รีวิวหนังสือนิยายฮาวทู : สูตรชีวิต สามพันเยน
ฉันเจอหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ที่ผ่านมา
ที่ว่าโดยบังเอิญเพราะไปงานครั้งนี้ตั้งใจว่าจะไม่ซื้อหนังสือ ต้องการไปเดินชมบรรยากาศของงานแค่นั้นเอง เพราะมีกองดองหนังสือเยอะอยู่แล้ว
แต่ขณะที่เดินดูหนังสือทีละบูธไปเรื่อย ๆ พลันสายตาไปสะดุดชื่อหนังสือเล่มนี้ที่วางอยู่บนชั้นของบูธแห่งหนึ่ง ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเป็นสำนักพิมพ์อะไร
หรือว่าหนังสือมีพลังดึงดูดคนอ่านอย่างที่มีคนพูดไว้
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือฮาวทูถ่ายทอดความรู้เรื่องการใช้เงินผ่านตัวละครในนิยายแบบเนียน ๆ ทำให้ผู้อ่านซึมซับเนื้อหาเข้าสมองโดยไม่รู้ตัว
หนังสือเล่มนี้นำเสนอวิธีการใช้จ่ายเงินอย่างฉลาดผ่านผู้หญิงสามวัย คือ วัยเริ่มต้นทำงาน วัยสร้างครอบครัว วัยเกษียณ และวัยชรา ตัวละครทั้งหมดอยู่ในครอบครัวเดียวกัน คือ ตระกูลมิกูริยะ ซึ่งเป็นครอบครัวธรรมดาในสังคมปัจจุบันของญี่ปุ่น
คนแรกเป็นหลานสาวคนเล็กของครอบครัวชื่อ มิโฮะ เพิ่งเรียนจบกำลังเริ่มทำงาน
คนที่สองเป็นหลานสาวคนรอง ชื่อมาโฮะ แต่งงานมีครอบครัวและมีลูกสาววัย 3 ขวบ
คนที่สามเป็นตัวคุณแม่วัยห้าสิบกว่า ชื่อ โทโมโกะ เธอเพิ่งเริ่มคิดเรื่องบริหารเงินในวัยเกษียณ หลังหมดภาระการดูแลลูก
คนสุดท้ายเป็นเรื่องราวการบริหารเงินในวัยชราของคุณย่าโคโตโกะ วัย 73 ปี
เรื่องราวเริ่มที่ มิโฮะ ซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวมิกูริยะ เพิ่งเริ่มต้นชีวิตวัยทำงาน เธออยากใช้ชีวิตอิสระจึงแยกจากบ้านออกมาเช่าแมนชั่นใกล้ที่ทำงาน มิโฮะยังไม่มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน แต่พอวันหนึ่งเธอเจอสุนัขที่ถูกทอดทิ้งเธออยากจะเลี้ยงสุนัขพวกนี้ จึงตั้งเป้าหมายเก็บเงินซื้อบ้านเดี่ยว
เนื่องจากมีเป้าหมาย มิโฮะจึงทบทวนการใช้เงินของตัวเอง เธอย้ายไปอยู่ในที่พักที่มีราคาถูกลง ต่อมาเธอตกลงคบหากับผู้ชายคนหนึ่งที่นิสัยเข้ากันได้ เขาเป็นคนดีแต่มีหนี้การศึกษา ถ้าแต่งงานกัน เขากับเธอมีภาระต้องใช้หนี้นานถึง 20 ปี เธอจะตัดสินใจอย่างไร
ถัดมาเป็นเรื่องราวชีวิตของมาโฮะ หลานสาวคนโตของตระกูลมิกูริยะนี้ ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวแล้ว สามีเป็นข้าราชการเงินเดือนน้อยแต่มั่นคง ทั้งสองเพิ่งมีลูกสาวคนแรกอายุสามขวบ มาโฮะลาออกจากงานเพื่อเลี้ยงลูกอย่างเดียว เธอตั้งใจเก็บเงินให้ได้ 10 ล้านเยนเพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูก
มาโฮะมีวิธีการบริหารเงินแบบนี้ เมื่อถึงสิ้นเดือน เธอจะแบ่งเงินเดือนสามีออกมาเป็นค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเป็นสัดส่วนชัดเจน
สำหรับเงินค่าขนมลูกและค่าใช้จ่ายส่วนตัว เธอจะหารายได้เสริมเล็กๆน้อยๆ ออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต เช่น การสมัครบัตรเครดิตเพื่อเอาแต้มส่วนลดเป็นเงินสด หรือ ซื้อขายหุ้นเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำกำไรไม่กี่ 1,000 เยน
สำหรับชีวิตแม่ของครอบครัวนี้ที่ชื่อ โทโมโกะอายุ 50 กว่าปี ตอนนี้ลูกสาวทั้งสอง มิโฮะกับมาโฮะแยกออกไปใช้ชีวิตตัวเอง ทำให้เธอกับสามีอยู่ด้วยกันในบ้าน 2 คน สามียังไม่เกษียณ ตอนนี้เธอเริ่มมีอาการไม่สุขสบายจากภาวะวัยหมดประจำเดือน ร่างกายเริ่มเสื่อมถอย
เธอเพิ่งผ่าตัดมะเร็งมดลูกซึ่งเริ่มเป็นระยะแรก เธอมีเพื่อนสนิทชื่อ ชิซาโตะ เพื่อนคนนี้อาสาเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดระหว่างที่เธอผ่าตัด และไปเป็นเพื่อนฟังผลชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาลเพราะครอบครัวเธอไม่ว่างแต่ละคนยุ่งกับภาระของตัวเอง
ชิซาโตะกำลังจะหย่ากับสามี เธอเล่าให้โทโมโกะว่าการจัดการเรื่องเงินทองยุ่งยากมากสำหรับคู่แต่งงานที่ไม่เคยวางแผนการเงินมาก่อน เธอจึงเตือนโทโมโกะให้คิดเรื่องการบริหารการเงินไว้ด้วย
ทำให้โทโมโกะกลับมาสำรวจสถานะการเงินของเธอกับสามี ตอนแต่งงานใหม่ ๆ ทั้งคู่มีเงินเก็บ 8 ล้านเยนตอนนี้เหลือเพียง 1 ล้านเยนทำให้เธอตกใจ เริ่มกังวลอนาคต ถ้าหลังจากนี้ การเจ็บป่วยของเธอคงกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อาจจะไม่สามารถทำอาหารรับประทานเองได้ ต้องใช้เงินมากขึ้น และค่ารักษาพยาบาลโคโตโกะแม่สามีของเธอในอนาคตหากเจ็บป่วยขึ้นมา
เธอกับชิซาโตะจึงไปปรึกษากับนักวางแผนการเงิน และได้รับคำแนะนำที่ดี ๆ กลับมา อย่างเช่น การฝึกสามีให้ทำงานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระและทำอาหารรับประทานเองได้ยามที่เธอเจ็บป่วย
เรื่องราวของคุณโทโมโกะ ทำให้เรียนรู้ว่า เมื่อถึงวัยเกษียณร่างกายคนเราก็ย่อมเสื่อมถอย ชีวิตจำต้องปรับตัว เรียนรู้การบริหารการเงินและเริ่มเข้าใจว่าถึงแม้จะมีครอบครัว มีสามี หรือลูก แต่คนที่พึ่งพาได้ในวัยนี้กลับกลายเป็นเพื่อนเสียงั้น
ต่อมาเรื่องราวชีวิตผู้หญิงคนสุดท้ายของครอบครัวนี้ คือ คุณย่าโคโตโกะ วัย 73 ปี ในวัยนี้เธอมีเงินออม 10 ล้านเยน แต่เธอมีเทคนิคในการหารายได้จากเงินก้อนนี้ โดยวิธีย้ายเงินไปฝากเรื่อย ๆ ไม่แช่เงินอยู่ที่ใดที่หนึ่งนาน ๆ ถ้าสถาบันการเงินแห่งไหนให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเธอก็ย้ายเงินฝาก
เธอเคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะซื้อเก้าอี้นวดด้วยดอกเบี้ยธนาคารเพื่อไม่ให้เงินต้นลด และเมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอทำสำเร็จ ใช้เวลาสามปีสะสมดอกเบี้ยซื้อเก้าอี้นวดในฝันมาในราคาสี่แสนเยน
เงินเก็บ 10 ล้านเยนของคุณย่าโคโตโกะเป็นเงินที่วางแผนว่าจะใช้หากจำเป็นต้องย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราหรือใช้ปรับปรุงบ้านให้พร้อมสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ
แต่เธอไม่รู้ว่าหากตัวเองจำเป็นต้องเข้ารับการดูแลสำหรับผู้สูงอายุหรือเกิดป่วยขึ้นมาจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ เธอจึงต้องรักษาเงินจำนวนนี้ไว้ เพื่อไม่ให้กระทบเงินออม เธอจึงต้องการหางานทำ ในที่สุดเธอก็ได้งานที่เหมาะสมกับวัย คือการไปนั่งหน้าร้านขายขนมเพื่อเรียกลูกค้า ถึงแม้ลูกชายและหลาน ๆ ไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ไม่สนใจ
ฉันอายุน้อยกว่าคุณย่าโคโตโกะหลายปี แต่คิดว่าคุณย่าเป็นเสมือนรุ่นพี่ที่ทำให้ฉันต้องหันมาวางแผนการบริหารเงินตัวเอง
ตอนนี้เงินออมของฉันกระจัดกระจาย อยู่ในหุ้นบ้างเงินฝากสหกรณ์ และอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีเงินสดเป็นก้อนเหมือนคุณย่าโทโมโกะ ทำให้ฉันคิดว่าจะต้องวางแผนทำให้เงินออมเปลี่ยนเป็นเงินสดมากขึ้น
ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันจะมีอายุขัยเท่าไหร่ แต่ควรเตรียมตัววางแผนจัดการทรัพย์สินต่าง ๆให้เรียบร้อย
เหมือนที่คุณย่าโคโตโกะบอกว่า
ไม่มีใครรู้ พระเจ้าไม่ได้มาบอกหรอกนะว่า ”อายุขัยของเจ้าคือ 80 ปี ถ้าตายด้วยมะเร็งก็ไม่ต้องมีค่าดูแลสำหรับผู้สูงอายุหรือว่าไม่ได้ป่วยหนักอะไรแต่นอนหลับแล้วตายไปตอน 78 ปีหรือว่าหกล้มเลยต้องนอนติดเตียง“
ถ้าพระเจ้าบอกได้ถึงขนาดนี้เธอคงตกตะลึงจนร้องไห้ แต่ถ้าได้รู้จริง ๆ ก็คงมีความรู้สึกเหมือนโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ในความเป็นจริงไม่มีพระเจ้าที่จะมาบอกอย่างนั้น
นิยายฮาวทูเรื่องนี้สะท้อนให้เรารู้ว่าการบริหารเงินในแต่ละช่วงวัยนั้นมีเป้าหมายแตกต่างกัน
ถ้าเป็นวัยทำงานก็มีแนวคิดคนวัยทำงาน วัยสร้างครอบครัว
ก็คิดวางแผนอีกแบบหนึ่ง วัยแม่บ้านที่หมดภาระแล้วก็เป็นอีกรูปแบบ เหมือนวัยสูงอายุที่มีเป้าหมายแตกต่างจากวัยอื่น ๆ
แต่ถึงเป้าหมายจะสำคัญอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่าความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ต้องช่วยเหลือกัน สุดท้ายคุณย่าก็เอาเงินเก็บมาช่วยใช้หนี้ให้ว่าที่หลายเขย แฟนมิโฮะ เพราะเห็นว่าความสุขของหลานสาวมีค่ามากกว่าเงิน
หนังสือเล่มนี้พูดถึงวิธีการบริหารเงิน การออมเงินก็จริง แต่พออ่านแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนอยากจะสะท้อนเรื่องคุณค่าของชีวิตที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า จึงทำให้เป็นมากกว่าหนังสือนิยายฮาวทูธรรมดา ๆ
หนังสือ : สูตรชีวิต 3,000 เยน
ฮิกะ ฮาราดะ ประพันธ์
พรพิทักษ์ นิ่มอนงค์ แปล
อ้อยคราฟต์รีวิว
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
