Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
1 พ.ย. เวลา 03:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🇹🇭 “Platform Economy” เมื่อประเทศไทยกำลังถูกยึดครองโดยอัลกอริทึม
เมื่อเกมส์เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนด้วยอัลกอริทึมต่างชาติ และไทยยังไม่มีเกราะป้องกันที่แข็งแรงพอ
====
💥 “ขายก็ขาดทุน...แต่ก็ต้องขาย” เสียงบ่นที่เหมือน “กับดักที่ SME ไทยกำลังติดหล่ม”
นี่คือเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการไทยจำนวนมากที่ติดอยู่ใน “ระบบเศรษฐกิจแบบอัลกอริทึม” หรือระบบที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาดเสรีอย่างแท้จริง แต่ขับเคลื่อนด้วย “สมการคณิตศาสตร์ของแพลตฟอร์มต่างชาติ” ที่คอยคัดกรอง กำหนด และตัดสินว่าใครจะได้โอกาส หรือใครจะหายไปจากหน้าจอของผู้บริโภค
* ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ระบุว่า มูลค่าตลาด E-commerce ไทยปี 2024 อยู่ที่กว่า 1.1 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 14% แต่กว่า 80% ของมูลค่าตลาดนี้อยู่ในมือแพลตฟอร์มต่างชาติ เช่น Shopee, Lazada และ TikTok Shop【ETDA, 2024】【Thailand Business News, 2024】
* ตัวเลขนี้ไม่ได้บ่งบอกแค่ขนาดตลาด แต่มันสะท้อนถึง “การสูญเสียอำนาจต่อรองของผู้ขายไทย” ที่ต้องอยู่ภายใต้ระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อพวกเขา?
* ในเชิงโครงสร้าง แพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ได้แค่เป็นช่องทางขาย แต่กลายเป็น “สนามรบ” ที่บังคับให้ร้านค้าทุกแห่งต้องเข้าไปแข่งขันโดยไม่สามารถตั้งกติกาเองได้ ร้านค้ารู้ดีว่าการขายในแพลตฟอร์มเหล่านี้แทบไม่เหลือกำไร คือ
* ค่าคอมมิชชันสูง 30–50%, ค่าโฆษณาเพื่อให้มองเห็น, ค่า operation ที่เพิ่มขึ้นจากการจัดส่งและโปรโมชั่น
* แต่พวกเขาก็ยังต้องอยู่ เพราะ traffic ทั้งประเทศอยู่ในนั้น เหมือนคนที่รู้ว่ากำลังจมน้ำ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องว่ายต่อ
* นอกจากนี้กรณีที่เป็นข่าว เช่น การ Live ขายสินค้าบน TikTok ที่ทำยอดขายกว่า 60 ล้านภายใน 10 นาที กลายเป็นภาพที่คนทั้งประเทศตื่นตะลึง แต่เมื่อแบรนด์ออกมาเปิดเผยตัวเลขจริง กลับพบว่าแทบไม่เหลือกำไรเลย เพราะค่าคอมฯ และค่าโฆษณากินส่วนแบ่งมหาศาล
* ขณะที่ influencer และแพลตฟอร์มกลับได้ค่าตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วย เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า “คนที่ได้กำไรจริง” คือคนที่ไม่ได้อยู่ปลายน้ำของระบบ และ SME ไทยคือคนที่แบกรับความเสี่ยงมากที่สุด
* ปัจจุบัน มูลค่ารวมของ Shopee และ TikTok Shop ในไทยสูงกว่า 7 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รายได้หลักส่วนใหญ่ไหลกลับไปยังบริษัทแม่ในต่างประเทศ มากกว่าจะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของไทยเอง ซึ่งหมายความว่าทุกการคลิกสั่งซื้อคือการส่งต่อมูลค่าออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง【Bangkok Post, 2024】
====
🧠 “พฤติกรรมผู้บริโภคที่ถูกบำบาดมาตลอด 10 ปี ด้วย คูปองและส่วนลดของถูกกลายเป็นเครื่องมือควบคุม และภัยคุกคาม
* ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มต่างชาติได้ “บำบาดนิสัยผู้บริโภค” อย่างมีระบบ ผ่านการมอบคูปอง ส่วนลด Flash Sale และแคมเปญราคาต่ำกว่าทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนไทยจำนวนมากเริ่มเชื่อว่าความคุ้มค่าคือ “ของถูก” แทนที่จะเป็น “ของดี”
* “การเสพย์ติดส่วนลด” นี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มันเปลี่ยนโครงสร้างตลาดทั้งระบบ ผู้บริโภครอซื้อของเฉพาะช่วงโปรโมชัน ทำให้ร้านค้าต้องลดราคาถี่ขึ้น และสูญเสียอำนาจกำหนดราคาอย่างถาวร
* กองทัพดาราและ influencer ไทยที่เข้าไปขายในแพลตฟอร์มเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว กลับช่วยเสริมพลังให้แพลตฟอร์มต่างชาติแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะพวกเขากลายเป็น “เครื่องจักรสร้าง traffic” ที่ทำให้ผู้บริโภคติดอยู่ในระบบมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
* SME ไทยที่ต้นทุนสูงกว่าและทุนสั้นกว่า ไม่สามารถทนต่อสงครามราคานี้ได้ สินค้าราคาถูกจากจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดออนไลน์ยิ่งทำให้การแข่งขันไม่เท่าเทียม เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้เปิดช่องให้ผู้ผลิตต่างประเทศเข้าถึงผู้บริโภคไทยได้โดยตรง ข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องเสียต้นทุนแบบผู้ประกอบการในประเทศ
* รายงานของ Bangkok Post (2024) ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายบน TikTok Shop ไทยเพิ่มขึ้นกว่า 200% ภายในปีเดียวและมีแนวโน้มขยายเข้าสู่ธุรกิจ “สินเชื่อรายย่อยและโลจิสติกส์” เพื่อปิดเกมห่วงโซ่มูลค่าทั้งหมด (Marketplace + Logistics + Finance + Lending + Product) อย่างสมบูรณ์ เมื่อใครครอบครองทั้งห่วงโซ่ ก็ครอบครองประเทศทางเศรษฐกิจได้ในที่สุด【Bangkok Post, 2024】
====
🚚 “เมื่อโลจิสติกส์กลายเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์”
* สงคราม E-commerce ยังไม่จบ แต่มันกำลังเปลี่ยนสนามรบจาก “การขาย” เป็น “การควบคุมเวลา” คือ “ใครส่งได้ไวกว่า ใครคืนของได้ง่ายกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ”
* ตัวอย่างเช่น ในจีน Meituan เคยเริ่มต้นจากแอปส่งอาหาร ก่อนขยายสู่การส่งสินค้าทั่วไป จน Alibaba ต้องเร่งปรับระบบ Taobao ให้ส่งด่วนได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
* และนี่คือโมเดลที่กำลังเกิดซ้ำในไทย Shopee เริ่มพัฒนาเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ ส่วน TikTok Shop ก็ประกาศจับมือพันธมิตรโลจิสติกส์ท้องถิ่น เพื่อขยายการส่งแบบภายในวันเดียว (same-day delivery) แต่ตรงข้ามในไทยกับไม่มีใครไหวตัวทัน ทั้ง platform ของภาคธุรกิจและหน่วยงานรัฐ
* และเมื่อแพลตฟอร์มเหล่านี้ควบคุมได้ทั้ง “Marketplace + Payment + Logistics” พวกเขาจะไม่เพียงแค่ขายของ แต่จะกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล” ที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาโดยสมบูรณ์ ในระยะยาว
* ผู้เล่นไทยไม่ว่าจะเป็นยักษ์ค้าปลีกหรือโชห่วยเล็กๆ จะถูกบีบให้เข้าระบบของพวกเขา ไม่ต่างจากการเสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่
ลองจินตนาการถึงอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถ้าแม้แต่ธุรกิจอย่าง 7‑Eleven, Lotus’s, Makro, Tops และร้านโชห่วยทั่วประเทศต้องเผชิญคำถามเดียวกันจากลูกค้า คือ “ทำไมต้องเดินไปร้าน ในเมื่อกดโทรศัพท์แล้วของมาส่งภายในชั่วโมงเดียว?”
คำถามนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค แต่มันคือการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ
====
🌏 บทเรียนจาก “เกาหลี–สิงคโปร์–จีน” ที่กำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้ชาติ
ประเทศที่เข้าใจบทเรียนนี้เร็วกว่าเรา เริ่มลงมือสร้าง “ระบบภูมิคุ้มกันดิจิทัล” ให้กับประเทศอย่างจริงจัง
* 🇰🇷 เกาหลีใต้: รัฐบาลผลักดัน Coupang ให้กลายเป็น “National Logistics Platform” ที่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ โดยรัฐสนับสนุนด้านภาษีและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้มูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ และสร้างงานกว่าแสนตำแหน่งในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์【Korea Times, 2024】
* 🇸🇬 สิงคโปร์: ออกกฎหมาย “Data Sovereignty Act” เพื่อบังคับให้ข้อมูลผู้บริโภคในประเทศต้องถูกเก็บในศูนย์ข้อมูลภายในประเทศ ลดการพึ่งพา Cloud ต่างชาติและควบคุมการใช้ข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อให้รัฐสามารถกำหนดมาตรฐานได้เอง【GovTech Singapore, 2023】
* 🇨🇳 จีน: ใช้มาตรการ Anti‑Monopoly Law ควบคุมอำนาจผูกขาดของ Big Tech เช่น Alibaba และ Meituan เพื่อรักษาสมดุลทางการแข่งขัน และจำกัดการใช้ข้อมูลผู้บริโภคเพื่อประโยชน์ทางการค้าเกินควร【Nikkei Asia, 2024】
ในขณะที่ไทยยังไม่มี “Digital Sovereignty Policy” ที่ชัดเจน ระบบเศรษฐกิจของเรากำลังเดินเข้าสู่กับดักที่ประเทศอื่นพยายามหนีออกมา เรากำลังอยู่ในจุดที่ต้องเลือก จะเป็นผู้เล่นในเกมของคนอื่น หรือจะสร้างเกมของตัวเองขึ้นมา
====
🏛️ ไทยจะสร้างสมดุลย์ระหว่างนวัตกรรมกับอธิปไตยได้อย่างไร?
* ผู้บริหารระดับชาติหลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าการไหลออกของรายได้ดิจิทัลจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 25% และแนะนำให้จัดเก็บภาษีดิจิทัลอย่างเท่าเทียม เพื่อปกป้องผู้ประกอบการภายในประเทศและสร้างรายได้รัฐในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล【BoT Annual Report, 2024】
* สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEPA) ก็เริ่มผลักดันแนวคิด “Digital Platform Governance” เพื่อไม่ให้ไทยกลายเป็นเพียงสนามทดลองของเทคโนโลยีต่างชาติ แต่คำถามคือ เราจะทำได้เร็วพอหรือไม่? เพราะอัลกอริทึมไม่ได้รอให้กฎหมายพร้อมก่อนจะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน
สิ่งที่ไทยต้องทำคือการสร้าง “สมดุลระหว่างนวัตกรรมกับอธิปไตย” เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ แต่ไม่ยอมให้สูญเสียอำนาจควบคุมทางเศรษฐกิจ หากไม่รีบวางโครงสร้างตอนนี้ อาจถึงวันที่เราไม่สามารถออกแบบอนาคตดิจิทัลของตัวเองได้อีกต่อไป
====
✨ ”อย่าปล่อยให้ความสะดวกสบายกลายเป็นราคาที่แพงที่สุดของชาติ?”
ความสะดวกคือสิ่งที่ผู้บริโภครัก แต่ความสะดวกที่ไม่มีเจ้าของในประเทศคือกับดักที่ยากจะหลุดพ้น ทุกการ Click หรือ CF สั่งซื้อคือการตัดสินใจว่าจะส่งต่อคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ใคร ระหว่างแพลตฟอร์มต่างชาติที่ดูแลระบบ หรือผู้ประกอบการไทยที่กำลังต่อสู้เพื่ออยู่รอด
“เราภูมิใจว่าไทยกำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัล แต่คำถามที่เราควรถามคือ ‘ดิจิทัลของใคร?’”
ประเทศที่แข็งแกร่งในยุคแพลตฟอร์ม ไม่ใช่ประเทศที่มีเทคโนโลยีมากที่สุด แต่คือประเทศที่ “กำหนดกติกา” ได้ด้วยตนเอง และไม่ยอมให้ความสะดวกสบายกลายเป็นข้ออ้างในการสูญเสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจ
ถึงเวลาแล้วที่ไทยจะต้องออกแบบอนาคตของตัวเอง ไม่ใช่แค่เพื่อแข่งขันในโลกดิจิทัล แต่เพื่อให้แน่ใจว่า “ความเจริญ” ที่เราสร้างขึ้นจะยังเป็นของเราอย่างแท้จริง
#วันละเรื่องสองเรื่อง #PlatformEconomy #DigitalSovereignty #เศรษฐกิจไทย #GlobalEdition #EconomicIndependence
#Shopee
#TikTok
เศรษฐกิจไทย
ecommerce
ประเทศไทย
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย