27 ต.ค. เวลา 10:28 • ข่าว

เกาหลียี้..จีนยักไหล่ บททดสอบของนายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น

สร้างความฮือฮากันพอสมควรทีเดียว เมื่อญี่ปุ่นได้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในรอบ 154 ปีที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองจากโชกุนสู่ยุคการเมืองใหม่สมัยปฎิรูปเมจิ จนหลายคนยกให้เธอเป็นหญิงเหล็กบ้าง เป็นมากาเร็ต แทตเชอร์แห่งญี่ปุ่นบ้าง ด้วยมุมมองการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมสายแข็ง ที่สามารถพูดได้เลยว่าแข็งกร้าวที่สุดคนหนึ่งในคณะรัฐบาลญี่ปุ่น
โดยเธอได้วางตัวเองเป็นผู้สืบทอดนโยบาย Abenomics ของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้ล่วงลับ นำเสนอนโยบายแข็งกร้าวด้านความมั่นคง และการเข้มงวดในการรับคนต่างชาติเข้าเมืองที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในสังคมญี่ปุ่น ณ ขณะนี้
แต่ในด้านการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่จะเคียงข้างพันธมิตรอันแข็งแกร่งอย่างสหรัฐอเมริกา และการเชิดชูวีรชนของตนในสมัยสงครามโลก ที่หมายถึงการสนับสนุนสหรัฐในการใช้มาตรการเศรษฐกิจ และการทหารกดดันจีน การยืนเคียงข้างไต้หวัน หรือประเพณีการเคารพวีรชนสงครามในศาลเจ้ายาสุคุนิอย่างเปิดเผย ก็อาจสร้างผลกระทบทางการเมืองอย่างหนักเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้เช่นกัน
3
ในมิติของทางเศรษฐกิจ ซานาเอะ ทาคาอิจิ จะสามารถสร้างปรากฎการณ์ระดับ "Sanaenomics" ได้หรือไม่ ตอนนี้ยังอาจจะเร็วไปที่จะบอกได้ แต่สำหรับบทบาทของเธอในงานต่างประเทศเป็นบททดสอบที่มาก่อน มาเร็วแบบไม่มีเวลาให้ตั้งตัวพร้อมกันถึง 3 งานทีเดียว
โดยที่เธอต้องบินไปเข้าร่วมงานประชุม ASEAN Summit ที่มาเลเซียที่ผ่านมา ก่อนจะบินกลับมาญี่ปุ่นเพื่อพบปะ พูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันอังคาร (28 ตุลาคม 25) ที่จะถึงนี้ แล้วจะไปต่อที่งานประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเธอจะต้องไปเผชิญหน้ากับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนในงานนี้
โดยการแถลงข่าวครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น ตัวเธอเองก็ยังบอกว่า "ตารางงานของฉันตอนนี้ อัดแน่นไปด้วยภารกิจด้านการทูตเลยค่ะ ถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าที่จะได้ไปพบปะกับผู้นำหลายชาติในภูมิภาคอื่น"
แต่ก็ทำให้สื่อญี่ปุ่นต่างเป็นห่วงนายกหญิงคนใหม่ว่าเธอจะมีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์การเมืองโลกในขณะนี้ได้หรือไม่ หากญี่ปุ่นถูกดึงเข้าไปร่วมกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หรือประเด็นข้อพิพาททางการเมืองอื่นๆ
ด้านรัฐบาลปักกิ่งถือว่าต้อนรับการรับตำแหน่งของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ด้วยท่าทีเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยการที่ทั้งผู้นำจีน สี จิ้นผิง หรือ นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียงไม่ส่งสาส์นแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการให้เธอเลย เมื่อเทียบกับนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ที่เมื่อรับตำแหน่งจะมีสาส์นแสดงความยินดีจากทางรัฐบาลจีนส่งมาให้ทันที
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า จีนมองการก้าวขึ้นสู่อำนาจของ นายกหญิงสายเหยี่ยวหนึ่งเดียวของญี่ปุ่นด้วยมุมมองที่ไม่ค่อยสบายใจนัก จากการที่เธอชูนโยบายขยายแสนยานุภาพด้านการทหารเพื่อภารกิจด้านสันติภาพสากล ที่อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เคยผลักดันมาก่อน เป็นความพยายามแหวกกรอบของมาตรา 9 ตามรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าญี่ปุ่นจะมีกองกำลังเพื่อป้องกันประเทศตนเองเท่านั้น
อีกทั้งมุมมองของเธอในประเด็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่ผ่านมา ที่ชี้ชัดได้ว่า ซานาเอะ ทาคาอิจิ ถือเป็นเพื่อนที่เหนียวแน่นของไต้หวัน และเธอมีแผนที่จะสนับสนุนการร่วมมือกันระหว่างญี่ปุ่น-ไต้หวันในด้านเศรษฐกิจการค้า เทคโนโลยี และ ด้านความมั่นคงปลอดภัยด้วย
1
จึงไม่แปลกใจที่ ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน ส่งสาส์นแสดงความยินดีให้เธอทันทีที่ ทาคาอิจิ เข้ารับตำแหน่ง และนั่นก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะทำให้จีนแสดงออกอย่างเมินเฉย และเย็นชา อย่างมากต่อนายกหญิงญี่ปุ่นคนนี้
1
ดังนั้นการเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกระหว่าง ซานาเอะ ทาคาอิจิ และ ท่านประธาน สี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่เกาหลีใต้ จึงกลายเป็นที่จับตามองว่าจะมีบรรยากาศเช่นไร และนายกหญิงญี่ปุ่นจะตอบสนองอย่างไรหากต้องเจอกับการเมินเฉยซึ่งๆหน้าจากผู้นำจีน
1
แต่ในขณะเดียวกัน กับประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้กันมากอย่างเกาหลีใต้ ที่ซานาเอะ ทาคาอิจิ เคยกล่าวในงานแถลงข่าวว่า เกาหลีใต้ถือเป็นทั้ง "เพื่อนบ้าน" และ "พันธมิตร" ที่สำคัญของญี่ปุ่นในการรับมือกับความท้าทายของประชาคมโลกที่กำลังเผชิญอยู่ และแสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในยุคของเธอจะมีความสำคัญยิ่งกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านๆมา
ซึ่งก็อาจจะใช่ หากมองในมุมที่ทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างก็เป็นพันธมิตรเกรด A ของสหรัฐอเมริกา ในสมการ มิตรของมิตร = มิตร
1
แต่มันจะใช่เช่นนั้นแน่หรือ? ในเมื่อญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ยังคงมีปมร้าวลึกในประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 และหากผู้นำหญิงญี่ปุ่นยังคงยืนกรานที่จะเดินเข้าไปสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิ เพื่อเชิดชูทหารญี่ปุ่นในฐานะวีรชนสงคราม ก็สุ่มเสี่ยงจะสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้
2
แต่หากตัดประเด็นเรื่องการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นออก ก็ใช่ว่าเกาหลีใต้จะมองญี่ปุ่นในฐานะหนึ่งมิตรชิดใกล้ เพราะมิตรของมิตร อาจไม่เท่ากับมิตร แต่เป็นคู่แข่งในสงครามการเศรษฐกิจการค้าเช่นกัน
1
ก็ในเมื่อทั้งเกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ต่างพยายาม offer ข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อการหนีตายจากกำแพงภาษีทรัมป์ และเข้าถึงตลาดสหรัฐในเงื่อนไข "ที่ดีที่สุด"
ซึ่งไอ่คำว่า "ดีที่สุด" นี่แหล่ะ ที่จะทำให้เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เพราะสำหรับเกาหลีใต้คงไม่มีสิ่งใดที่จะดีไปกว่าการได้ยืนในจุดที่เหนือกว่าญี่ปุ่นอีกแล้ว และสำหรับฝ่ายญี่ปุ่นเองก็คิดไม่ต่างกัน และสำหรับนักเจรจาอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ นี่ ยิ้มหวานรอเลย เพราะสามารถปั่น offer ได้ทั้ง 2 ฝ่ายให้แข่งกันเอง แล้วนั่งรอนับเงินอย่างเดียว
2
"ภารกิจด้านการทูต" ในสถานการณ์นี้ จึงไม่ใช่แค่คำนิยามหรูๆ แต่เป็นบททดสอบต้อนรับตำแหน่งของซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่ยากมาก หากก้าวพลาดก็แทบไม่มีโอกาสได้แก้ตัว บวกกับแรงกดดันทางการเมืองญี่ปุ่นอันมหาศาล ที่แม้แต่นายกฯผู้ชายน้อยคนมากๆ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้จนครบเทอม
1
แต่ก็อยากเอาใจช่วยให้ซานาเอะ ทาคาอิจิ สามารถสร้างตำนานผู้นำหญิงแกร่งที่โลกจดจำได้อย่าง มาร์กาเร็ต แททเชอร์ หรือ อังเกลา มาร์เคิล ให้ได้เช่นกัน
1
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา