เมื่อวาน เวลา 08:16 • ข่าว

เคาะร่างกำหนด 12 "โรงงาน" แหล่งก่อฝุ่น PM2.5

หนุนตรวจสุขภาพแรงงานกลุ่มเสี่ยงไร้นายจ้าง 5 โรค
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 3/2568 โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ 2 ประเด็น คือ
1.ร่างประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม เรื่อง ประเภท ขนาด และลักษณะของแหล่งกำเนิดมลพิษ และประเภทหรือกลุ่มของประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(กรณีฝุ่น PM2.5)
ร่างประกาศนี้ได้กำหนดประเภทและขนาดของแหล่งกำเนิดมลพิษ เป็น 12 ประเภท เป็นโรงงานลำดับต่างๆ ตามกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของโรงงาน พ.ศ. 2563 ดังนี้
1) โรงงานลำดับที่ 38 กรณีหน่วยผลิตเยื่อกระดาษในส่วนของ Recovery Furnace และ Lime Kiln ที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 50 ตันต่อวันขึ้นไป
2) โรงงานลำดับที่ 49 กรณีหน่วยกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมทุกขนาด ในส่วนของ Fluid Catalytic Cracking Unit , Deep Catalytic Cracking Unit , Fuel oil combustion Unit และ Sulfur Recovery Unit
3) โรงงานลำดับที่ 54 กรณีหน่วยผลิตแก้ว เส้นใยแก้ว หรือผลิตภัณฑ์แก้วในส่วนของเตาหลอม ที่ใช้ความร้อนตั้งแต่ 100 ล้านบีทียูต่อชั่วโมงขึ้นไป ทั้งนี้ ไม่รวมความร้อนจากระบบ Electric Booster และ Heat Recovery
4) โรงงานลำดับที่ 57 กรณีหน่วยผลิตซีเมนต์ที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 3,000 ตันต่อวันขึ้นไป ในส่วนของ หม้อเผา (Kiln) และ Clinker Cooler ยกเว้นหย่วยผลิตที่ใช้อากาศร้อนจาก Clinker Cooler ที่ผ่านการขจัดฝุ่นแล้วมาใช้ประโยชน์ทั้งหมด
5) โรงงานลำดับที่ 59 กรณีหน่วยถลุง หลอม หล่อ รีด ดึง หรือผลิตเหล็กหรือเหล็กกล้าขั้ต้นที่มีกำลังการผลิตรวมตั้งแต่ 100 ตันต่อวันขึ้นไป ในส่วนของเตาถลุงทุกประเภทแหล่งกำเนิดความร้อน , เตาหลอมทุกประเภทแหล่งกำเนิดความร้อน และกระบวนการ Preheat ที่ใช้น้ำมันเตาหรือถ่านหินเป็นแหล่งกำเนิดความร้อน
6) โรงงานลำดับที่ 60 , 101 และ 106 กรณีหน่วยหลอมตะกั่วที่มีกำลังการผลิตรวมขนาดตั้งแต่ 10 ตันต่อวันขึ้นไปในส่วนของเตาหลอม
7) โรงงานลำดับที่ 60 , 101 และ 106 กรณีหน่วยถลุง ผสม ทำให้บริสุทธิ์ หลอม หล่อ รีด ดึง หรือผลิตโลหะในขั้นต้นซึ่งไม่ใช่เหล็กหรือเหล็กกล้าที่มีกำลังการผลิตรวมตั้งแต่ 50 ตันต่อวันขึ้นไป ในส่วนของเตาถลุงและเตาหลอม
8) โรงงานลำดับที่ 88 (2) หรือโรงงานลำดับอื่นๆ ที่มีหน่วยผลิตในทำนองเดียวกัน กรณีหน่วยผลิตพลังงานไฟฟ้าพลังความร้อน ที่มีกำลังการผลิตต่อหน่วยตั้งแต่ 10 เมกกะวัตต์ขึ้นไป
9) โรงงานลำดับที่ 101 กรณีเตาเผาขยะอันตราย และเตาเผากากอุตสาหกรรมทุกขนาด ส่วนเตาเผามูลฝอยชุมชน และเตาเผาขยะติดเชื้อ ที่มีความสามารถในการเผาสูงสุดตั้งแต่ 10 ตันต่อวันขึ้นไป
10) โรงงานทุกลำดับ กรณีหน่วยผลิตที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง 100 ล้านบีทียูต่อชั่วโมงขึ้นไป
11) โรงงานทุกลำดับ กรณีที่มีหม้อน้ำที่มีขนาด 30 ตันไอน้ำต่อชั่วโมงขึ้นไป
12) โรงงานทุกลำดับ กรณีหน่วยการผลิตอื่นที่ถูกกำหนดให้ติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน (Continuous Emission Monitoring Systems: CEMS) ตามเงื่อนไขรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังแบ่งกลุ่มประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษออกเป็น บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า15 ปีบริบูรณ์ หญิงตั้งครรภ์ หรือบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป บุคคลซึ่งมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด และกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด
2. แนวปฏิบัติการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีนายจ้าง ภายใต้กฎกระทรวงการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2567 ซึ่งปัจจุบัน มีแรงงานนอกระบบกลุ่มเสี่ยง 5 โรคที่ควรได้รับการดูแลตามมาตรา 27 จำนวน 5,376,542 คน ประกอบด้วย
- โรคหรืออาการสำคัญของพิษจากสารกำจัดศัตรูพืช 5,281,220 คน
- โรคจากแอสเบสตอสหรือโรคมะเร็งจากเอสเบสตอส 60,029 คน
- โรคจากฝุ่นซิลิกา 2,072 คน
- โรคพิษตะกั่วหรือสารประกอบของตะกั่ว 12,642 คน
- โรคจากภาวะอับอากาศ 17,579 คน
ทั้งนี้ ได้มอบฝ่ายเลขาฯประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนให้เกิดสิทธิประโยชน์ในการตรวจสุขภาพให้กับกลุ่มแรงงานที่ไม่มีนายจ้างต่อไป
สำหรับสถานการณ์โรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมที่สำคัญต่อสุขภาพของประชาชน ในปี 2569 ได้กำหนด 4 มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค กรณีฝุ่น PM2.5  ได้แก่
1) การเฝ้าระวังโรคจากการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5
2) การจัดบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อม ของหน่วยบริการสุขภาพ
3) สร้างความรอบรู้และสื่อสารความเสี่ยง
4) ขับเคลื่อนกฎหมาย นโยบาย และมาตรการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรการภายใต้การประกาศเขตพื้นที่ฯ ทั้งการลดการสัมผัส การสื่อสารความเสี่ยง การเฝ้าระวังเชิงรุก/เชิงรับ และการแจ้งระบบรายงานและการสอบสวนโรค
โฆษณา