28 ต.ค. เวลา 14:56 • การเมือง
สำหรับประชาชน
- น่าจะเป็นหายนะ เพราะการทำเหมืองทำลายสิ่งแวดล้อมรุนแรง เกิดสารพิษปนเปื้อนในดินในน้ำ
แล้วรัฐก็จะพูดย้ำๆซ้ำๆว่าไม่มีการทำลาย ทุกอย่างปลอดภัยไร้กังวลสวนทางกับความจริงแบบเดียวกับแม่น้ำสาย แม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองในเมียนม่าร์อยู่เวลานี้
.
สำหรับผู้มีอำนาจ
- น่าจะเป็นโอกาส ได้เจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จากทรัพย์ในดินของชาติที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ
ประเทศไทยมีทรัพย์ในดินอยู่มาก ถ้าจัดการดีๆ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของส่วนรวมได้ก็คงจะดี
.
แต่อย่างที่เห็นทุกวันนี้…..
ไม่คาดหวังก็ยังอาจจะผิดหวังได้
.
ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ น่าจะเห็นภาพและความสำคัญของ Rare Earth ได้พอสมควร
Rare Earth :
ผงแร่เล็ก ๆ ที่กำลังพลิกสมดุลอำนาจของโลก
.
มีบางอย่างในโลกนี้ที่คุณมองไม่เห็น แต่ควบคุมชีวิตคุณอยู่ทุกวัน
.
มันไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น
ไม่ได้อยู่ในธนาคารกลาง
แต่ฝังอยู่ในแม่เหล็กของมอเตอร์รถไฟฟ้า
ในหน้าจอมือถือที่คุณจ้อง
และในระบบอาวุธของประเทศที่คุณอยู่
.
มันคือ Rare Earth Elements
แร่หายากที่ไม่หายาก
แต่หายากจะมีสิทธิ์ครอบครอง
.
แร่ที่เล็กกว่าฝุ่น แต่ทรงอำนาจกว่าเงิน
.
เวลาเราพูดถึงของมีค่า
คนส่วนใหญ่จะนึกถึงทองคำ น้ำมัน
หรือชิปเซมิคอนดักเตอร์ใช่ไหมคะคุณ
.
แต่ในศตวรรษที่ 21
โลกไม่ได้รบกันเรื่องน้ำมันอีกแล้ว
เพราะอนาคตไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน
แต่มันหมุนด้วย “ผงแร่”
.
Rare Earth
คือกลุ่มโลหะ 17 ชนิด เช่น Neodymium, Dysprosium, Terbium, Lanthanum ฯลฯ
.
มันอยู่ในทุกอย่างที่เราเรียกว่า “อนาคต”
รถยนต์ไฟฟ้า, กังหันลม, ดาวเทียม, โทรศัพท์, ระบบเลเซอร์, และอาวุธนำวิถี
.
โลกนี้ไม่มี Rare Earth = โลกนี้ไม่มีเทคโนโลยี😱
.
ขนาดนั้นเลยจริงๆค่ะ
.
แล้วทำไมผู้นำโลกถึงตีกันเพื่อแย่งของ?
.
เพราะ Rare Earth ไม่ใช่แร่ธรรมดา
มันคือ “เลือดของระบบเทคโนโลยี”
.
ใครถือมากที่สุด = คุมทั้งระบบ
.
และตอนนี้ จีนถืออยู่เกือบ 90% ของการผลิตและแปรรูปทั้งโลก
.
พูดง่าย ๆ โลกทั้งใบอยู่ในกำมือของประเทศเดียว
.
จีนรู้ว่ามันคืออำนาจ
และใช้มันอย่างชาญฉลาด
.
ปี 2010 เคยหยุดส่งออก Rare Earth ให้ญี่ปุ่นแค่เดือนเดียว
.
ราคาพุ่งขึ้น 700%
.
โรงงานเทคโนโลยีทั่วโลกสะเทือน
และนั่นคือวันที่โลกตาสว่างว่า
.
“จีนไม่ได้ถือแร่… จีนถือรีโมตของโลก”
.
ฉันคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ
เพราะ…มันคือ
สงครามใหม่ที่ไม่ต้องยิงปืนค่ะคุณ
.
ตอนนี้ จีนกำลังใช้ Rare Earth เป็น “อาวุธเงียบ”
บีบสหรัฐฯ และยุโรปในสงครามเทคโนโลยี
.
เพราะคุณอาจสร้างชิปได้
แต่ถ้าไม่มี Rare Earth สำหรับแม่เหล็ก มอเตอร์ และเลเซอร์
AI ทั้งระบบจะไม่สามารถทำงานได้เลย
.
และนี่คือสิ่งที่ทำให้ Rare Earth กลายเป็นสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Asset)
ระดับเดียวกับน้ำมันในยุค 1970
.
ฝั่งอเมริกา: ตื่นแล้ว แต่ยังเดินช้า
.
รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งเริ่มสร้างเหมืองใน Nevada ค่ะ
บริษัท MP Materials คือความหวังของพวกเขา
ลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์ร่วมกับ Apple
เพื่อผลิต Rare Earth ในประเทศโดยไม่ต้องส่งไปกลั่นที่จีน
.
แต่ปัญหาคือ จะขุดได้ ก็ต้องมีโรงแยก
และโรงแยก… จีนถือเกือบทั้งหมด 😅 แป่ว
.
ยุโรปเองก็ตื่นตัว ตั้งกฎหมาย “Critical Raw Materials Act”
ออสเตรเลียจับมือญี่ปุ่นสร้างเหมืองใหม่
แคนาดาเปิดนโยบายลดภาษีให้บริษัท REE
แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า จีน “นำหน้าไปสิบปี”
.
โลกในสายตาของฉัน
.
ฉันเคยนั่งอยู่ในห้องประชุม
ที่ลูกค้าคนหนึ่งพูดขึ้นว่า
.
“ทองคำดีนะ แต่ทองมันเป็นสินทรัพย์ของคนรุ่นก่อน โลกต่อไปจะใช้แร่แทนเงิน”
.
ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจเต็มที่ เรียกว่า มึนๆงงๆ ออกจากห้องประชุม เพราะคิดภาพนี้ไม่ออกจริงๆ
.
จนวันที่ฉันเริ่มเห็นว่าพอร์ตของกองทุนใหญ่ ๆ เริ่มขยับจริง
Family Office จากสิงคโปร์, สวิส, และตะวันออกกลาง
เริ่มเพิ่ม Exposure ในกองทุนโลหะหายาก
ถือ Rare Earth ETF แทนทองคำบางส่วน
.
เขาไม่ได้ซื้อเพราะหวังรวย
เขาซื้อเพราะรู้ว่า “มันคือ Power Hedge”
คือเครื่องมือกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
.
และฉันยังจำได้ดี…ตอนคุยกับ CIO ของกองทุนยุโรปรายหนึ่ง
.
เขาพูดกับฉันว่า
.
“ถ้าโลกนี้เข้าสู่สงครามพลังงานสะอาดจริง Rare Earth จะเป็นกระสุนที่เหลืออยู่ในมือไม่กี่คน”
.
วันนั้นฉันกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ในเจนีวา
เปิดแผนที่โลก แล้วมองจุดสีแดงของเหมือง Rare Earth ที่จีนครอบครอง
.
ฉันหัวเราะเบา ๆ ในใจ
เพราะมันไม่ใช่เรื่องของ “ทรัพยากร” อีกต่อไป
.
แต่มันคือ “เกมของอำนาจ” ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในนั้น
.
จากเหมืองสู่ตลาดทุน: เงินกำลังไหลเข้าที่เดิม
.
ตอนนี้ Sovereign Wealth Funds (SWF) ระดับโลกเริ่มลงมาเล่นจริงจัง ยกตัวอย่างนะคะ
.
Norway Government Pension Fund เริ่มเพิ่ม Exposure ใน Rare Earth ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ
.
China Investment Corporation (CIC) ถือหุ้นในบริษัทแร่หลายแห่งในแอฟริกา
.
Saudi Arabia PIF เริ่มลงทุนในบริษัทเหมืองในออสเตรเลียและอเมริกาเหนือ เพื่อใช้ Rare Earth ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของตนเอง
.
พูดให้ชัด นี่คือสงครามของทุนระดับประเทศเลยเชียว
.
ใครถือแร่ = ถืออำนาจ
ใครถือเงินโดยไม่มีแร่ = เป็นแค่ผู้ซื้อที่ต้องจ่ายแพงขึ้นทุกปี
.
โอกาส + ความเสี่ยง
ฉันไม่ได้คิดเอง แต่ฉันลอกมาจากห้องประชุมให้ฟังว่าFund Manager ที่ยุโรป เขาเล่าให้ลูกค้าฟังว่ายังไงบ้างค่ะคุณ
.
โอกาส
1. ความต้องการ Rare Earth จะเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในปี 2040 (ข้อมูลจาก IEA)
.
2. บริษัทที่อยู่ถูกจุดในห่วงโซ่ เช่น MP Materials (US), Lynas Rare Earths (Australia) มีโอกาสโต 5–10 เท่าในทศวรรษหน้า
.
3. ETF อย่าง REMX ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีสำหรับนักลงทุนรายย่อย
.
ความเสี่ยง
1. ตลาดนี้ผันผวนแบบ “โรลเลอร์โคสเตอร์” ประมาณว่าปี 2011 ราคาพุ่ง 400% แล้วร่วง 70%
.
2. ปัญหา ESG: เหมือง Rare Earth ใช้สารเคมีรุนแรง ทำลายสิ่งแวดล้อมรุนแรงมาก เขาเลยโยนมาให้ประเทศกำลังพัฒนาทำแทน
.
 
3. โซ่อุปทานยังผูกกับจีนถึง 90% คือ ถ้าเกิดสงครามการค้าอีกครั้ง ทุกอย่างสะเทือน
.
จากสนามชีวิตจริง
.
ฉันเคยเจอลูกค้าคนหนึ่งในเจนีวา เขามีโรงงานทำแม่เหล็กสำหรับรถไฟฟ้าในเยอรมนี
ตอนเราคุยกัน เขาบอกว่า
.
“แอนนาเบล ฉันไม่กลัวตลาดขาลง ฉันกลัววันหนึ่งจีนหยุดส่ง Rare Earth มากกว่า”
.
ตอนนั้นฉันเข้าใจเลยว่า คนที่อยู่ในเกมจริง ๆ
เขาไม่ได้มองราคาหุ้น แต่เขามอง “ความอยู่รอดของห่วงโซ่ทั้งหมด”
.
Rare Earth ไม่ใช่ของเล่นของนักเก็งกำไร
แต่มันคือเส้นเลือดใหญ่ของโลกเทคโนโลยี
และใครเข้าใจสิ่งนี้ก่อน จะได้เห็น “พลังของทุน” ก่อนคนอื่น
.
เรื่องนี้น่าสนใจมากๆเพราะฉันคิดว่า
.
“ตลาดหุ้นอาจมีขาขึ้นขาลง แต่ Rare Earth มีแค่สองแบบ
คนที่มี กับคนที่ต้องขอซื้อ”
.
ในยุคที่ทุกคนพูดถึง AI, EV, Green Energy
คุณอาจไม่ต้องรู้ว่าแม่เหล็ก Neodymium หนักเท่าไร
.
แต่คุณควรรู้ว่า ใครเป็นเจ้าของมัน
.
เพราะอนาคตของเทคโนโลยีทั้งหมด
ไม่ได้อยู่ใน Silicon Valley อีกต่อไป
.
แต่มันอยู่ในเหมืองกลางทะเลทรายของจีน และหุบเขาในมองโกเลียค่ะคุณ
.
ถ้าคุณกำลังอยากเล่นเกมนี้
.
Rare Earth คือสินทรัพย์ที่ไม่เหมาะกับคนใจร้อน
มันไม่ใช่เกมของ “รวยเร็ว”
.
แต่ฉันว่ามันคือเกมของ “เข้าใจลึกซึ้ง”
.
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว
นี่คือหมากตัวใหม่ที่ต้องวางในพอร์ต
.
แต่ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไร
นี่คือกับดักที่ระเบิดได้ทุกเมื่อ
.
ลงทุนใน Rare Earth เหมือนเดินในเหมือง:
ทุกก้าวมีค่า แต่ต้องระวังทุกระเบิด
.
ถ้าจะเล่นคุณต้องเข้าใจจริงๆว่า
Rare Earth ไม่ใช่เรื่องของแร่
แต่มันคือ “เรื่องของอำนาจ”
.
อำนาจที่จะควบคุมพลังงาน เทคโนโลยี และเศรษฐกิจของโลกทั้งใบ
.
ประเทศที่มี Rare Earth คือคนเขียนกติกา
ประเทศที่ไม่มี คือคนที่ต้องเซ็นรับมันทุกครั้ง
.
และสำหรับฉัน
ฉันอาจไม่ได้ขุดแร่
.
แต่ฉันขุด “ข้อมูล” มานานพอจะรู้ว่า
.
คนที่เข้าใจเกมนี้ก่อนหนึ่งก้าว (เหมือนที่ลูกค้าพูดมานานแต่ตอนนั้นฉันเดินออกจากห้องประชุมงงๆ) จะรวยกว่าคนทั้งรุ่นที่ยังดูแค่ราคาหุ้นในหน้าจอ
.
แต่ถ้าคุณไม่ได้เข้าใจมันเลย ตอนนี้หน้าจอคุณก็จะแดงแจ๋อยู่เช่นกัน
.
เพราะสุดท้าย…
โลกไม่ได้หมุนด้วยเงิน แต่มันหมุนด้วยสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ คืออำนาจ
.
และตอนนี้…
อำนาจนั้นอยู่ในผงแร่ชื่อ Rare Earth.
— Annabel
FB : Annabel - Your Wealth Architect
โฆษณา