27 ต.ค. เวลา 05:43 • ความคิดเห็น
เรื่องของอารมณ์ นั่น เรื่องความยึดถือ เช่นว่า เราอุตส่าห์ทำดี ..ทำนั้นทำนี่ ให้ ..คำขอบคุณ สักคำก็ไม่มี เราก็ทำไป แหม..ยังมานินทา ติเตียนเราเสียอีก ..จะพูดไป ..ก็เดี๋ยว จะเป็นเรื่องเป็นเรา เพราะคนเค้าเอาแต่ใจตัวเอง เหมือนว่า เคยชินกับ เป็นเหมือนคุณหนู
มีพระท่านเล่า ให้ฟัง มีคน้อง เป็นคนมียศ เวลากินข้าว ก็ต้องให้คนจัดสำรับกับข้าว มาวางตรงหน้า พอมาวางไม่ทันใจ ก็ว่าเค้าเสียๆหายๆ พระท่านก็บอก ว่า โยมๆ ทำตัวเหมือนเด็กปัญญาอ่อน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โวยวายเหมือนเด็กไม่มีปัญญา ไร้เดียงสา .พอเค้ากลับไปบ้าน เค้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง จัดการเรื่องอาหารการกินเอง ล้างจานเอง คนรับใช้ ส่งกลับไป .เพราะทำเอง
บางเรื่องราวของอารมณ์ ที่สับสนวุ่นวาย นั้น เรามัวไปยึด เรื่องราวของคนนั้นคนนี้ เอามาคิด ไปเอาอารมณ์ของเค้ามา ทับถมตัวเอง เค้าหงุดหงิด เราก็ไปเอาตัวหงุดหงิดของเค้ามา เราก็หวุดหงุดไปตามเค้า เค้าไม่ชอบใจ เราก็ไปเอาตัวไม่ชอบใจของเค้ามา เค้าไม่เห็นใจเรา .เหมือนที่เราหวัง เราไปเอาของเค้ามา มันก็สับสน ของเค้าหรือของเรา ตีกัน ในตัวตนของเรา ..เรื่องราวของอารมณ์นั้นมีเกิดที่ตัวเรา .ทั้งนั้น เราก็ต้องดูแลตัวเรา ..มันเกิดที่ตัวเอง ไม่ได้เกิดที่เค้า
เข่น เรื่องราวที่ว่า จิตมาดวงเดียว เราก็ไปแต่จิตดวงเดียว ชวนใครไปก็ไม่่มีใครไปด้วย เราเพียงเกิดมา เจอะเจอกันชั่วขณะหนึ่ง เราก็ทำเรือบราวดี เป็นของตัวเรา ถึงเวลาก็ต้องจากลา ไม่รู้ว่า ชาติไหน ภพไหน จะเจอะเจอกันอีก หากเจอะเจอกัน กมีขอใหเจอะเจอในสถานะ อุปการะอุปถัมภ์ เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน .
เรื่ิองนิสัยของคนนั้น มันแก้กันยาก เราไปแก้นิสัย เบื้องลึกเนื่องด้วย กรรมอดีต หนุนนำมาถึงชาตนี้ มันแก้ให้ใครไม่ได้ เราได้แก้ไข ที่ตัวเราเอง ..
โฆษณา