เมื่อวาน เวลา 14:32 • หนังสือ

ราโชมอน

วรรณกรรมเรื่อง “ราโชมอน”
ผู้แต่ง: ริวโนะสุเกะ อะคุตากาวะ (Ryūnosuke Akutagawa)
ริวโนะสุเกะ อะคุตากาวะ เป็นนักประพันธ์ชาวญี่ปุ่นผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิดาแห่งเรื่องสั้นญี่ปุ่นสมัยใหม่” ผลงานของเขามักสะท้อนด้านมืดของจิตใจมนุษย์ ตั้งคำถามต่อศีลธรรม และแสดงให้เห็นสังคมที่สับสนวุ่นวายหลังสงคราม ราโชมอน (Rashomon) ถือเป็นหนึ่งในเรื่องสั้นที่โด่งดังที่สุดของเขา และเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นความลึกซึ้งทางความคิดและสัญลักษณ์ทางศีลธรรมอย่างเด่นชัด
เรื่องย่อ
ณ กรุงเกียวโตในยุคที่บ้านเมืองทรุดโทรม หลังสงคราม ความอดอยากและความยากจนได้แผ่ไปทั่ว เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ผู้คนสิ้นหวังและละทิ้งศีลธรรมเพื่อเอาชีวิตรอด
ท่ามกลางฝนที่โปรยปราย มีชายหนุ่มคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ซุ้มประตูใหญ่ที่ชื่อว่า “ราโชมอน” ซึ่งเคยเป็นประตูทางเข้าพระราชวังในอดีต แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่รกร้าง เต็มไปด้วยศพและกลิ่นเน่าเหม็น ชายหนุ่มเป็นคนรับใช้ที่เพิ่งถูกนายจ้างไล่ออก เขาหลบฝนพร้อมครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะหางานสุจริตดีหรือจะขโมยเพื่อต่อลมหายใจของตน
ขณะกำลังลังเลอยู่นั้น เขาสังเกตเห็นแสงไฟสลัวจากบนหอของประตู เมื่อขึ้นไปดู เขาพบหญิงชรากำลังนั่งอยู่ข้างศพหญิงคนหนึ่ง หญิงชรากำลังดึงผมของศพทีละเส้น ๆ ด้วยมืออันสั่นเทา
2
ชายหนุ่มตกใจและเข้าขู่ถามว่า “เจ้าทำอะไรกับศพนั่น!”
หญิงชราตอบด้วยเสียงสั่นว่า “ข้าถอนผมของคนตายเพื่อนำไปทำวิกขาย... ข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว หากไม่ทำเช่นนี้ ข้าก็จะอดตาย”
1
คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มเกิดความโกรธและรังเกียจ เขาว่าหญิงชราไร้ศีลธรรมที่ลบหลู่ความตาย แต่หญิงชรากลับย้อนถามเขาว่า
“หญิงที่ตายไปก็เคยหลอกขายงิ้วผมปลอมให้คนอื่น เขาก็เคยโกหกเพื่อความอยู่รอด ข้าเพียงทำสิ่งเดียวกันในโลกที่ไม่มีใครยุติธรรมอีกต่อไป”
3
คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน เขารู้สึกเหมือนถูกกระจกสะท้อนกลับมาที่ตัวเอง เพราะตลอดเวลานั้น เขาเองก็กำลังคิดจะขโมยเพื่อเอาชีวิตรอดเช่นกัน
ในที่สุด ชายหนุ่มกลับตัดสินใจบางอย่างที่น่าตกใจ เขากระชากเสื้อผ้าของหญิงชราไปใส่เอง แล้วหนีหายไปในความมืด ทิ้งหญิงชราไว้เพียงลำพัง
เสียงฝนยังคงตก เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มค่อย ๆ จางหายไปราวกับกลืนเข้าไปในเงามืดของเมืองที่ไร้ศีลธรรม
การตีความและความหมาย
เรื่อง “ราโชมอน” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าธรรมดา แต่เป็นการตั้งคำถามต่อศีลธรรมของมนุษย์ในภาวะสิ้นหวัง เมื่อไม่มีขอบเขตของดีและชั่วที่ชัดเจน “ความอยู่รอด” กลายเป็นสิ่งเดียวที่มีความหมาย
ธีมสำคัญของเรื่อง ได้แก่
1
• ความเปราะบางของศีลธรรมเมื่อมนุษย์เผชิญความจน
• ความจริงที่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
• การเสื่อมสลายของสังคมและจิตใจมนุษย์ในภาวะสิ้นหวัง
อะคุตากาวะใช้ประตู “ราโชมอน” เป็นสัญลักษณ์ของ “ขอบเขตระหว่างความดีและความชั่ว” เมื่อมนุษย์ยืนอยู่ใต้ประตูนั้น เขาต้องเลือกว่าจะก้าวไปทางใด
ข้อคิดจากเรื่อง
ราโชมอน สอนให้เราตระหนักว่า ศีลธรรมไม่ได้มั่นคงเสมอไป มันอาจสั่นคลอนได้เมื่อมนุษย์เผชิญความหิว ความกลัว และความโดดเดี่ยว
คำถามสุดท้ายที่อะคุตากาวะฝากไว้ในใจผู้อ่านคือ
“หากเราอยู่ในที่มืดเช่นนั้น... เราจะยังเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ไหม?”
โฆษณา