1 พ.ย. เวลา 11:42 • ความคิดเห็น

คู่แข่งที่ดี

อยากสูงต้องยืดตัว เตะคนอื่นล้มเราไม่สูงขึ้นหรอก
พ่อพี่เตา บรรยง พงษ์พานิช
เอไอเอสเพิ่งประกาศตั้งซีอีโอใหม่โดยคุณปรัธนา ลีลพนัง ลูกหม้อคนเก่งกำลังจะมาแทนพี่สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ซีอีโอเอไอเอสที่กำลังจะเกษียณเร็วๆ นี้
1
ช่วงหนึ่งในชีวิตของผมตอนทำงานที่ดีแทคเมื่อสิบกว่าปีก่อน คู่แข่งตัวเอ้ในสมัยนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นเอไอเอส เราต่อกรกัน ห้ำหั่นกันทางการตลาดจนดูเหมือนจะต้องเป็นศัตรูกันแน่ๆ เมื่อมองจากภายนอก การแข่งขันช่วงนั้นก็ดุเดือดจริงๆ ชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา พี่สมชัยก็เป็นแม่ทัพการตลาดของเอไอเอสในตอนนั้น
แต่ถ้ามองย้อนกลับไป ช่วงนั้นเป็นช่วงที่สนุกที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตและทำให้ผมเก่งขึ้นมากจากการแข่งขันที่เข้มข้นแบบนั้น นึกถึงทีไรก็รู้สึกดีทุกครั้งเพราะเป็นการแข่งขันแบบที่พี่เตา บรรยงบอกจริงๆ คือแข่งกันสูง ไม่ได้เตะตัดขากัน ไม่ได้เกลียดกัน แต่ยอมรับนับถือกันไปในระหว่างแข่งกันไปด้วย
ทั้งหมดทั้งปวงก็ต้องให้เครดิตอย่างมากกับพี่สมชัยในความเป็นสุภาพบุรุษและการให้เกียรติคู่แข่งเป็นอย่างมาก..
คู่แข่งที่ดีนั้น ไม่ใช่เป็นคู่แข่งที่ไม่เก่ง แต่เป็นคู่แข่งที่เก่งมากๆจนทำให้เราต้องพัฒนา และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่เล่นนอกเกมส์หรือนอกกติกาหรือมองคู่แข่งเป็นศัตรู ในช่วงแข่งกับเอไอเอสในสมัยนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่เอไอเอสจะใช้การเมืองมาแกล้งเราก็ได้ มีคนเคยถามเหมือนกันว่าเราเคยโดนอะไรแบบนั้นบ้างรึเปล่า ผมก็บอกได้เลยว่าไม่มีในกรณีไหนเลยที่เราถูกชกใต้เข็มขัดเพื่อให้เอไอเอสได้เปรียบทางการตลาด
ในทางกลับกัน ดีแทคก็ไม่เคยใช้ความได้เปรียบบางช่วงที่มีกระแสตีกลับทางการเมืองมาเล่นนอกเกมส์ด้วยเช่นกัน
พอต่างคนเคารพกติกากันแล้ว ความยอมรับนับถือกันก็เกิดขึ้นในใจทั้งสองฝ่ายจริงๆ
การแข่งขันที่เข้มข้นแต่ยอมรับในกติกา ทำให้ต่างคนต้องปรับปรุงตัวในส่วนที่ตัวเองด้อยกว่า ต้องพยายามหาทางเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา หรือแย่งกันบริการลูกค้าให้ดีขึ้น แข่งเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อชิงจังหวะกัน พอผ่านไปหลายปี มองย้อนกลับมา นอกจาเราจะแข็งแรงขึ้นมาก ทีมเอไอเอสก็แข็งแรงขึ้นมากเช่นกัน
ความสุขของการแข่งขันที่มีคู่แข่งที่ดีแบบนี้อยู่ตรงที่เมื่อแข่งกันเสร็จ ถอดหมวกถอดหัวโขนกันแล้วก็หันมาจับมือยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน ชื่นชมกันด้วยน้ำใจนักกีฬา และจะมีคำชมคำไหนที่ทำให้หัวใจชุ่มชื้นเท่าคำชมของคู่แข่งที่พูดถึงอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติและจริงใจ
หลังจากผมลาออกได้ซักพัก พี่สมชัยได้ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง ส่วนหนึ่งของรายการนั้น พี่สมชัยเอ่ยชมผมและทีมในช่วงการแข่งกันหนักๆเมื่อหลายปีก่อนไว้ในบทสัมภาษณ์นั้นด้วย พอได้ยินในวันที่ไม่ได้มีพันธะอะไรกัน
นอกจากหัวใจที่พองโต ก็ยังรู้สึกเคารพนับถือพี่สมชัย อดีตคู่แข่งตัวกลั่นในความสามารถและความเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง
ผมจำได้ว่าหลังรายการ คุณชลากรณ์แห่ง workpoint ทวีตประมาณว่า คุณสมชัยออกทีวีพูดถึงคู่แข่งในสมัยแข่งกันอย่างชื่นชม อยากเห็นอุตสาหกรรมทีวีชื่นชมกันแบบนั้นบ้าง ….
นอกจากหัวขบวนที่เป็นสุภาพบุรุษแบบนี้ ทีมงานเอไอเอสก็เป็นมิตรกับผมมาก ตอนที่ผมมาเปิดหลักสูตร abc กับพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์ น้องๆ เอไอเอสก็สมัครมาเรียนรุ่นละสองสามคน พี่สมชัยก็สนับสนุน
มีช่วงหนึ่งอยากได้พี่แอ๋ว วิลาสินี ผู้บริหารด้วยดูแลลูกค้าคนเก่งมาช่วยงานก็โทรไปขอพี่สมชัย พี่สมชัยก็อนุญาตให้มาช่วยที่ธนาคารในตอนนั้นอีกด้วย มีงานใหญ่เอไอเอสทีไร ผมก็ถูกเชิญไปทุกครั้งทั้งที่ช่วงนึงหน้าผมคือดีแทคมากๆ
มีคู่แข่งที่ดีนี่เป็นบุญเป็นกุศลจริงๆนะครับ และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมเปลี่ยนมาใช้เอไอเอสตั้งแต่ออกจากดีแทคจนถึงวันนี้ และอยากชวนทุกคนพิจารณาถึงสถานการณ์การแข่งขันที่เรากำลังดำเนินอยู่ว่าเรามองคู่แข่งเป็นศัตรูหรือไม่ เพราะการแข่งขันที่สร้างสรรค์นอกจากจะทำให้เราเก่งขึ้นและได้มิตรภาพตามมาอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ฃยังฝึกให้เราขัดเกลาจิตใจ ไม่อยู่ในด้านมืดซึ่งไม่รู้ว่าพอเราถอดหมวกสมมติออกแล้ว มันจะตามมาหลอกหลอนอะไรเราอีกด้วย
ที่เขียนด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็เพราะ ผมเคยเป็นคู่แข่งที่ไม่ดีมาก่อน ตอนหนุ่มๆ ห้าวๆ ก็มองคู่แข่งเป็นศัตรู ท้าทีท้าต่อย เอาประโยชน์เข้าข้างเรา นิดก็เอาหน่อยก็เอา เคยเกือบขึ้นโรงขึ้นศาลก็มี
แต่เวลาผ่านไปถึงเรียนรู้ว่า ทำแบบนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับบริษัทเพราะเวลาจะร่วมมือกันในระดับอุตสาหกรรมก็จะทำได้ยาก แถมเป็นโทษกับตัวเองให้เขาเหม็นขี้หน้า พูดถึงเราในทางไม่ดี ถ้าออกมาแล้วผมไปสมัครงานก็คงไม่รับ ไม่คบค้าสมาคมด้วย ไม่มีประโยชน์ใดๆให้นึกออกเลยจริงๆ
ในวันที่พี่สมชัยจะเกษียณ ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ที่น่าจะเป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างของสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง ให้กับน้องๆที่กำลังมะรุมมะตุ้มอยู่กับการแข่งกับใครอยู่ในวันนี้นะครับ…
โฆษณา