อ้าวประกันมันเป็นแบบนี้หรอ เข้าใจผิดมาตลอดเลย
ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูง
โรคร้ายแรงเกิดขึ้นได้ไว
แต่โอกาสฟื้นตัวทางการเงินกลับไม่ได้มาเร็วขนาดนั้น
“ประกัน” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ
แต่ถึงจะได้ยินกันบ่อย
หลายคนก็ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับมันอยู่มาก
วันนี้เรารวบรวม 10 ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
ซึ่งถ้าเข้าใจใหม่ได้ตรงจุด
คุณจะวางแผนเรื่องเงิน เรื่องสุขภาพ และเรื่องอนาคต
ได้ชัดขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
1. ประกันไม่ใช่ค่าใช้จ่ายสูญเปล่า
หลายคนคิดว่าเบี้ยประกันคือเงินที่จ่ายแล้วหายไป
ไม่ได้อะไรกลับคืน
แต่จริงๆ แล้ว ประกันคือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
ที่ช่วยรักษา “เงินก้อนใหญ่” ไม่ให้หายไป
ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดคิด
เบี้ยเล็กๆ ที่จ่ายไว้ตอนนี้
อาจช่วยกันเงินก้อนใหญ่ในอนาคต
ไม่ให้เราต้องเสียหายหนักในวันที่ไม่พร้อมครับ
2. อย่ารอให้แก่ก่อนแล้วค่อยทำ
มีความเข้าใจผิดว่า ประกันไว้ทำตอนแก่ก็พอ
เพราะคิดว่าช่วงนั้นค่อยเริ่มป่วย
แต่จริงๆ แล้ว ช่วงที่ดีที่สุด
คือการทำตอนที่ยังแข็งแรง
เพราะตอนนั้นเบี้ยจะถูกกว่า
บริษัทประกันก็ยังรับคุ้มครองได้เต็มที่
แต่ถ้ารอจนสุขภาพเริ่มมีปัญหา
เบี้ยจะสูงขึ้น และบางครั้งอาจสมัครไม่ได้เลย
3. อย่าคิดว่าทำเมื่อไรก็ได้
บางคนคิดว่าเดี๋ยวพร้อมค่อยทำ
แต่ความจริงคือ…ทุกวันที่ปล่อยผ่าน
เบี้ยจะสูงขึ้น
สุขภาพอาจเปลี่ยน
และโอกาสก็จะลดลง
ประกันไม่ใช่สิ่งที่คิดช้าได้
เพราะถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดก่อน
ก็จะตัดสินใจ “ไม่ทัน” แล้วจริงๆ
4. ป่วยแล้วค่อยทำ…ไม่ทันแล้วนะ
คนจำนวนมากเริ่มสนใจทำประกันตอนเริ่มมีอาการ
แต่พอจะทำจริงกลับถูกปฏิเสธ
เพราะประกันทุกแบบ
ต้องทำตอนที่ยังไม่มีปัญหาสุขภาพ
ถ้ามีโรคประจำตัวแล้ว
บริษัทอาจไม่รับ หรือรับแบบมีข้อจำกัด
ประกันจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาย้อนหลัง
แต่คือการวางแผนล่วงหน้า
ที่ต้องทำตั้งแต่ตอนยังไม่มีปัญหาครับ
5. มีสวัสดิการแล้ว ไม่ต้องทำเพิ่ม…จริงหรือ?
หลายคนคิดว่าสวัสดิการที่มีอยู่เพียงพอแล้ว
ไม่ต้องเสียเงินทำประกันเพิ่ม
แต่ความจริงคือ
สวัสดิการส่วนใหญ่มักมี “เพดานจำกัด”
และ “คุ้มครองไม่ครอบคลุมทุกกรณี”
การมีประกันส่วนตัวไว้เสริม
จะช่วยให้เราควบคุมความเสี่ยงได้มากขึ้น
มีโอกาสเลือกการรักษาที่ดีกว่า
และไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเดียวเวลาฉุกเฉิน
6. ประกันดีต้องแพง…ไม่เสมอไป
ประกันที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป
แต่ต้องเหมาะกับเป้าหมายและงบประมาณ
มีหลายแผนที่เริ่มต้นเบี้ยหลักร้อย
แต่คุ้มครองได้ตรงจุด
สิ่งสำคัญคือการเลือกแบบประกัน
ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการป้องกัน
และมั่นใจว่าเราจ่ายไหวในระยะยาวครับ
7. คิดว่าทำแล้วคุ้มครองทุกอย่าง
หลายคนเข้าใจผิดว่า พอทำประกันแล้ว
จะได้รับความคุ้มครองทุกกรณี
แต่จริงๆ แล้ว
ทุกกรมธรรม์มี “ข้อยกเว้น” และเงื่อนไข
ที่ต้องอ่านให้เข้าใจก่อนเซ็นชื่อ
เช่น โรคที่เป็นมาก่อน
หรือกรณีที่เกิดจากความตั้งใจผิด
มักไม่อยู่ในความคุ้มครอง
8. ทำครั้งเดียว ครบ จบ ไม่ต้องดูอีก
ความเสี่ยงของชีวิตคนเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จากโสด มีครอบครัว มีลูก
หรือเปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานะการเงิน
แผนประกันที่เคยพอ อาจไม่พออีกต่อไป
จึงควรทบทวนปีละครั้ง
เพื่อปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันครับ
9. เข้าใจผิดว่าทำแล้วเคลมได้ทันที
พอทำประกันเสร็จ หลายคนคิดว่า
ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็เคลมได้เลย
แต่จริงๆ แล้ว ทุกแผนจะมี “ระยะรอคอย”
ก่อนเริ่มคุ้มครองจริง
บางโรคต้องรอ 30–120 วัน
ถ้าเคลมเร็วเกินไป
บริษัทอาจไม่จ่าย เพราะยังไม่เข้าเงื่อนไข
ควรเข้าใจระยะเวลาคุ้มครองให้ชัด
จะได้ไม่เสียสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว
10. คิดว่าทำประกันแล้วต้องได้เงินคืน
จริงๆ แล้ว ประกันมีหลายแบบ
บางแบบมีเงินคืน
บางแบบไม่มี เพราะเน้นคุ้มครองเต็มที่
ถ้าหวังเรื่องเงินคืน ต้องเลือกประกันที่ออกแบบมาแบบสะสมทรัพย์
แต่ถ้าต้องการคุ้มครองอย่างเดียว ก็ไม่ควรคาดหวังเงินคืน
ต้องเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายของเราเท่านั้นครับ
ประกันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน
และไม่ใช่แค่ภาระค่าใช้จ่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ
แต่จริงๆ แล้ว มันคือการวางแผนชีวิตรอบด้าน
เพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
แน่นอนว่ามันมีต้นทุน
มีเบี้ยที่ต้องจ่าย
แต่ก็เหมือนกับการซื้อความคุ้มครองในอนาคต
ที่ไม่ได้ต่างจากสินค้าและบริการอื่นๆ
ที่เรายอมจ่ายเพราะมันช่วยให้เรารู้สึก “อุ่นใจ” และ “มั่นใจ” ขึ้น
ประกันก็เช่นกัน
ถ้าเรามองในมุมที่ถูก
จะเห็นว่ามันไม่ใช่ภาระ
แต่มันคือเครื่องมือที่ช่วย “รักษาโอกาส” และ “ความมั่นคง”
ให้เราในวันที่เราควบคุมอะไรไม่ได้เลย
คนที่เข้าใจประกันในมุมนี้
จะไม่มองว่ามันคือความสิ้นเปลือง
แต่จะรู้ว่า มันคือการ “จ่ายอย่างฉลาด”
เพื่อรักษาทุกอย่างที่เราสร้างไว้…ให้อยู่รอดในวันที่เปราะบางที่สุด
Take care
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
