27 ต.ค. เวลา 13:20 • ไลฟ์สไตล์

ร่องรอยในความทรงจำ: ภาพชีวิตในดินแดนแห่งความหลัง

บทนำ: แรงบันดาลใจจากความจริงแท้
ช่วงชีวิตที่มีเวลาว่างใด้ทบทวนตัวเองมากขึ้น ผมมีโอกาสได้อ่าน “อัตตโนประวัติ” ของหลวงปู่เทศน์ ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลอันทรงพลังว่า "เรื่องราวชีวิตของเรา เราเป็นคนที่รู้ดีที่สุด" การบันทึกไว้ด้วยตนเองย่อมดีกว่าการให้ผู้อื่นมาแต่งเติมหรือบิดเบือนหลังเราจากไป
  • 1.
    คำกล่าวนี้จุดประกายในใจอย่างแรงกล้า ผมไม่ได้ต้องการเขียนเพื่ออวดอ้าง แต่ปรารถนาจะบันทึกร่องรอยแห่งชีวิตของตนเองไว้ ให้เป็นอุธาหรณ์หรือเป็นเรื่องเล่าถึงวิถีชีวิตในอดีตแก่ลูกหลานรุ่นหลัง นี่คือการเปิดหน้าแรกของความทรงจำ — ภาพชีวิตวัยเด็กที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเรียบง่ายของธรรมชาติและวัฒนธรรมในสังคมชนบทไทยเมื่อหกทศวรรษที่แล้ว
  • 1.
    ภาคที่ ๑: เด็กชายใต้ถุนโรงเรียน
  • 2.
    ผมจำความได้ในฐานะเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ชีวิตประจำวันผูกพันอยู่กับ ดินทรายใต้ถุนโรงเรียนบ้านคำตานา อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี พ่อกับแม่ของผมเป็นครูสอนที่นี่ ทำให้โรงเรียนคือบ้านหลังแรกของการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของผม
  • 3.
    พ่อเป็นลูกคนสุดท้องจากร้อยเอ็ด จบโรงเรียนเกษตรกินนอนจากอยุธยา แม่เป็นลูกสาวคนเดียวจากสกลนคร จบครูฝึกหัดจากอุดรธานี ทั้งสองมาใช้ชีวิตครูกันที่นี่ และผมก็ถูกรับมาจากบ้านตากับยายเมื่อเริ่มคลานได้
  • 4.
    โรงเรียนเป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง ทอดยาวจากเหนือจรดใต้
  • 1.
    ด้านหน้าคือ สนามสารพัดประโยชน์ สำหรับเด็ก ๆ ไม่ว่าจะวิ่งเล่น, ขุดจิ้งหรีด, วิ่งไล่แย้, หรือแม้แต่แข่งกันเตะ "ขี้ไส้เดือน" ที่โผล่ขึ้นมาเป็นแท่ง ๆ เมื่อหมดฤดูทำนา สนามแห่งนี้จะกลายสภาพเป็นลานมหรสพกลางแจ้ง ที่ความตื่นเต้นที่สุดของเราคือการได้ดู หนังกลางแปลง ในช่วงหน้าหนาวของทุกปี
  • 1.
    มนต์เสน่ห์ของวันศุกร์: ขี้ผึ้งและกะลาถูพื้น
  • 2.
    ชีวิตในโรงเรียนผูกพันกับพุทธศาสนาอย่างแยกไม่ออก เราสวดมนต์หน้าเสาธงตอนเช้า ท่องสูตรคูณในห้องเรียนตอนเย็น แต่ความทรงจำที่ตราตรึงที่สุดคือช่วงบ่ายของ วันศุกร์ อาคารเรียนทั้งหลังจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ฟังธรรม เด็ก ๆ ช่วยกันเลื่อนโต๊ะ เก้าอี้ และกระดานดำออก จนเหลือเพียง พื้นไม้กระดานล้วน ๆ ก่อนที่พระคุณเจ้าจะมาถึง เราจะช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู และจัดโต๊ะหมู่บูชา
  • 3.
    แต่ส่วนที่ทำให้เราสนุกสนานจนแทบลืมการทำงานคือการทำความสะอาดพื้น! ครูจะต้มขี้ผึ้งให้ละลาย
แล้วใช้ กะลามะพร้าวผ่าครึ่ง เป็นเครื่องมือถูพื้น เด็กคนหนึ่งจะนั่งยอง ๆ บนกะลาครึ่งลูกนั้น แล้วยื่นมือให้เพื่อนอีกคนจับพร้อมกับ "ลาก" ไปบนพื้นกระดาน เสียงครูดของกะลาและความสนุกจากการถูกลากวนไปมา เป็นวิธีการที่ทำให้พื้นโรงเรียนสะอาดเงาวับ และเป็นภาพแห่งความสุขที่ผมยังคงจดจำได้ถึงปัจจุบัน
โฆษณา