28 ต.ค. เวลา 04:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Amazon MGM จ่ายค่าตอบแทน EON Productions ราว $20 ล้านเหรียญ ในการควบคุมและสร้าง เจมส์ บอนด์ ภาคใหม่

โดยปกติแล้ว การเข้าถึงสิทธิการสร้างสรรค์และควบคุมแฟรนไชส์ภาพยนตร์ใหญ่ยักษ์ มักจะถูกประเมินมูลค่าที่สูงมากเบื้องต้นในระดับพันล้านเหรียญ เช่นการที่ Disney เข้าซื้อกิจการของ Lucasfilm และ Marvel Studios ด้วยสัญญามูลค่ากว่า $8 พันล้านเหรียญ หรือแบบ Amazon MGM Studios ที่กำลังจะสร้างหนัง เจมส์ บอนด์ ภาคใหม่ หลังได้สิทธิการควบคุมและสร้างต่อจาก EON Productions ตั้งแต่ต้นปี แต่ที่น่าสนใจคือ รายละเอียดของสัญญาดังกล่าว มีตัวเลขการลงทุนที่ไม่ได้สูงถึงระดับร้อยล้านเหรียญด้วยซ้ำ
โดยล่าสุด Deadline ได้เผยถึง รายงานผลประกอบการของ EON Productions บริษัทผู้สร้างแฟรนไชส์สายลับ เจมส์ บอนด์ มามากกว่าครึ่งศตวรรษ ของ ไมเคิล จี. วิลสัน และ บาร์บาร่า บร็อคโคลี ซึ่งส่วนหนึ่งของรายงานก็ได้เผยว่า มูลค่าข้อตกลงของสัญญาในการขายสิทธิในการสร้างแฟรนไชส์ เจมส์ บอนด์ ต่อ Amazon MGM Studios นั้น มีมูลค่าราว $20 ล้านเหรียญ เท่านั้น
“โดยในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 ทางบริษัทได้เข้าสู่ขั้นตอนการตกลงเพื่อขายหุ้นของแฟรนไชส์ ‘Bond’ รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และบริษัทในเครืออย่าง B24 และ B25 จำกัด ด้วยมูลค่ารวมของการขายหุ้นทั้งหมดราว $20 ล้านเหรียญ” รายงานกล่าว
โดยบริษัทในเครือ B24 และ B25 จำกัดในรายงานดังกล่าว ก็เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เฉพาะ ในการดำเนินงานสร้างของหนังเจมส์ บอนด์ ภาค “Spectre” และ “No Time To Die” นอกเหนือจากนี้ ยังน่าสนใจด้วยว่า ข้อตกลงดังกล่าวบรรลุและเสร็จสิ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นั่นก็แปลว่า ขั้นตอนการเจรจาของ Amazon MGM Studios อาจเกิดขึ้นก่อนการประกาศเป็นเวลาอย่างต่ำร่วมเดือน
ทั้งนี้ จากตัวเลขดังกล่าว ก็แย้งกับรายงานของ Deadline เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า Amazon MGM Studios ทุ่มงบร่วม $1 พันล้านเหรียญ เพื่อคว้าสิทธิในการสร้างสรรค์และควบคุมแฟรนไชส์ต่อจาก EON Productions
โดยรายงานใหม่ก็เผยว่า สัญญาระหว่าง Amazon กับ EON นั้น มีโครงสร้างเป็นการร่วมทุนระหว่างกัน​ โดย Amazon จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และในอนาคตทาง EON จะได้รับค่าตอบแทน ซึ่งจากรายงานนี้ ก็มีการเชื่อว่าตัวเลขมูลค่า $20 ล้านเหรียญที่ระบุในรายงานผลประกอบของ EON นั้น อาจเป็นค่าตอบแทนเบื้องต้นจากทาง Amazon ก็ได้ โดยค่าตอบแทนที่ว่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงเท่านั้น
อย่างไรก็ดี นี่จะถือเป็นโครงการหนังบอนด์เรื่องแรก ภายใต้ทิศทางการอำนวยการสร้างใหม่ที่ Amazon MGM Studios ได้สิทธิควบคุมเต็มที่ โดยการนำของ เอมี พาสคัล จาก Pascal Pictures ผู้อยู่เบื้องหลังแฟรนไชส์ “Spider-Man” ของ Sony Pictures และ เดวิด เฮย์แมน จาก Heyday Films ผู้อยู่เบื้องหลังแฟรนไชส์ “Harry Potters” และ “Barbie”
โดยปัจจุบัน ตัวหนังอยู่ในขั้นตอนเตรียมงานถ่ายทำ เพื่อรอผู้กำกับฯ เดอนี วิลเนิฟว์ มาร่วมเฟ้นหานักแสดงรายใหม่มารับบทเป็นสายลับอังกฤษหมายเลข 007 หลังจากเสร็จสิ้น “Dune: Part Three” ภายในปี 2026 และอาจเตรียมเปิดกล้องถ่ายทำในปี 2027 เพื่อให้ทันกำหนดฉายในช่วงปี 2028
โฆษณา