27 ต.ค. เวลา 10:56 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รายงานภาวะตลาดประจำสัปดาห์ 20 – 24 ต.ค. 2568

ภาพรวม
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติ “All-Time High” ได้แรงหนุนเชิงบวกจากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ผลประกอบการบริษัทที่ออกมาแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว
  • การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีการยืนยันว่า ทรัมป์ และสี จิ้นผิง จะพบปะกันระหว่างการเยือนเอเชียของทรัมป์ในช่วงสิ้นเดือนนี้
  • ประกาศผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ได้แก่ Netflix และ Tesla รายได้เติบโต แต่กำไรต่ำกว่าคาด
  • ญี่ปุ่น คุณทาคาอิจิขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกอย่างเป็นทางการ
  • จีน GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 4.8% YoY ดีกว่าคาด
สถานการณ์ตลาด
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติ “All-Time High” ได้แรงหนุนเชิงบวกจากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกัน รวมถึงผลประกอบการบริษัทที่ออกมาแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวช่วยหนุนให้ Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น Dow Jones +2.2%, S&P 500 +1.9% และ NASDAQ +2.3%
  • สถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
• มีการยืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันระหว่างการเยือนเอเชียของทรัมป์ในช่วงสิ้นเดือนนี้
• เจ้าหน้าที่จีน เปิดเผยว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุฉันทามติขั้นต้น ในประเด็นการควบคุมการส่งออกสารเฟนทานิล (Fentanyl) และค่าธรรมเนียมการขนส่งทางเรือ
• รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คุณสก็อตต์ เบสเซนต์ ระบุว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 100% ถูกถอดออกจากโต๊ะเจรจาแล้ว โดยสหรัฐฯ คาดว่าจีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองในปริมาณมากจากสหรัฐฯ และจะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายากออกไปประมาณ 1 ปี ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังยืนยันที่จะคงมาตรการควบคุมการส่งออกต่อบริษัทจีนไว้เช่นเดิม
• นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังมีแผนหารือเรื่อง การยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน
  • ผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ
• Netflix รายงานรายได้เติบโต 17% YoY แต่กำไรต่ำกว่าคาด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายภาษีจากข้อพิพาทกับหน่วยงานภาษีของบราซิล มูลค่า 619 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 จะยังขยายตัว 17% YoY ได้แรงหนุนจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น การปรับขึ้นราคา และรายได้จากโฆษณาที่สูงขึ้น
• Tesla รายงานรายได้รวมเพิ่มขึ้น 12% YoY ฟื้นตัวหลังชะลอมาสองไตรมาสก่อนหน้า จากแรงหนุนก่อนสิ้นสุดเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 0.50 ดอลลาร์ ต่ำกว่าคาด ลดลง 31% YoY โดยสาเหตุมาจากการปรับลดราคารถยนต์ และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 50% เป็น 3.4 พันล้านดอลลาร์ จากต้นทุนด้าน R&D รวมถึงโครงการ AI อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาด
  • ญี่ปุ่น
• คุณทาคาอิจิขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ หลังร่วมรัฐบาลกับพรรคอิชินและชนะการลงมติ 237 ต่อ 465 เสียง แต่รัฐบาลผสมชุดใหม่ยังเป็นเสียงข้างน้อย อาจเผชิญความท้าทายในการผ่านงบประมาณและกฎหมายสำคัญ
• การขึ้นดำรงตำแหน่งของคุณทาคาอิจิถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยภารกิจเร่งด่วนคือแก้ปัญหาเงินเฟ้อและจัดนโยบายเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาค่าครองชีพ ขณะเดียวกันมีแผนพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ในการเยือนญี่ปุ่นสัปดาห์นี้
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตอบรับเชิงบวก เงินเยนอ่อนค่าจากคาดการณ์ว่ารัฐบาลใหม่จะสนับสนุนนโยบายการเงินผ่อนคลายและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
  • จีน
• GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 4.8% YoY ดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ชะลอลงจาก 5.2% ในไตรมาสก่อน เศรษฐกิจยังได้แรงหนุนจากการส่งออก แต่การบริโภคและการลงทุนในประเทศอ่อนแรง
• ยอดค้าปลีกขยายตัว 3% ต่ำสุดตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้ว การลงทุนสินทรัพย์ถาวรลดลง 0.5% ใน 9 เดือนแรกของปี หดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 อย่างไรก็ตาม ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนขยายตัว 6.5% สูงกว่าคาด สะท้อนความแข็งแกร่งของภาคการผลิต
• สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนจัดการประชุมใหญ่สมัยที่ 4 (Fourth Plenum) โดยรัฐบาลย้ำยุทธศาสตร์ “พึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี” เน้นขยายอุปสงค์ภายในประเทศเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและลดแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก พร้อมให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนโยบายที่ออกมาสอดคล้องกับความคาดการณ์ของตลาด
• ตลาดหุ้นจีนตอบรับเชิงบวกจากความคาดหวังต่อแนวโน้มเทคโนโลยีเชิงรุก และข่าวการพบปะระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิงในสัปดาห์นี้
  • ไทย
• SET Index ปิดที่ 1,313.91 จุด เพิ่มขึ้น 39.3 จุด ได้แรงหนุนจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่แข็งแกร่งและเงินทุนต่างชาติไหลเข้า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,800 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 5,900 ล้านบาท
  • ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วปรับลดประมาณ 2% WoW แม้ระหว่างสัปดาห์ร่วงเกือบ 5% จากแรงขายทำกำไร แต่ฟื้นตัวในช่วงท้าย ทั้งนี้ระวังความเสี่ยงการปรับตัวลง หากการเจรจาการค้าที่มีแนวโน้มคลี่คลาย
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 7.6% หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตร 2 บริษัทน้ำมันรัสเซีย เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดีปูตินยุติสงครามยูเครน
คำเตือน
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก www.krungsriasset.com หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
โฆษณา