26 ต.ค. เวลา 03:08 • ไลฟ์สไตล์

ขอชัดๆดีกว่าครับท่าน

พอดีเมื่อคืนไปนั่งร้านรุ่นน้องมาครับ
ก็เป็นคืนแรก สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
น้องก็ให้ความร่วมมือดี เปิดเพลงช้าๆ เบาๆ ไป
สักพัก น้องนักดนตรีเดินมาคนเดียว
ก็เลยถามรุ่นน้องว่า วันนี้ตกลงมีดนตรีเหรอ
“เขาไม่ได้ห้ามนี่พี่ คอนเสิร์ตก็ยังมี”เธอว่า
แล้วก็อธิบายว่านี่นางก็ตัดมือกลองออกไป
แล้วสั่งเล่นแต่เพลงช้าๆ และเหลือดนตรีแค่ช่วงหัวค่ำ
ผมก็ว่า เออ ก็ตามนายกว่านะ ได้ แต่ไม่ใส่เต็ม
ก็ดีช่วยๆ กันไป เศรษฐกิจแบบนี้ เด็กมันจะได้ไม่ขาดรายได้
ปรากฎว่าร้านก็ไม่ได้มีคนนัก ซึ่งเข้าใจได้
ก็คงเหมือนตอนในหลวงสิ้น หลายคนงดเหล้า
เพื่อไว้อาลัยอยู่นาน ซึ่งอันนี้ผู้ประกอบการทำใจไว้อยู่แล้ว…
สักพัก ดนตรีเล่นไปไม่ถึงชั่วโมง เวลาสายตรวจมาพอดี
พี่จ่าเค้าก็บอก ขอให้นักดนตรีลงซะงั้น
“เปิดเพลงเบาๆ เอานะน้อง” พี่แกว่างั้น ผมนั่งอยู่ด้วยพอดี
ไอ้น้องนี่ก็งง แล้วก็สไตล์เด็ก เลยสวนไปว่า ก็เขาไม่ได้ห้าม
แล้วก็เล่นแต่เพลงช้า เบากว่าเปิดเพลงอีก
ตำรวจก็ไม่อะไรมาก ก็บอกแต่ว่า
ส่วนกลางเขาขอความร่วมมือมาแค่นั้น
…สรุปคือนักดนตรีต้องลง ร้านก็ต้องจ่ายเงินทั้งที่เล่นไป
แค่แป๊ปเดียว (ตามมารยาท เขามาแล้ว)
…”ตกลงคือห้ามมีดนตรีใช่ไหมคะ” น้องผมถามพี่จ่าเพื่อแนวทางวันต่อไป ว่าจะเอายังไง….
1
”ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวทาง สน. จะมีหนังสือแจ้งให้ทราบอีกที”
…อ้าว ตกลงยังไง ไม่ได้ห้าม อันนี้คือพี่จ่าจัดเองใช้ไหม….
…อ่ะ ก็จบไปในส่วนนี้….เปิดเพลงเบาๆกันต่อไป
พอดึกหน่อย มีกองเชียร์กองแช่งแมนยูมาดูบอล…
ก็เปิดให้ลูกค้าดู ซึ่งคิดว่ามันคงไม่มีปัญหา
ทีวีเองก็เลิกทำสีหม่นแล้ว
ก็ ลูกค้ามันคนดูบอลอ่ะนะ
พอ นำ 2-0 พวกก็เฮกัน หัวเราะฉลองกันร่วน
ซึ่งก็ธรรมชาติคนดูบอล
สักพัก พี่จ่ามาอีก บอกมีคนร้อง ว่ามีคนจัดงานฉลอง
อะไรวะนั่น ตกลง บอลก็ดูไม่ได้ใช่ไหม …ผมนึกในใจ
ก็เลยทนไม่ไหว ถามแทนรุ่นน้อง ว่าตกลงนี่ยังไง
อะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
“ ดูได้ แต่อย่าเฮดังครับ “
“ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง “
แกตอบผมงี้จริงๆนะ ผมก็งง ทุกคนก็งง ว่าแล้วจะยังไง
…ลูกค้าก็งงๆ ประมาณว่าอ้าว สรุปแบบนี้มันผิดไหมเนี่ย
แล้วคนนั่งดูนี่จะโดนไปด้วยไหม …
…ครับ สุดท้ายก็เลยต้องนั่งดูบอลกันเงียบๆ จนร้านปิด….
…จะคุยจะแซว จะขำกัน ยังเกร็งๆเลย…
ที่เขียนนี่ไม่ใช่ว่าต่อต้านการขอความร่วมมืออะไรนะครับ
แต่สิ่งที่ภาครัฐต้องทำ คือความชัดเจนครับ
แนวทางปฏิบัติ อะไรได้ อะไรไม่ได้ ขอแบบชัดๆดีกว่า
หรือถ้าจะให้หยุดก็ว่ามาเลย ว่ายังไง กี่วัน ก็ให้ชัด
เพราะแบบนี้ เท่ากับให้เจ้าพนักงานตัดสินใจ
ซึ่งแน่นอนว่า ท้องที่ก็กลัวส่วนกลาง กลัวนาย
พวกก็ห้ามมันหมดไว้ก่อนนั่นแหละ
ผมว่าการพูดของรัฐบาลนั้น ออกจะเซฟตัวเองมากไป
คือ ถ้าจะให้หยุดก็กลัวโดนด่า แต่จะปล่อยเลย
อีกฝ่ายก็ด่าเช่นกัน ไอ้ที่พูดมา มันเลยเหมือนไม่ได้พูด
ให้มันมีแนวทางชัดเจนอะไรเลย
ทุกคนเข้าใจครับ ถ้ามันต้องหยุด
แต่ท่านต้องชัดเจน ว่ากี่วัน และอย่างไร
ไม่รู้นะ ถ้าเป็นผม ผมประกาศหยุดก่อนเลย 7 วัน 15 วันก็ว่าไป
แล้วค่อยไปผ่อนผัน เพิ่มเวลาขายให้ร้านพวกนี้
ในช่วงใกล้ปีใหม่ดีกว่า แบบนั้นมันจะวินๆกับทุกฝ่าย
เพราะปลายปีนี่ร้านมีลุ้นเอาคืนได้มากอยู่แล้ว ถ้าขยายเวลาให้
คือ ร้านเขาจะได้วางตัวถูกครับ ว่าต้องจ้างใคร
ยังไง ซึ่งแน่นอน ว่ามันเกี่ยวข้องกับต้นทุนในช่วงนี้
บางร้านที่เน้นขายแบบปาร์ตี้จ๋า เขาจะได้รู้ไปเลยด้วย
ว่าควรเปิดไหม หรือควรจะปิดไปก่อน
ไม่ใช่ให้ร้านตัดสินใจเอง แล้วส่งเจ้าหน้าที่มาห้ามทีหลัง
แบบนั้น ร้านเขาเสียค่าใช้จ่ายฟรีๆครับ
…เอาให้ชัดครับ ว่าจะไง ไม่ใช่ไปโยนให้เจ้าพนักงานตัดสิน…
เพราะเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก เจ้าพนักงานแต่ละที่ ความเข้ม
ความเห็น มุมมองมันต่างกัน มันจะมีปัญหาเอาได้…
…และแย่ที่สุด ก็คืออาจเป็นช่องทำมาหากิน รีดไถอีก….
ก็เข้าใจนะครับ ว่าวันแรก
แต่ถ้าท่านไม่ตีกรอบมาจากส่วนกลาง ยังไงมันก็มีปัญหา
ทำไมตรงโน้นได้ ตรงนี้ไม่ได้ …มันไม่ควรเป็นแบบนั้น
ท่านจะเว้นเมืองท่องเที่ยว ต่างชาติเยอะ อะไรแบบนั้นก็ได้
ถ้าห่วงภาพรวมการท่องเที่ยว ในช่วงไฮซีซั่นแบบนี้
…บอกให้ชัดเจน และเด็ดขาดไป ไม่กี่วัน มันดีกว่าไม่มีแนวทาง
อะไรเลยไปอีกเป็นเดือน หรือหลายเดือนนะครับ
…เอาให้ชัดดีกว่า…
…ส่วนนักดนตรี เด็กเสริฟที่เสียรายได้ ถ้าต้องปิดนี่
ผมว่ามันก็ไม่ยากหรอก ถ้าจะชดเชยให้เขา เพราะฐานข้อมูล
มันก็มีอยู่แล้ว หรือจะขอการยืนยันจากทางร้าน ก็ไม่ยาก
ร้านเขาก็พร้อมร่วมมือครับ….
…แต่เพราะท่านไม่อยากชดเชยรึเปล่าก็ไม่ทราบ
เลยไม่ห้ามให้มันเป็นคำสั่งออกมา…
เชื่อผม ถ้ามันไม่ชัดเจนแบบนี้ ท่านก็โดนด่าจากทั้งสองทาง
เหมือนเดิมแหละ เอาให้มันชัดจะดีกว่านะ….
วันแรกนี่ยังพอเข้าใจนะครับ แต่ไม่ควรเป็นแบบนี้ไปตลอด…
โฆษณา