24 ต.ค. เวลา 18:16 • ความคิดเห็น
เรื่องของพระนิพพาน เราก็ได้ยินได้ฟังมา เรื่องว่าคนจะไปแดนพระนิพพาน เรื่องพระอรหันต์เข้าแดนพระนิพพานไปแล้ว แต่พอเรียนรู้ ฝึกหัดปฏิบัติ ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้เรียนรู้ เรื่องของผู้ที่มีกายเป็นบุญ ว่าทำอย่างไรน่ะ เค้าจึงมีกายเป็นบุญ เอ..เรื่องการทำบุญทำทาน บุญนั้นเป็นอย่างไร ทำไมทำบุญแล้วเป็นเทพยดา เราก็เห็นเค้าทำบุญกัน
เคยเห็นเรื่องราวไตรภูมิพระร่วง ฟังเค้าว่าอย่างนั้น อย่างนี้ พอมาเจอเรื่องให้เรียนรู้จัก ที่ว่าสร้างบุญกุศลขึ้นมา ปฏิบัติธรรมขึ้นมา ก็ได้เรียนรู้ที่ว่าเป็นมะโนทะศึกษาม เอ..เรื่องราวในพระไตรภูมพระร่วง มีจริงนี่น่ะ เมื่อก่อนคนเค้าว่า อน่างนั้นอย่างนี้ เราก็เชื่อไปตาม ..เพราะเป็นหนุ่่มไม่ได้ ปฏิบัติธรรม ตามคนทีเค้าว่ากัน ยื่งมีเรื่องราวอุปโลกน์ แถวรังสิต เค้าว่าทำบุญมากๆ จะได้อย่างนั้นอย่างนี้ ร่ำรวยๆ จิตมุ่งมั่นอยาก..หวังร่ำรวยเงินทอง เทพยดาที่ไหนจะอนุโมทนา
พอมีพระผู้ใหญ่ มาสอนวิธีทำบุญให้ได้บุญ ท่านก็บอกให้ตั้งใจทำบุญ ทำด้วยกายวาจาใจ ท่านก็บอกวิธีให้ ให้ระลึกบอกตนเอง จิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในกายของคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าขอนำธาตุทั้งสองมาสร้างบุญกุศล ต้องตั้งใจ ต้องนอบน้อม เห็นความสำคัญ ในการสร้างบุญกุศล จึงจะได้บุญกุศล..เอ..พอเริ่มรู้จักว่าทำบุญอย่างไร ให้เกิดเป็นบุญ เกิดแสงสีของบุญเป็นแสงสีเหลืองเกิดขึ้น เอ้า..ที่เราทำๆทำตามกันมานั้น
..เราก็ทำบุญ ก็ไม่เกิดบุญเลย ก็เลยต้องมาฝึกหัดเรืองการทำบุญใหม่ ต้องไม่รีบร้อนต้องรวบรวมอินทรีย์ ในการกระทำ .ก็ต้อวไม่เอาอารมณ์อยาก.มาสร้างบุญกุศล เอาจิตมาสร้างบุญกุศล ต้องไม่รีบร้อน ลุกลี้ลุกลน ทั้งผู้รับ ผู้ที่นำสิ่งของมาสร้างบุญกุศล ต้องตั้งกลัองบันทึก การกระทำจองตนให้ดีๆ ก็ที่ตา ที่หู ของเรา ..มองดูมือพ่อแม่ที่ให้มา นำมาสร้างบุญกุศล มองให้ขัดๆตาที่เหมือนกล้องถ่าวยภาพ จะได้ถ่ายทำได้ชัดเจน
เวลาสร้างบุญ ก็นึกให้มันได้ ว่ากว่าจะได้เงินทอง ใครล่ะที่เหน็ดเหนื่อย กายพ่อแม่ให้เราใช้ต้องเหน็ดเหนื่อย จิต..อาศัยในกายนั้นเหนือยมั้ย เหนื่อยไปนามกาย เราก็ตอบแทนกาย ให้กายนั้นเป็นกายบุญ ส่งบุญกุศลให้พ่อแม่ ที่ให้กายเรามาอาศัย ..เมื่อก่อนก็คิดว่า การทำบุญทำทาน นั้นเป็นของง่าย เช่น ทำบุญที่ใจ ก็รู้ที่ใจ คิดเองเออเอง ว่า เป็นบุญ
ครวนนี้ มันก็มีเรื่องเวลาเค้าจะทำวัตถุมงคล มีการกล่าวเชิญชวน ทวยเทพ มาร่วมงาน ชุมนุมเทวดา ทำวัตถุให้มีฤทธิ์มีเดข ทำพิธี เซ่นไหว้ เครื่องสังเวย ท่องคาถาอาคม บ้างก็บวงสรวง เชิญเทพเทวามาร่วม เราก็เชื่ออย่างนั้น ตามที่ว่า ชุนนุมเทวดา พอเรียนรู้จัก เรื่องราวของทวยเทพ คนธรรพ์ คนลับแล รุกขเทวดา ที่เค้าก็มีเรื่องราวหูทิพย์ตาทิพย์ เค้ามองเห็นไปที่จิตเป็นนามธรรมของผู้ที่กระทำ
หูทิพย์ตาทิพย์ .มองเห็นสีเห็นแสงของจิตผู้ที่ว่าเชิญชุมนุมเทวดา ..เค้ามองเห็นมันเป็นแต่สีดำๆ อยากได้ไอ้นั่นไอ้นี้ อยากร่ำรวย ยศศักดิ์ .มันเป็นสีดำสีม่วงไปทั้งหมด
..เทพเทวา เค้ารู้จัก เรื่องราวแสงสีของบุญกุศล เมื่อเค้าเห็นว่า ไม่มีแสงของบุญเกิดขึ้นขึ้น เทพเทวา ที่ไหนจะมาร่วมอนุโมทนา มันก็เลย มีแต่สัมภเวสีเร่ร่อนมาร่วมวง ก้นเครื่องเซ่น มันก็เลย ..ทำให้แต่เรื่องราว ของจิตมีกรรม ทุกข์ร้อน มากินเครื่องเซ่น จิตที่ไม่มีบุญ มาร่วมวง ..แล้วคำว่า ความสุขความเจริญ ของจิต มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ มีแต่เรื่องราวที่จะทำให้จิตนั้น ตกต่ำลงไป เมื่อก่อนคิดว่า ทำอย่างนั้นดี เอ้า.พอจืตเรารับรู้มากขึ้น เอ้า..ทำไมมีแต่ เปรตอสุรกาย มาร่วม มันก็เลยมีคำว่า เวรกรรม ไม่มีบุญกุศลเลย
นี่ก็น่า กฐิน มีครั้งหนึ่ง หลวตาท่านบอกว่าเวลาทอดกฐิน ก็มีตัวแทนพระพุทธเจ้ามาร่วมอนุโมทนา มีพรเป็นประทาน องค์หนึ่ง มีอีกสององค์อยู่ซ้ายขวา เราก็มีเรื่องราว ของเรา ที่จะต้องถวาย ..เราก็กล่าวถวายของเรา ตั้งใจทำกายนิ่ง ทำจิตนอบน้อม กล่าวถวายผ้าไตรจีวร สิ่งของที่เราถวาย ก็มีภาพปรากฏ เหมือนที่หลวงตาบอก ท่านก็ปรากฏเป็นภาพให้ดู .
โฆษณา