รัสเซียเข้มมากขึ้นกับชาวบ้าน….
จากอดีตที่เคยปล่อยประชาชนเป็นอิสระมากกว่าจีน
ตอนนี้ถ้าว่ากันตามข้อมูล รัสเซียกลายเป็นประเทศปิด
แบบเข้มข้นมากกว่าจีนไปซะแล้ว
และมากขึ้นทุกทีๆ ตามสถานการณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยง
มากขึ้น ต่ออำนาจการบริหารของปูติน
…ความเคลื่อนไหวของ หน่วยงานที่ถูกเรียกว่า new KGB
หรือ Russia’s Federal Security Service (FSB)
ในช่วงเวลานี้ ที่อะไรๆ ไม่เป็นใจ ต่อผู้คัดค้านรัฐบาล
รวมถึงประชาชนนั้น มีมากขึ้นมาก อย่างมีนัยสำคัญ….
แม้เป็นการวิเคราะห์และรายงานจากสื่อตะวันตก
แต่หากมองความเคลื่อนไหวของ FSB ที่มันเกิดขึ้นจริง
รวมถึงการทำสงครามข่าวสาร ปิดกั้นที่มากขึ้นทุกทีๆ
ในรัสเซียตอนนี้
มันก็ส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจน ว่าปูตินกำลังกังวล
ไม่น้อย ว่าอาจมีเหตุที่จะควบคุมไม่ได้ขึ้นในหมู่ประชาชน
ล่าสุดทาง FSB ได้ทำการกล่าวหา ตามล่าอีกครั้ง
ต่อองค์กรต่อต้านสงครามชาวรัสเซีย
ที่นำโดย นาย Khodorkovsky
ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่อังกฤษ หลังรับโทษมารอบหนึ่งแล้ว
ในไซบีเรีย ก่อนถูกปล่อยออกมา
มันน่าสนใจ เพราะปัจจุบันหน่วยงานนี้ แทบไม่มีบทบาท
อะไรแล้วในการเคลื่อนไหว
เพราะระดับแกนนำ ไม่ติดคุก ก็ตกตึก อาหารเป็นพิษตาย
บ้างก็ยังหนีหัวซุกหัวซุน จากเงื้อมมือของสายลับรัสเซีย
ที่มักตามเก็บผู้เห็นต่างเสมอ จนไม่เป็นอันทำอะไรได้
มีการวิเคราะห์ว่า ทางเคลมลินส์เอง ก็ไม่ได้คิดว่า
กลุ่มนี้เป็นภัยจริงๆ แต่ที่ต้องทำ
เพื่อให้มีลักษณะเป็นการ “เชือดไก่ให้ลิงดู”
ของรัฐบาลรัสเซียต่อชาวบ้านมากกว่า
เนื่ิองจากเริ่มมีการเคลื่อนไหวไม่พอใจรัฐบาลรัสเซียมากขึ้น
จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
รวมถึงการเสียการสนับสนุนจากฝ่ายขวาจัดชาตินิยม
ที่มองว่ารัฐบาลรัสเซีย ไร้ประสิทธิภาพในการทำสงคราม
ซึ่งอาจมีผลจากการโกงกินกันของผู้มีอำนาจระดับสูง
ท่าทีต่อต้าน หรือตั้งคำถามต่อรัฐบาลเคลมลินส์ แม้แต่
จากกลุ่มขวาจัด เริ่มรุนแรงขึ้นจากโลกออนไลน์ ก่อนมีการ
นัดประท้วงในลักษณะของ flash mob หลายครั้ง
และครั้งล่าสุด ในเซนต์ ปีเตอร์สเบิรก์ เมื่อเร็วๆนี้…
…ซึ่งนี่น่าจะเป็นความพยายามของปูติน ที่จะปรามผู้ต่อต้าน
ก่อนลุกลามบานปลาย จนควบคุมไม่ได้ ….
…และจำเป็นต้องควบคุมที่ตัวบุคคลโดยตรง
เนื่องจาก Telegram ที่ชาวรัสเซียนิยม เป็นสิ่งที่ควบคุม
ไปตามปิด ตามบล็อกแบบโซเชี่ยลตะวันตกไม่ได้…
ประชาชนสองกลุ่ม คิดคนละแบบ แต่มีมุมมองเดียวกัน
ต่อรัฐบาล คือ “ด้อยประสิทธิภาพ”
และเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ประชาชนรัสเซียที่ค่อนข้างไม่พอใจรัฐบาลตอนนี้
มีทั้งกลุ่มชาวบ้านธรรมดา นักธุรกิจ ซึ่งส่วนนี้เข้าใจได้
เนื่องจากเป็นปกติ ที่เกิดจากสภาพเศรษฐกิจซึ่งย่ำแย่
ที่กระทบกับปากท้องชาวบ้านโดยตรง
ที่น่าสนใจกว่า อาจเป็นผู้ไม่เห็นด้วยฝ่ายขวา
ซึ่งพวกนี้ปกติจะสนับสนุนปูตินและกองทัพอย่างมาก
และสนับสนุนการบุกยูเครนเครนในรอบนี้แบบสุดลิ่ม
กลุ่มนี้ มีทั้งอดีตบิ๊กทหาร บล็อกเกอร์สายทหารในรัสเซีย
ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยโปรรัฐบาลแบบสุดๆ ในการทำสงคราม
กลุ่มนี้ในปัจจุบัน พวกเขาไม่ได้ต่อต้านสงครามแต่อย่างใด
แต่ก็ออกมาตั้งคำถามรัวๆ ถึงผลสำเร็จในสงคราม
ที่ยังไม่เกิดขึ้นเสียที หลังสูญเสียไปอย่างมากในหลายด้าน
และล่วงเลยเวลามาแล้วเกือบสี่ปี…
เนื่องจากกลุ่มนี้ เชื่อในศักยภาพของกองทัพ ว่าสามารถบดขยี้ยูเครนรวมถึงยุโรปได้อย่างไม่ยากนัก ด้วยอาวุธที่มีอยู่…
…มันก็เลยกลายเป็นคำถาม ถึงประสิทธิภาพด้านยุทธวิธี
ของบรรดาขุนทหารในกองทัพ รวมถึงการคอรัปชั่น
กลุ่มนี้ ถ้าใครนึกไม่ออกว่าเป็นยังไง ก็ให้นึกถึงคนไทย
บางกลุ่ม ที่้เชื่อว่าเราควรบุกกัมพูชาให้ถึงพนมเปญไปเลย
และเชื่อว่าจะเร็วและไม่ยากนัก พอกองทัพไม่ทำก็ด่านั่นเอง
…ฝ่ายขวาไทยทรงนี้ กับขวาจัดรัสเซีย คิดเหมือนกันครับ….
สื่ออาเซอร์ไบจานยังเล่นข่าวนี้เลย นัยหนึ่งคือการเตือนคนของตัวเอง ที่ยังทำงานในรัสเซียอยู่เยอะพอสมควร จะได้วางตัวได้ถูกต้อง
กับกลุ่มขวาจัดนั้น ต้องบอกว่ารัสเซียเหมือนจะเป็น “เหยื่อ”
ของสงครามข่าวสาร ที่รัฐบาลเองนั่นแหละปล่อยออกมาตลอด
เนื่องจากในสงครามข่าวสารจากรัฐบาลนั้น
ปูตินพูดให้คนเชื่อเสมอ ว่าพวกเขามีกองทัพที่ใหญ่
ทันสมัย และทรงพลังที่สุดในโลก
และขยันโปรโมทความก้าวหน้าด้านอาวุธอย่างเสมอ
ด้วยการเปิดตัวอาวุธใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
คนพวกนี้ จึงเชื่อสนิทใจ ว่าพวกเขาสามารถชนะได้
ทุกชาติ และเหนือกว่าสหรัฐ ยุโรปและจีน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปในยูเครน กองทัพก็ยังไม่สามารถ
ที่จะปิดเกมส์ได้เสียที จากกำหนดเวลาสามสัปดาห์สู่สี่ปี
ตัวเลขทหารเจ็บ ตาย ก็มากขึ้นทุกวันๆ จนแม้แต่
คนใกล้ตัวของบล็อกเกอร์ฝ่ายขวา และชาวบ้านขวาจัด
ที่มักอาสาไปรบก็ไม่รอดกลับมาเช่นกัน
และไอ้ที่รอดกลับมา ก็เล่าสภาพในสมรภูมิ
ที่ด้อยประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความด้อย
ด้านการจัดการกำลังบำรุง ที่ขาดแคลนตลอดให้ฟัง
มันจึงกลายเป็นความโกรธ ผิดหวัง กับสิ่งที่พวกเขาเคยเชื่อ
และกลายเป็นเครื่องหมายคำถามต่อรัฐบาล และกองทัพแทน
…ว่าจริงๆแล้ว รัสเซียอยู่ตรงไหน ของลำดับมหาอำนาจโลก
และสิ่งที่รัฐบาลปูตินโฆษณามาตลอด มันจริงหรือไม่…
คนพวกนี้ ยังไม่ถึงกับต่อต้านรัฐบาลปูติน
และยังสนับสนุนสงครามอย่างแข็งขัน
แต่เพราะเคลมลินส์ไม่ต้องการตอบคำถามใดๆ
และไม่ต้องการให้คำถามเหล่านี้ มีมากขึ้นในหมู่ประชาชน
…รัฐบาลปูตินจึงเลือกจัดการปิดปากคนกลุ่มนี้ด้วยวิธีต่างๆ
เช่นเดียวกับ ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายค้าน
หรือต่อต้านสงครามไปด้วยนั่นเอง…
เหตุผลอีกอย่างก็คือ กลุ่มขวาจัดกลุ่มนี้ ส่วนมาก
เคยสนับสนุนแนวทางของปริโกซินแห่ง Wagner ซึ่งก็เคยตั้งคำถามกับรัฐบาลในแบบเดียวกัน ก่อนการพยายามรัฐประหาร
ที่ล้มเหลวไปสองปีก่อน จนปริโกซินโดนเก็บในเวลาต่อมา…
…ปูติน และเคลมลินส์ จึงต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม กันซ้ำรอย
แม้คนกลุ่มนี้ จะสนับสนุนสงครามและรัฐบาลก็ตาม…
ล่าสุด อดีตวีรบุรุษนายพลยุคโซเวียต จากสงครามอัฟกานิสถาน วลาดิเมียร์ วาซิลเยวิช คลัทช์คอฟ
(Vladimir Vasilievich Kvachkov)
ผู้สนับสนุนแนวคิดจักรวรรดิรัสเซีย และเป็นขวาจัดแบบสุดๆ
ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย บล็อกก็ไม่เคลื่อนไหว
หลังวิจารณ์กองทัพอย่างหนัก โดยตีไปที่โจทย์เก่า
คือ เซอร์เก ชอยกู ที่แม้ปัจจุบันไม่ได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม
แล้วก็ตาม ว่าไร้ประสิทธิภาพ และคอรัปชั่น
แต่รู้กันดี ว่าซอยกูยังมีอำนาจมาก ในรัฐบาล
และเป็นผู้กำหนดแนวทางของสงครามมาตั้งแต่เริ่ม….
…นั่นน่าจะชัดเจน ว่ารัฐบาลเคลมลินส์ ไม่ได้จัดการเฉพาะ
คนที่ต่อต้านสงคราม แต่จัดการกับทุกคน ที่ตั้งคำถาม
กับรัฐบาล คนในรัฐบาลภายใต้การนำของปูติน…
( นายพล Kvachkov แม้จะขวาจัดและสนับสนุนแนวคิด
จักรวรรดิ แต่เขาก็วิจารณ์ปูตินบ่อยเหมือนกัน เรื่องสงคราม
นี่แหละ ว่าไร้ประสิทธิภาพมั่ง ฝ่ายยุทธการอ่อนหัด ทำนองนั้น)
ประวัติ Kvachkov : https://en.wikipedia.org/wiki/Vladimir_Kvachkov
ความมั่นคง เศรษฐกิจ แท้จริงมันก็เรื่องเดียวกัน
และรัสเซียกำลังแย่จริงๆ แบบปิดบังไม่อยู่อีกแล้ว
ตามรายงานของรัสเซียเอง มีการเปิดเผยว่า
ปัจจุบัน ตัวเลขเงินกู้ของรัฐบาลในโครงการ
ทางด้านการทหาร ต่อสถาบันการเงินภายในรัสเซียเอง
มีมูลค่าสูงถึง 190 พันล้านเหรียญสหรัฐ
และคิดเป็น 39% ของงบประมาณรายปีของรัสเซียทั้งหมด
โดยหนี้ทั้งหมด เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงสามปี
หลังสงครามยืดเยื้อ จนผ่านพ้นปีแรก แล้วรัสเซียใช้
เศรษฐกิจสงคราม มาเป็นกลยุทธ์ในการเอาตัวรอด
พูดง่ายๆ คือ รัฐบาลรัสเซียกู้เงินแบงก์ตัวเอง
ไปรวมกับรายได้รัฐบาลอื่น เช่น การขายพลังงาน
มาสร้างอาวุธ จ่ายเงินเดือนทหาร
ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผลตอบแทนใดๆทางเศรษฐกิจ
กลับมาจ่ายหนี้ จ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารได้
…หรือก็คือ กู้มาใช้เป็นการกู้เพื่องบประจำ ไม่ใช่งบลงทุน
ในไทยเราก็จะประมาณ กู้ชำระขาดดุลงบประมาณแนวๆนั้น….
และปัจจุบัน รัฐบาลก็ผิดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน
ของประเทศตัวเองมาตลอด มันจึงมีลักษณะเหมือนกับว่า
รัฐบาลน้ันนำสินทรัพย์ (เงินฝาก) ของชาวบ้านมาใช้
จนธนาคารเริ่มเสียเสถียรภาพแล้วในปัจจุบัน
ซ้ำร้าย ธนาคารก็ยังมีดอกเบี้ยที่สูงมากเป็นภาระ
ที่ 19% ดังนั้น นอกจากการกู้ของรัฐบาลเอง
เพื่อไปใช้ด้านการทหารแล้ว จึงแทบไม่มีเอกชนรัสเซีย
ขอกู้เพื่อการลงทุนใหม่ๆเลย
…ดอกเบี้ยขนาดนี้ ธุรกิจไม่มีกล้ากู้ เพราะหมดปัญญาจ่ายดอก
คนมีฝากเอง ก็ถูกจำกัดการถอน เศรษฐกิจภาคพลเรือนของรัสเซีย จึงนิ่งสนิท ไม่ต่างกับการโดนแช่แข็งเลย…
…และเมื่อชาวบ้านไม่กู้ ธนาคารก็ขาดรายได้จากดอกเบี้ย
เงินกู้ไปด้วย การลงทุนในต่างประเทศผลตอบแทนดี ก็ทำไม่ได้
เนื่องจากการโดนแบน สถานภาพแบงค์รัสเซีย จึงง่อนแง่น
แทบจะรอวันล่มสลายไปแล้วจริงๆๆ …
…ถ้าไม่มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง พังแน่นอน…
มันอาจไม่ใช่การบอกว่า สถานะทางการคลังรัสเซียนั้น
ล่มสลาย หรือไม่มีเงินที่จะนำมาทำสงครามแล้ว
เมื่อดูจากทองคำในมือพวกเขา และรายได้ทียังพอมี
จากการขายทรัพยากรต่างๆ …
แต่นั่นเป็นเรื่องของภาครัฐ ในส่วนของระดับพลเรือนนั้น
ต้องบอกว่าพังพินาศอย่างมาก และคงยื้อไปได้อีกไม่นานนัก
…มันจึงเป็นปกติที่ชาวบ้านจะไม่พอใจ และแสดงออกมา
ด้วยวิธีการต่างๆ แม้จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดก็ตาม…
และเมื่อรัสเซียไม่สามารถแก้ปัญหานี้ที่ต้นเหตุ
คือ หยุดรายจ่ายจากสงครามที่มากเกินไปได้
…วิธีเดียวที่รัฐบาลทำได้ ก็คือการปิดปากประชาชนนั่นเอง…
และปัญหาทางเศรษฐกิจเอง ก็ไม่ใช่ไม่มีผลต่อวิธีคิด
ของฝ่ายสนับสนุนสงคราม…
พวกเขาไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาวบ้านเสียสละ
แบบที่บางประเทศแถวนี้ชอบทำ…
แต่เขาตั้งคำถามว่า ก็ในเมื่อใช้เงินมากมายขนาดนี้
ทำไมผลลัพธ์ในยูเครน จึงออกมาในทางตรงกันข้าม
หรือก็คือ ตั้งคำถามกับการใช้งบประมาณว่าคุ้มไหม
และมีปัญหาการคอรัปชั่นหรือไม่
ในอีกด้าน พวกนี้ก็ยังมองอีกว่า รัสเซียกำลังเสียอธิปไตย
ทางการเงินให้กับจีน ซึ่งมีการรุกคืบทางเศรษฐกิจเข้ามา
ในรัสเซียเป็นอย่างมากในช่วงหลัง
แน่นอน ในความคิดของพวกชาตินิยมขวาจัด
การเสียเปรียบต่อใครก็ตาม ที่ไม่ใช่รัสเซียด้วยกัน
ไม่ใช่เรื่องอะไรที่พวกเขายอมรับได้
แม้แต่กับจีน ที่เป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ก็ตาม
แถมปัจจุบัน รัสเซียเองก็ถูกยูเครนเล่นงานโรงกลั่นน้ำมัน
จนหมดสภาพไปแล้วถึง 30% ของกำลังการผลิต
ส่งผลให้เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำมัน จนต้องรับคิวเติม
และน้ำมันที่ผลิตเอง ก็แพงกว่าก่อนสงครามจะเริ่มเป็นเท่าตัว
เนื่องจากต้องไปจ้างคาซัคสถานกลั่นส่งมาให้ใช้
พอน้ำมันแพง เงินที่มันเฟ้ออยู่แล้ว ก็ยิ่งเฟ้อหนัก
นั่นยิ่งทำให้เกิดคำถามมากขึ้น ต่อระดับเสนยานุภาพ
ที่นอกจากจะไม่สามารถชนะสงครามได้แล้ว
ยังไม่สามารถป้องกันดินแดน และเศรษฐกิจได้
จนเสียหายไปด้วย ซึ่งนั่นยิ่งเป็นเรื่องรับไม่ได้ของคนกลุ่มนี้
ที่เชื่อเสมอว่ากองทัพตัวเองคือเบอร์หนึ่งของโลก
ฝ่ายขวารัสเซียนั้นทราบดี ว่ายูเครนใช้เพียงอาวุธ
ทำมือแบบหยาบๆ ไม่ไฮเทคอะไรนัก
บวกกับอาวุธเกรด B รอปลดประจำการจากตะวันตก
มาสู้กับกองทัพที่พวกเขาภาคภูมิใจนักหนา
แล้วยังสามารถต้านทานอยู่ได้
ดังนั้น พวกเขาจึงยิ่งเจ็บใจ และเหมือนถูกหลอกจากรัฐบาล
จนทนไม่ไหว ต้องออกมาวิจารณ์แบบนี้นั่นเอง
…ถ้าแค่นี้ชนะไม่ได้ จะดีกว่าอเมริกา จีนได้อย่างไร…
…รัสเซียคือใคร อยู่ตรงไหนของเกมส์อำนาจโลกกันแน่…
…นั่นคือสิ่งที่ฝ่ายวาจัดรัสเซียกำลังตั้งคำถาม …
และมันดังขึ้นทุกวัน จึงไม่แปลกอะไร ที่รัฐบาลต้องควบคุม
คนกลุ่มนี้ไปด้วย แม้จะสนับสนุนสงครามก็ตาม….
แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง ว่ามันจะเกิดรัฐประหาร
ขึ้นในรัสเซียจริงๆงั้นเหรอ
ก็คงต้องตอบว่า ยากมาก มีโอกาสน้อยที่จะเป็นแบบนั้น
แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามว่า แล้วชาวบ้านจะสนับสนุน
สงครามครั้งนี้เหมือนเดิมหรือไม่
ก็แน่นอนว่าไม่ แม้แต่ในหมู่ฝ่ายขวาก็เริ่มไม่เอาแล้ว
รัสเซียจะทำสงครามต่อไปได้แน่
แต่จะทำได้ยากขึ้น เมื่อฝ่ายขวาที่มักอาสาไป
เกิดเครื่องหมายคำถามมากมายแบบนี้
ฝ่ายชาวบ้านธรรมดา ที่ต้องใช้ชีวิต ก็ออกนอกประเทศ
กันไม่หยุด ในการเกณฑ์ทหารล่าสุดของรัสเซียนั้น
มันจึงยังไม่ได้ยอดที่ต้องการเสียที จนเมดเวเดฟต้ิองบ่น
…นั่นแหละคือปัญหา ทั้งการหาคนธรรมดาๆมารบ…
…และที่หนักหนากว่าก็คือปัญหาคนเก่งหนี สมองไหล…
…การทำสงครามติดพันแบบนี้ โดยขาดประชาชนที่จะฝคอยสนับสนุนทุกด้านนั้นยากมาก …
…ไปบังคับคนมา มันก็ไม่เหมือนเขาสมัครตายเพื่อชาติหรอก…
…แต่ชาวรัสเซียทุกวันนี้ มีแต่คำถาม …
…ว่าถ้าไปรบ ฉันจะตายเพื่อใคร ?…..
ปูติน จะมีอำนาจไปจนตายนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแน่นอน…
…แต่จะอยู่อย่างไร ตายแล้วถูกพูดถึงแบบไหน…
…จะเป็นปีเตอร์มหาราชกลับชาติมาเกิดแบบที่เขาว่าหรือไม่
…ผลจากสงครามยูเครน จะบอกทุกอย่างเอง…
มันไม่ใช่แค่ผลการแพ้ชนะในสนามรบเท่านั้นที่กำหนด
เพราะหากสมมุติว่าการสงบศึกเกิดขึ้น หรือยูเครนยอมแพ้
รัสเซียได้ดินแดนมา แต่หากสภาพภายในมันย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
เหมือนตอนที่ยึดอัฟกานิสถานได้
…ก็ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าชาวรัสเซียจะพูดถึงปูตินอย่างไร…
…รัสเซียมาถึงจุดวิกฤตจริงๆแล้ว และปิดไม่มิดแล้ว…
การปล่อยข่าว ทดสอบอาวุธโชว์พาว มันก็เหมือนแค่การเล่นกับข่าว สงครามโฆษณาชวนเชื่อเสียมากกว่า…
และชาวบ้านก็เบื่อหน่ายมากที่จะฟัง….
แม้แต่ในการทดสอบจรวดพลังงานนิวเคลียร์ล่าสุด
ที่ปูตินโม้นักหนา หวังเอามาสร้างขวัญกำลังใจชาวบ้าน
…แต่ฝ่ายขวากลับตั้งคำถามแบบแสบๆเลย…
…แล้วมันช่วยให้จบกับยูเครนไหม?…
…ถ้าไม่ แล้วจะโม้บ้าบออะไรกันอีกล่ะ จะหลอกเราไปถึงไหน…
นี่คือสิ่งที่กำลังเป็นในรัสเซีย และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้น…
…การปราบคนเหล่านี้ของ FSB จึงต้องเกิดขึ้น…
และมันกำลังจะพาชาวรัสเซียกลับไปอยู่ในโลกหลังม่านเหล็กแยกตัวเองจากโลก อีกครั้งหนึ่ง …
แต่มันไม่ง่ายหรอก เพราะคนรู้จักทะเลแล้ว ย่อมไม่อยากอยู่แต่ในแม่น้ำอีกต่อไป ไม่ว่าแม่น้ำนั้นจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม…
จากนี้คงมีคนตกตึก อาหารเป็นพิษในรัสเซียอีกเยอะแหละ…
…ก็มัน สูตรสำเร็จของ FSB เขาล่ะ ….
…อ้อ มีปืนลั่นอีกอย่างด้วยนะ 555… บ่อยจัด 😁😁
ข่าว
( อันนี้ลงทะเบียนอ่าน แต่ผมสรุปมาแล้ว )
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
