26 ต.ค. เวลา 11:51 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

สรุป OpenAI DevDay 2025: เมื่อ ChatGPT ไม่ใช่แค่แชทบอท แต่คือ 'ระบบปฏิบัติการ' ใหม่ของโลก

คุณเคยสงสัยไหมว่า อนาคตของ AI จะหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าหาก AI ไม่ได้เป็นแค่โปรแกรมที่เราเข้าไปคุยด้วย แต่กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น วันนี้ OpenAI ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนที่สุดในงาน DevDay 2025 ซึ่งประกาศจุดยืนว่า ChatGPT กำลังจะกลายเป็น "ระบบปฏิบัติการ" ใหม่สำหรับโลกดิจิทัล
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2025 ที่ Fort Mason เมืองซานฟรานซิสโก นักพัฒนากว่า 1,500 คนจากทั่วโลกได้มารวมตัวกันในงาน OpenAI DevDay ซึ่ง OpenAI เรียกว่าเป็น "งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ของบริษัท งานครั้งนี้ไม่ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว "เซอร์ไพรส์" ที่พลิกโฉมวงการ แต่เป็นการวางรากฐานที่สำคัญยิ่งกว่า
นั่นคือการเปลี่ยน ChatGPT จากแชทบอทที่ตอบคำถาม มาเป็นแพลตฟอร์มเปิดที่พร้อมให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้ามาสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและบริการต่างๆ บนฐานผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ นี่คือการประกาศสงคราม Ecosystem ครั้งใหม่ในโลกเทคโนโลยี
Sam Altman วาดฝันให้ ChatGPT เป็นมากกว่าแชทบอท
เวลา 10:00 น. Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ขึ้นเวทีพร้อมกับแนวคิดหลักที่ชัดเจน ไม่ใช่การโชว์โมเดลใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับ ChatGPT โดยสิ้นเชิง Altman กล่าวว่า "เราต้องการเปลี่ยน ChatGPT จากแค่แชทบอท ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ซอฟต์แวร์สามารถรันและให้บริการได้ภายในหน้าต่างแชตเลย" นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปิดตัว "Apps in ChatGPT" ที่จะเปลี่ยนวิธีการใช้งาน AI ไปอย่างสิ้นเชิง
หัวใจสำคัญคือ Apps SDK ที่เปิดให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันที่ทำงานโต้ตอบผู้ใช้ผ่านหน้าต่างแชตของ ChatGPT โดยตรง โดยใช้มาตรฐานอย่าง Model Context Protocol (MCP) ที่ช่วยให้แอปภายนอกเชื่อมต่อและแบ่งปันบริบทกับ ChatGPT ได้อย่างปลอดภัย
ในงานมีการสาธิตสดที่น่าประทับใจ ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างการออกแบบโปสเตอร์ในแอป Canva แล้วดึงข้อมูลบ้านจาก Zillow โดยไม่ต้องออกจากหน้าต่างแชตเลยแม้แต่น้อย ความสามารถนี้ทำให้ ChatGPT มีลักษณะเหมือน "ระบบปฏิบัติการ" ที่รวมประสบการณ์เว็บกับแอปเข้าไว้ด้วยกันภายในช่องแชทเดียว
OpenAI ยืนยันว่าจะเปิด App Store สำหรับ ChatGPT ในอนาคตอันใกล้ โดยมีระบบให้ส่งแอปเข้ารีวิว จัดทำไดเรกทอรีแอปให้ผู้ใช้ค้นหา และมีแผนรองรับการสร้างรายได้ในภายหลัง ปัจจุบันมีแอปพาร์ทเนอร์ชุดแรก 7 แอปที่เปิดให้ใช้งานแล้ว ได้แก่ Booking.com, Canva, Coursera, Expedia, Figma, Spotify และ Zillow พร้อมกับแอปดังอื่นๆ อย่าง DoorDash, Instacart และ Uber ที่จะตามมาเร็วๆ นี้
นักวิเคราะห์มองว่านี่คือก้าวสำคัญที่ OpenAI ต้องการสร้าง Ecosystem สำหรับนักพัฒนา คล้ายกับแพลตฟอร์มแอปสโตร์ในยุคเว็บและมือถือ การเปิดแพลตฟอร์มแอปนี้จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาเข้าถึงฐานผู้ใช้งานขนาดมหาศาลดังกล่าวได้โดยตรง และนี่คือการเดินเกมตามรอยความสำเร็จของ App Store จาก Apple ที่สร้าง Ecosystem ขนาดมหึมา
AgentKit: เครื่องมือสร้าง 'พนักงาน AI' สำหรับทุกคน
หาก "Apps in ChatGPT" คือหน้าร้าน AgentKit ก็คือเครื่องมือสร้างสินค้าและบริการที่อยู่หลังร้าน Altman เปิดตัว AgentKit ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือครบวงจรบนแพลตฟอร์ม OpenAI ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง AI Agent (ระบบเอเจนต์อัตโนมัติที่ใช้โมเดลภาษาในการดำเนินงานต่างๆ) ตั้งแต่ขั้นต้นจนพร้อมใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น Altman กล่าวว่า "AgentKit เปรียบเสมือนชุดตัวต่อสำเร็จรูปที่มีทุกอย่างที่คุณต้องการในการสร้าง ปรับใช้ และปรับปรุง workflow ของเอเจนต์ โดยลดความยุ่งยากลงอย่างมาก"
เครื่องมือนี้ออกแบบมาเพื่อแข่งกับแพลตฟอร์มคู่แข่งที่เริ่มมีโซลูชันสร้างเอเจนต์คล้ายกัน และเพื่อดึงดูดให้นักพัฒนาหันมาใช้ Ecosystem ของ OpenAI มากขึ้น ภายใน AgentKit ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน
  • Agent Builder: เป็นอินเทอร์เฟซแบบลากวางที่ Altman เปรียบว่า "เหมือน Canva สำหรับสร้างเอเจนต์" ให้ดีไซน์ลำดับขั้นตอนและตรรกะการทำงานของเอเจนต์ได้อย่างรวดเร็ว เครื่องมือนี้พัฒนาต่อยอดบน API แบบ response ที่นักพัฒนาหลายแสนรายใช้อยู่แล้ว
  • ChatKit เป็นชุดส่วนติดต่อผู้ใช้สำหรับฝังหน้าต่างแชตลงในแอปหรือเว็บของนักพัฒนาเองอย่างง่ายดาย พร้อมปรับแต่งแบรนด์และเวิร์กโฟลว์ให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนเองได้
  • Evals for Agents เป็นเครื่องมือประเมินประสิทธิภาพเอเจนต์ มีความสามารถในการให้คะแนนการทำงานทีละขั้น ชุดข้อมูลทดสอบเฉพาะสำหรับส่วนประกอบต่างๆ ของเอเจนต์ การปรับ prompt อัตโนมัติ และการรันทดสอบเอเจนต์กับโมเดลภายนอกได้จากแพลตฟอร์ม OpenAI
  • Connector Registry เป็นระบบลงทะเบียนตัวเชื่อมต่อสำหรับให้เอเจนต์เข้าถึงเครื่องมือภายในองค์กรหรือบริการภายนอกต่างๆ ผ่านหน้า admin โดยรักษาความปลอดภัยและสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลอย่างเคร่งครัด
บนเวที Christina Huang วิศวกรของ OpenAI ได้สาธิตการใช้ AgentKit สร้างเอเจนต์และเวิร์กโฟลว์ AI ทั้งชุดภายในเวลาไม่ถึง 8 นาที เพื่อโชว์ศักยภาพของเครื่องมือว่าช่วยลดเวลาและความยุ่งยากได้มากเพียงใด
Altman เสริมว่า "ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราเองก็อยากมีใช้เมื่อครั้งสร้างเอเจนต์รุ่นแรกๆ" พร้อมเผยว่าตอนนี้มีพาร์ทเนอร์หลายรายได้นำ AgentKit ไปใช้สร้างเอเจนต์ในระบบของตนและขยายการใช้งานไปสู่ผู้ใช้จริงแล้ว เช่น HubSpot, Ramp, Klarna และ Clay ที่ร่วมทดลอง AgentKit เพื่อพัฒนา AI assistant และระบบอัตโนมัติในธุรกิจของตน
ขยายไลน์อัปโมเดล: จาก GPT-5 Pro สู่โมเดล Mini และ Sora 2
ในส่วนโมเดล AI ทาง Sam Altman ได้ประกาศเปิดตัว GPT-5 Pro อย่างเป็นทางการบน API ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่รุ่นล่าสุดที่มีความสามารถเชิงเหตุผลและความแม่นยาสูงกว่าเดิม มุ่งเป้าไปที่งานระดับมืออาชีพในสาขาที่ต้องการความถูกต้องสูงเป็นพิเศษ เช่น การเงิน กฎหมาย และการแพทย์ OpenAI ระบุมาตรฐานว่า GPT-5 Pro ถูกออกแบบมาสำหรับงานที่ "ต้องการความแม่นยาและการให้เหตุผลในระดับลึก"
โมเดลนี้มีราคาการใช้งานประมาณ $1.25 ต่อล้านโทเค็น input และ $10 ต่อล้านโทเค็น output บน API ซึ่งแพงกว่าโมเดลทั่วไป แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับงานที่ความถูกต้องสำคัญเหนือความประหยัด
นอกจากโมเดลตัวท็อป OpenAI ยังได้เปิดตัวโมเดลรุ่นย่อยราคาประหยัดในตระกูล "mini" เพื่อตอบโจทย์งานที่ต้องการความรวดเร็วหรือประหยัดต้นทุน เช่น gpt-realtime-mini ซึ่งเป็นโมเดลสังเคราะห์เสียงและสนทนาด้วยเสียง (voice model) ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพการพูดใกล้เคียงรุ่นใหญ่ แต่ราคาถูกกว่าถึง 70% และรองรับการสตรีมเสียงโต้ตอบแบบ latency ต่ำ
Sam Altman กล่าวบนเวทีว่า "เสียงจะกลายเป็นหนึ่งในวิธีหลักที่ผู้คนโต้ตอบกับ AI ในอนาคต จึงจำเป็นต้องมีโมเดลเสียงราคาถูกลงมารองรับ" รวมถึง gpt-image-1-mini ซึ่งเป็นโมเดลสร้างภาพขนาดเล็กที่ราคาถูกกว่ารุ่นใหญ่ประมาณ 80% แต่ยังให้คุณภาพงานภาพที่ยอดเยี่ยม
สุดท้าย Altman ได้ประกาศข่าวที่หลายคนรอคอย คือการเปิดให้โมเดลสร้างวิดีโอ Sora 2 ใช้งานผ่าน API แล้วในแบบพรีวิว Sora 2 เป็นโมเดล AI สร้างสื่อมัลติมีเดีย (วิดีโอพร้อมเสียง) รุ่นล่าสุดของ OpenAI ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายกันยายนพร้อมๆ กับแอป Sora (แอปโซเชียลแบบ TikTok ที่ให้ผู้ใช้สร้างและแชร์คลิปวิดีโอด้วย AI)
ตอนนี้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้ความสามารถการสร้างวิดีโอขั้นสูงของ Sora 2 ในแอปของตนเองได้แล้ว Altman บอกว่า "นักพัฒนาจะได้เข้าถึงโมเดลตัวเดียวกับที่ขับเคลื่อนผลลัพธ์วิดีโอสุดตระการตาใน Sora 2 มาอยู่ในแอปของคุณเอง"
โดย Sora 2 รุ่นใหม่นี้สร้างวิดีโอที่สมจริงและสอดคล้องกับกฎฟิสิกส์มากขึ้น ทั้งด้านภาพและเสียง สามารถกำหนดรายละเอียดเชิงสร้างสรรค์ได้สูง เช่น มุมกล้อง การจัดฉาก บรรยากาศเสียงประกอบ เป็นต้น
Altman สาธิตบนเวทีถึงความสามารถหนึ่งของ Sora 2 ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอสั้นด้วยมุมกล้องมือถือ จากนั้นสั่งให้โมเดล "ขยายมุมกล้องให้เป็นช็อตภาพยนตร์กว้าง" ซึ่งระบบจะสร้างฉากรอบข้างเพิ่มเติมต่อจากภาพที่ถ่าย พร้อมใส่เสียงบรรยากาศและเอฟเฟ็กต์ที่สอดคล้องกับภาพแบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวใหญ่ที่ AI เข้าใจการผสานภาพและเสียงเพื่อเล่าเรื่องได้สมจริงยิ่งขึ้น
Altman ระบุว่า Sora 2 สามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาไอเดียต้นแบบในงานครีเอทีฟได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น บริษัทของเล่น Mattel ได้นำ Sora 2 มาทดลองแปลงภาพสเก็ตช์เป็นแบบจำลองของเล่นเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แสดงให้เห็นว่าโมเดลวิดีโอ AI มีศักยภาพใช้งานเชิงพาณิชย์ ไม่ได้จำกัดแค่ด้านโฆษณาหรือความบันเทิง
บทสนทนาระหว่าง Sam Altman และ Jony Ive เกี่ยวกับอนาคตของ AI Hardware
ในช่วงท้ายของงาน Sam Altman ได้ร่วมสนทนากับ Jony Ive ดีไซเนอร์ระดับตำนานผู้ร่วมสร้างผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังของ Apple อย่าง iPhone และ MacBook ทั้งคู่ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการบริษัทฮาร์ดแวร์ AI ชื่อ "Io" ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่าง OpenAI และบริษัทดีไซน์ LoveFrom ของ Jony Ive
Altman กล่าวว่า "มีบางอย่างเป็นสิ่งใหม่ที่เราจะทำ ถึงแม้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์จะดีแล้วก็ตาม" ทั้งคู่ยืนยันว่า OpenAI กำลังทำงานกับอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งชิ้น แต่รายละเอียดเฉพาะ ตั้งแต่กรณีการใช้งานไปจนถึงข้อกำหนดทางเทคนิค ยังคงถูกปกปิดไว้ Ive กล่าวว่าทีมของเขาได้สร้าง "ไอเดียผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ 15 ถึง 20 ไอเดีย" แสดงถึงความพยายามของบริษัทเพื่อค้นหารูปแบบฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับ AI
รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า OpenAI กำลังวางแผนที่จะผลิตฮาร์ดแวร์ประเภทใหม่ที่ไม่เหมือนโทรศัพท์หรือแล็ปท็อป ในการแสดงตัวอย่างล่าสุดสำหรับพนักงาน OpenAI Altman บอกเป็นนัยว่าผลิตภัณฑ์จะตระหนักถึงสภาพแวดล้อมของผู้ใช้และประสบการณ์ในแต่ละวัน อุปกรณ์อาจไม่มีหน้าจอและอาศัยอินพุตจากกล้องและไมโครโฟน
OpenAI ยังไม่ได้กล่าวอย่างเป็นทางการว่าวางแผนจะเปิดตัวอุปกรณ์เมื่อใด แม้ว่าจะมีรายงานว่าการพัฒนาอุปกรณ์ได้รับอุปสรรคจากปัญหาทางเทคนิค แต่จากแหล่งข่าวมีรายงานว่าปลายปี 2026 อาจเป็นเป้าหมายที่ทาง OpenAI มีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ทาง OpenAI ได้ร่วมมือกับ Jony Ive ในการพัฒนา
บทสรุป: สงครามครั้งต่อไปคือการสร้าง Ecosystem
OpenAI DevDay 2025 ไม่ได้มาพร้อมเซอร์ไพรส์ที่หวือหวา แต่เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ การเปลี่ยน ChatGPT ให้กลายเป็น ระบบปฏิบัติการใหม่ของยุค AI ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แชตบอท แต่เป็นแพลตฟอร์มที่รวมแอป เครื่องมือ และเอเจนต์เข้าด้วยกัน นักพัฒนามีเครื่องมือที่ครบวงจรในการสร้างสรรค์ ตั้งแต่การเขียนแอปในแชต การสร้างเอเจนต์อัตโนมัติ ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับระบบองค์กร ธุรกิจมีโอกาสต่อยอดโมเดลธุรกิจใหม่ และผู้ใช้ทั่วไปก็จะได้สัมผัส AI ที่ใช้งานได้จริง รวดเร็ว และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น
เพื่อให้เห็นภาพ ลองเปรียบเทียบกับ Apple App Store ที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งทำให้ iPhone กลายเป็นมากกว่าโทรศัพท์ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่นักพัฒนาสามารถสร้างนวัตกรรมได้จนเกิด ecosystem มหาศาล เช่นเดียวกับวันนี้ ChatGPT กำลังเดินเส้นทางเดียวกัน กลายเป็น “OS” แห่งยุค AI ที่เปิดพื้นที่ให้ dev ทั่วโลกสร้างแอปและเอเจนต์เพื่อแก้ปัญหาจริงในชีวิตประจำวัน
สงครามครั้งต่อไปในโลกเทคโนโลยีจึงไม่ใช่การแข่งขันสร้างโมเดลที่ฉลาดที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่คือการแข่งขันสร้าง ecosystem ที่แข็งแรง ครอบคลุม และยั่งยืน ใครสามารถครอง ecosystem นี้ได้ก่อน ก็อาจครองอนาคตของโลกดิจิทัลในทศวรรษถัดไป และ OpenAI เพิ่งประกาศตัวเข้าสู่สนามนี้อย่างเต็มตัว
Reference Source
- OpenAI, Introducing AgentKit
- OpenAI DevDay 2025 Official Website
- OpenAI, Introducing apps in ChatGPT and the new Apps SDK
- InfoQ, OpenAI DevDay 2025 introduces GPT-5 Pro API, Agent Kit, and more
- The Verge, OpenAI will let developers build apps that work inside ChatGPT
- VentureBeat, OpenAI Dev Day 2025: ChatGPT becomes the new app store
โฆษณา