วันนี้ เวลา 02:43 • ข่าว

🚨 MOU แร่หายากไทย-สหรัฐฯ: ไทยกำลังเสียเปรียบเพื่อนบ้านจริงหรือ? (คำถามที่รัฐบาลต้องตอบ)

🌎 ทำไม "rare earth" ถึงกลายเป็น "เดิมพันทางยุทธศาสตร์" ที่คุกคามประเทศ?
"แร่หายาก" (Rare Earth Elements - REEs) คือทรัพยากรสำคัญที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ ทำให้แร่เหล่านี้กลายเป็น เดิมพันทางภูมิรัฐศาสตร์ ครั้งใหญ่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ การลงนาม บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals) ระหว่างสหรัฐฯ กับไทย มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ได้สร้างความกังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบข้อตกลงของไทยกับเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย
คำถามสำคัญ: MOU ที่รัฐบาลไทยลงนามนั้น เปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรของชาติและกลไกการบริหารประเทศ มากเกินกว่าที่มาเลเซียยอมรับ และอาจนำมาซึ่งความเสียหายในระยะยาวหรือไม่?
⚖️ เปิดจุดที่ "ไทย" แตกต่างจาก "มาเลเซีย" และความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
จากการวิเคราะห์เนื้อหา MOU ของไทยและมาเลเซีย (ซึ่งมีรายงานว่ามาเลเซียมีเพียง 4 ข้อ ขณะที่ไทยมี 5 ข้อ และมีรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญ ไว้รอ MOU ฉบับแปลเป็นภาษาไทย จากกระทรวงการต่างประเทศ ก็น่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจอะไรได้ชัดเจนขึ้น) พบประเด็นที่ไทยดูจะยอมผ่อนปรนมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
เปรียบเทียบ MOU ที่เกี่ยวกับ Rare Earth (จากข้อมูลจากสื่อต่างๆ) ที่ไทยและมาเลเซีย ทำกับสหรัฐ
🛑 จุดพลิกผัน: การยกเลิก "สินบนนำจับ" ที่ส่งผลต่อกระเป๋าเงินของชาติ
นอกจากประเด็นเรื่องแร่หายากแล้ว ข้อมูลการเจรจาใน แถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ระบุว่าสหรัฐฯ เรียกร้องให้ไทยยกเลิกระบบ "การจ่ายเงินสินบนและรางวัลนำจับ" ของกรมศุลกากร
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย!
ความเสียหายต่อรายได้ เนื่องจาก ระบบสินบนนำจับเป็นกลไกสำคัญที่ใช้จูงใจเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและปราบปราม การลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี
คำถามต่อประสิทธิภาพ เนื่องจาก การยกเลิกกลไกนี้โดยที่ยังไม่มีระบบอื่นที่เหมาะสมมารองรับ อาจทำให้เจ้าหน้าที่ ขาดแรงจูงใจ ในการทำงานอย่างเข้มข้น ส่งผลให้สินค้าหนีภาษีทะลักเข้าประเทศ และรัฐ สูญเสียรายได้ภาษีศุลกากร หลายพันล้านบาทต่อปี
คำถามที่ต้องถามต่อ ก็คือ การยอมแลกกลไกการปราบปรามทุจริตและการหนีภาษีของประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงทางการค้าบางอย่างนั้น คุ้มค่าและสมดุลต่อผลประโยชน์ของชาติจริงหรือ?
🧐 บทสรุป: ประชาชนต้องตระหนักและตรวจสอบ
การลงนาม MOU แร่หายากกับสหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลไทยในการดึงดูดการลงทุนและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายละเอียดจากข่าวที่เปิดเผย จะพบว่า
1) ไทยยอมผ่อนปรนสูง ในการให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับมาเลเซีย
2) ไทยยอมแลกกลไกการบริหารจัดการที่สำคัญ (การยกเลิกสินบนนำจับ) เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า
🙋 คำถามสำหรับประชาชน
➡ รัฐบาลมีการประเมินความสูญเสียทางรายได้จากการยกเลิกสินบนนำจับอย่างไร?
➡ จะรับประกันได้อย่างไรว่าการให้ "First Priority" และการเร่งรัดกระบวนการอนุญาต จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและกฎหมายของไทย?
➡ ความตกลงนี้ได้เตรียมมาตรการรับมือกับปัญหามลพิษจากการขุดแร่หายากที่อาจเกิดขึ้นไว้ชัดเจนเพียงใด? (ประเด็นนี้แหล่ะที่ต่ายกังวลมาก กลัวจะเป็นแบบกรณีโรงงานขยะจากต่างประเทศทิ้งสารพิษจนทำให้ที่ดินของประชาชนปนเปื้อนสารพิษและไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ฟ้องร้องแล้ว คำสั่งศาลสั่งให้จ่ายเงิน และแก้ปัญหาฟื้นฟูดินก็แล้ว แต่ปัญหาต่างๆ ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข)
ในฐานะเจ้าของประเทศ ประชาชนจึงจำเป็นต้องติดตามและตั้งคำถามต่อรัฐบาล เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์นี้ จะไม่นำมาซึ่งความเสียหายในระยะยาวต่อทรัพยากรและกลไกของชาติ
อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม? ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ "MOU แร่หายาก ไทย-สหรัฐฯ" และ "ผลกระทบต่อสินบนนำจับศุลกากร" เพื่อทำความเข้าใจถึงรายละเอียดข้อตกลงและติดตามคำชี้แจงจากรัฐบาล
โฆษณา