้นนี้ เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ทำให้ผู้อื่นทุกข์ ก็ไหล ปรากฏขึ้น เหมือนกายนั้นเป็นจอทีวี ให้จิตนั้นดู ทำอะไรมาทั่งชีวิต ภาพยนตร์ชีวิตที่ถ่ายทำม่ทั้งชีวิต ที่ตาบันทึกภาพ หูบันทึกเสียง ถ่ายทำม่า จิตดูภาพเสียงทีทตนเองถ่ายทำมา ก็นอนน้ำตาไหลเปหางช้าง รู้แล้วว่า จะไปได้กายมีรูปอะไร สายไปเสียแล้วม แก้ไขนิสัยเวรกรรมตัวเองไม่ได้ ดีก็ไม่รู้ ชั่วก็ไม่รู้ เอ้า ..เอาสังขารสังขารสัตว์ไป ช..มีพ่อแม่ทีไม่ใช่กายมนุษย์ให้ใช้อีกแล้ว
มาต่ออีกนิดหนึ่ง ว่า จิตดวงใด ที่นอบน้อม มีจิตเป็นกุศล อยากประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศลบารมี ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีจิตของพระอรหันต์ ซึ่งท่านก็ยังไม่เข้าแดนพระนิพพาน ท่านยังอยู่ ..คอยช่วยเหลือ พยุงพระศาสนา ท่านก็เมตตา ช่วยอนุเคราะห์ สงเคราะห์ เหตุผลของโลก เหตุผลของธรรม ให้จิตที่มีความตั้งอกตั้งใจ สร้างบุญกุศลหนีเวรกรรม ให้มีสติสัมปชัญญะรู้จักกรรม ให้มีสติสัมปชัญญะ รู้จักธรรม สร้างบุญกุศลบารมีหนีเวรกรรม ท่าว่า มาทางบก จะรับด้วยช้าง มาทางน้ำ จะรับด้วยสำเภาเภตรา
เรื่องการสร้างบุญนั้น เมื่อทำดีๆ มีแสงรัตนะเกิดมาในการกระทำ แต่ละครั้ง เกิดสีเหลืองสีบุญขึ้นมา สิ่งนี้ สีแสงของบุญ นั้น โลกวิญญาณ ที่อยู่ติดกับโลกมนุษย์ เค้าก็ได้อนุโมทนา เกิดขึ้น เรื่องสีแสงของบุญนั้นเป็นแสงรัตนะ ที่โลกวิญญาณเค้าต้องการ เค้าได้รับแสง นี้ เค้าก็อิ่มเอิบ ดับความทุกข์ไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แล้วโลกวิญญาณนั้นก็เหมือนคนเรามีตัวดีตัวร้าย ยิ่งถ้าทำให้จิตที่ดีในโลกวิญญาณรับบุญกุศล มีกำลัง จิตที่ไม่ดี เค้าก็ถอยห่างออกไป สถานที่นั้นก็มีความร่มเย็น
มาที่เรื่องราวของบุญกุศล ..เรื่องราวของจิตที่มีบุญบารมี สร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรม จนจิตนั้นมีธรรม เกิดมีแสงรัตนะเกิดขึ้น เวลาไปที่ไหน ก็มีจิตวิญญาณที่เค้าเห็นแสงที่จิต มาขอแสง แสงบุญกุศล พอท่าน ..จืตท่านเปล่งแสงสีของบุญออกไป ด้วยบุญบารมีที่สะสมมา ..จิตที่เจ้ามาขอก็ได้รับบุญกุศลไปด้วย เรื่องนี้คนไทยสมันก่อน เค้าก็อาศัยการทำบุญกระจายบุญกุศลให้วิญญาณที่ล่วงลัยไปแล้ว นั้นเป็นอานิสงส์ของบุญ
เคยไปวัดหนึ่ง จิตวิญญาณมากมายตัวดำ มายืนเป็นระเบียบ เรียงราย มาขอรับบุญกุศล บางที่เค้าอุตส่าห์มารอรับบุญกุศล ..แต่เค้าก็ไม่ได้รับ ..เพราะการทำบุญ เรียกร้อง อยากร่ำรวยเงินทอง อยากมั่งมี มันก็เลยไม่มีการกระจาบบุญกุศล แล้วผู้ที่ทำบุญ ก็ไม่นิ่งสำรวมจิต
อีเรื่องราวหนึ่ง เรื่องราวของไสยศาสตร์ นั่นก็เป็นเรื่องราวของสีดำ ขึ้นมาจากพื้นดินให้สูงขึ้น เหมือนเรียกพวกเปรตอสุรกายตามมา อยู่ในสถานที่นั้น สถามที่ที่เคยร่มเย็น มันก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นร้างรกร้าง อยู่ไม่เป็นสุข เพราะสถานที่นั้นมีแต่วิญญาณร้ายๆ
เราก็ลองสังเกตดู .สถานที่ที่ เข่นที่ ตะวันออกกลาง เยซูซาเร็ม เขมร.. ที่ที่เคยรบราฆ่าฟันกัน มีการล้มตาย พวกนักรบที่ตาย จิตออกจากร่าง ก็อยู่ในสถานที่นั้น ทุกข์ทรมาน เรื่องราวหนึ่ง ที่เค้าเรียกว่า ตัวกระทำไม่ตาย .ก็อยู่ในสถานที่นั้น มีความอาฆาตพยาบาทจองเวร สถานที่นั้นก็กาความสงบไม่ได้ เดี๋ยว..ก็ต้องเข่นกันไม่หยุดหย่อน ..เพราะโลกวิญญาณ ที่อยู่ติดโลกมนุษย์ เค้าทุกข์ทรมาน มนุษย์ในสถานที่นั้นก็ทุกข์ทรมานตามไปด้วย ..เพราะสถานที่นั้น เหมือนว่า ไม่มีพระมาลัยมาโปรดเลย
พอเราเรียนรู้มากขึ้นในการทำบุญทำทาน การฟังธรรม จากพระ ทำบุญกันเพียงไม่กี่คน แต่มีผู้ที่มาร่วมอนุโมทนามากมาย เวลาจิตที่มีกายเป็นบุญ เค้ามาอนุโมทนา เค้าก็มีแสงสี ออกมาจากกาย แสงของเทพยดาอินทร์พรหม ก็เกิดเป็นสถานที่ร่มเย็น มนุษย์ที่ทำบุญ ก็พลอยได้รับแสงรัศมีของผู้ที่มีกายบุญไปด้วย
เรื่องราวของหูทิพย์ตาทิพย์ ทำไมเค้าสนใจฟังธรรม ทำไมเค้ามาร่วมอนุโมทนา สร้างบุญกุศล เพราเค้าเห็นแสงสีของบุญเกิดขึ้น ในการทำบุญ เค้าก็มาดูมนุษย์ ที่สร้างบุญกุศลมีแสงสีของบุญเกิดขึ้น เค้าทำอย่างไร แล้วก็ฟังธรรม พระท่านชี้ สอน แต่เรื่องราว เรื่องกรรม เรื่องบุญกุศล การกระจายบุญกุศล การสร้างศีลสมาธิปัญญาต่างๆ หูทิพย์ตาทิพย์ ท่านก็จเจำไปไว้ที่แม่ทั้งสี่ของเค้า เพราะมาเกิดเป็นมนุษย์ เค้าก็ได้สิ่งจดจำมา นำมาฝึกหัด สร้างบุญกุศลบารมี เพื่อที่จะยุติการเกิดการตาย
หากเรารู้จัก เรื่องราวคำสอนพระพุทธเจ้า มันไม่ใข่แค่โลกมนุษย์ หูทิพย์ตาทิพย์ท่านก็สนใจฟังธรรม อนุโมทนา .เห็นความสำคัญคำสอนขององค์พระสัมมาพุทธเจ้า แล้ยในการที่มาฟังธรรม หูทิพย์ตาทิพย์ ภพภูมิที่อตกต่างกัน ก็เรื่องราว การแปลภาษา เหมือนพูดภาษาไทยไป ก็มีการแปลภาษาเป็นภาษาขิงผูฟัง .ไปให้จิตที่มาร่วมอนุโมทนา ได้รับฟัง ไปด้วย เรื่องราวเหล่านี้ เป็นเรื่องภาษา คล้ายเครื่องแปลภาษา ยุคสมียนี้ที่เค้าทำกัน
มีผู้ใหญ่ ไม่ขอบอกชื่อ ท่านบอกว่า ที่โลกเจริญทางวัตถุต่างๆสมัยนี้ ก็มีผู้ส่งมาให้ ให้รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ สร้างวัตถุให้เจริญ จิตมนุษย์ก็ไปหลงใหลในเรื่องราวเล่านั้น ที่เคลือบไปด้วย สิ่งที่เรีนกว่า กามาวจร หลงใหล รูปรสกลิ่นเสียง ปกปิดจิตให้สร้างแต่กรรม เห็นแก่ตัว เห็นแก้ได้ สร้างสิางที่ตะมาทำลายมนุษย์ด้วยกัน เอารัดเอาเปรียบ ซึงกันและกันแก่งแย่ง ช่วงชิงความเป็นใหญ่ แล้วก็หนีไม่พ้นความตาย จิตนั้นช่วยเหลือจิตตัวเองให้พ้นคำว่า อบายภูมิไม่ได้เลย
โฆษณา