Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
1 พ.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ
ยาเก่าในบทบาทใหม่ เมื่อยามาลาเรียอาจกลายเป็นอาวุธลับ ป้องกันมะเร็งกลับมาเป็นซ้ำ
สำหรับผู้ที่เคยผ่านสมรภูมิรบกับโรคมะเร็งมาอย่างโชกโชน จนได้รับชัยชนะและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข คงไม่มีอะไรน่าหวาดหวั่นไปกว่าฝันร้ายที่ว่าเจ้าโรคร้ายนั้นจะหวนกลับมาอีกครั้ง
ปรากฏการณ์ที่ทางการแพทย์เรียกว่า "การกลับเป็นซ้ำ" (Recurrence) นี้คือความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจของผู้รอดชีวิตจากมะเร็งทุกคน มันเกิดขึ้นเมื่อเซลล์มะเร็งเจ้าเล่ห์จำนวนหนึ่งสามารถหลบหนีจากการรักษาและไปซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของร่างกายเรา เช่น ในไขกระดูก พวกมันจะเข้าสู่สภาวะจำศีล และรอคอยเวลาที่เหมาะสมอย่างเงียบๆ นานหลายปี ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มต้นการเติบโตครั้งใหม่
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่น่าสนใจมาแบ่งปันครับ มันคือเรื่องราวของแนวคิดที่ชาญฉลาดที่เรียกว่าการนำยาเก่ามาใช้ใหม่ (Drug Repurposing) ซึ่งเป็นการหยิบยื่นบทบาทใหม่ให้กับยาที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แทนที่จะต้องทุ่มเทงบประมาณมหาศาลและเวลานานหลายสิบปีเพื่อคิดค้นยาใหม่ทั้งหมด
นักวิจัยกลับหันไปสำรวจคลังยาที่มีอยู่เดิม และล่าสุด พวกเขาก็ได้พบกับผลลัพธ์ที่น่าทึ่งอย่างยิ่งว่า "ยาต้านมาลาเรีย" ที่เราใช้กันมานาน อาจจะมีพลังที่ซ่อนเร้นในการเข้าไปปลุกและกำจัดเซลล์มะเร็งที่กำลังหลบซ่อนเหล่านี้ได้
เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่จะเปิดประตูสู่แนวทางการรักษามะเร็งแบบใหม่ๆ ในอนาคต แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมว่าบางครั้ง "คำตอบ" ที่เราตามหา อาจจะซ่อนอยู่ในตู้ยาที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วก็เป็นได้
ยาที่เป็นดาวเด่นในเรื่องนี้คือยาต้านมาลาเรียที่ชื่อว่า "คลอโรควิน" และยาในตระกูลเดียวกันที่ปลอดภัยกว่าอย่าง "ไฮดรอกซีคลอโรควิน" นักวิจัยได้ค้นพบว่ายาเหล่านี้มีความสามารถพิเศษสองประการที่ทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่น่าสนใจในการต่อกรกับเซลล์มะเร็งที่กำลังหลับใหล
ประการแรก มันสามารถเข้าไปขัดขวางระบบรีไซเคิลขยะของเซลล์มะเร็งได้ โดยปกติแล้ว เซลล์มะเร็งที่อยู่ในสภาวะคับขันและขาดสารอาหารจะเอาตัวรอดได้ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า "ออโตฟาจี" (Autophagy) ซึ่งเปรียบเสมือนการกินชิ้นส่วนเก่าๆ ของตัวเองเพื่อนำกลับมาใช้เป็นพลังงาน แต่ยาคลอโรควินสามารถเข้าไป บล็อกกระบวนการนี้ ทำให้เซลล์มะเร็งขาดพลังงานและอ่อนแอลงจนไม่สามารถอยู่รอดได้
ประการที่สอง ยาเหล่านี้ยังสามารถเข้าไปยับยั้งการทำงานของยีนสำคัญที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ ทำให้เซลล์มะเร็งที่กำลังหลับอยู่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาแบ่งตัวได้อีก
การค้นพบนี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎีในห้องทดลองครับ แต่มันได้ถูกนำไปทดสอบในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจริงๆ แล้ว ในการทดลองทางคลินิกระยะเริ่มต้นขนาดเล็ก ซึ่งคัดเลือกผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาจนไม่พบร่องรอยของมะเร็งเหลืออยู่แล้ว
ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ได้รับยาไฮดรอกซีคลอโรควินเพียงอย่างเดียว มีผู้ป่วยถึง 92% ที่ยังคงปลอดจากมะเร็งหลังจากผ่านไป 3 ปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการใช้ยามุ่งเป้ารักษามะเร็งโดยเฉพาะ
และที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อให้ยาไฮดรอกซีคลอโรควินร่วมกับยามุ่งเป้าอีกตัวหนึ่ง กลับพบว่าผู้ป่วย 100% ยังคงปลอดจากมะเร็งที่ 3 ปี และมีผู้ป่วยกลับเป็นซ้ำเพียง 2 รายเท่านั้นตลอดระยะเวลาการติดตามผลนานถึง 7 ปี นี่คือสัญญาณบวกที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ที่ชี้ให้เห็นว่ายาเก่าแก่ราคาไม่แพงตัวนี้อาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนอนาคตของผู้ป่วยมะเร็งได้
ความน่าตื่นเต้นของแนวคิด "Drug Repurposing" ไม่ได้หยุดอยู่แค่ยาต้านมาลาเรียเท่านั้นครับ
ตอนนี้นักวิจัยกำลังสำรวจศักยภาพของยาในกลุ่มอื่นๆ อีกมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ "ยาปฏิชีวนะ" อย่างด็อกซีไซคลินที่เราใช้รักษาสิว ซึ่งถูกพบว่าสามารถเข้าไปรบกวนโรงไฟฟ้าของเซลล์มะเร็งได้ "ยาต้านการอักเสบ" ที่ใช้รักษาโรคข้อ ซึ่งอาจช่วยยับยั้งการเติบโตของเนื้องอก ไปจนถึง "ยารักษาโรคจิตเวช" รุ่นเก่าที่อาจทำลายเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งได้ และแม้กระทั่ง "ไวอากร้า" ก็ยังถูกนำมาศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการชะลอการเติบโตของมะเร็งกระเพาะอาหาร น่าติดตามมากๆๆ
แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางครับ การทดลองในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่กล่าวไปก็ยังเป็นการศึกษาขนาดเล็ก และยังต้องรอการพิสูจน์ใน การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในการทดสอบยา ก่อนที่เราจะสามารถนำมาใช้เป็นมาตรฐานการรักษาได้
แต่แนวคิดนี้ก็ได้มอบข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือยาเหล่านี้มีประวัติความปลอดภัยที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว ทำให้กระบวนการพัฒนาอาจจะรวดเร็วกว่าและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการคิดค้นยาใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความหวังนี้ ผมต้องขอย้ำเตือนด้วยความห่วงใยในฐานะเภสัชกรว่า อย่าเพิ่งรีบไปหาซื้อยาเหล่านี้มารับประทานเองโดยพลการ ทุกการรักษาต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สิ่งที่เรื่องราวนี้มอบให้กับเราในวันนี้คือความหวังและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง และมันก็ได้จุดประกายคำถามที่น่าสนใจให้เราได้ขบคิดกันต่อไปว่า ในคลังยาเก่าแก่อันกว้างใหญ่ของเรา ยังมีขุมทรัพย์อะไรอีกบ้างที่ซ่อนตัวอยู่ และรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ เพื่อนำมาใช้ต่อสู้กับโรคร้ายในอนาคตครับ
แหล่งอ้างอิง:
Elbediwy, A., & Wehida, N. (2025, October 30). From antibiotics to antimalarials: How repurposed drugs might keep cancer from returning. Medical Xpress.
สุขภาพ
ข่าวรอบโลก
เภสัชกรรม
2 บันทึก
5
2
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย