เมื่อวาน เวลา 13:30 • สุขภาพ

เมื่อยาฆ่าเชื้อธรรมดา กลายเป็นความหวังใหม่ของสุขภาพจิต

บทความนี้จะผมพาคุณไปเจาะลึกงานวิจัยชิ้นหนึ่งในวารสาร American Journal of Psychiatry ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่น่าทึ่งระหว่างยาปฏิชีวนะชื่อ Doxycycline กับความเสี่ยงที่ลดลงของการเกิดโรคจิตเภทในกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตมาก่อน
นี่คือสัญญาณแห่งความหวังครั้งใหญ่ที่อาจนำไปสู่แนวทางการป้องกันโรคจิตเภทในอนาคต และเป็นเหตุผลสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดเรื่องราวนี้ครับ
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับพระเอกของเราในวันนี้กันก่อนครับ Doxycycline เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Tetracycline ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานและแพร่หลายมากในประเทศไทยและทั่วโลก (ใครที่เคยรักษาสิว น่าจะเคยใช้ยานี้มาบ้าง)
ส่วนใหญ่เราจะรู้จักกันในฐานะยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อที่ผิวหนัง หรือแม้แต่การรักษาสิวที่รุนแรง
แต่สิ่งที่ทำให้ Doxycycline น่าสนใจในบริบทของสุขภาพจิตคือ "ฤทธิ์เสริม" ที่นอกเหนือจากการฆ่าเชื้อ (Non-antibiotic properties) ครับ
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเริ่มค้นพบว่า Doxycycline และยาในกลุ่มเดียวกันอย่าง Minocycline มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถทะลุผ่านกำแพงกั้นระหว่างเลือดและสมอง (Blood-Brain Barrier) เข้าไปออกฤทธิ์ในระบบประสาทส่วนกลางได้ กลไกสำคัญที่นักวิจัยเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคจิตเภทคือการ ต้านการอักเสบในระบบประสาท (Neuroinflammation)
ซึ่งโรคจิตเภทถูกเชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรังในสมองที่อาจเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ภูมิคุ้มกันในสมองที่เรียกว่าไมโครเกลีย (Microglia)
Doxycycline มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบและควบคุมการทำงานของเซลล์เหล่านี้ ทำให้สมองอยู่ในสภาวะที่สมดุลมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งสมมติฐานว่า Doxycycline อาจมีส่วนในการ ปรับกระบวนการ Synaptic Pruning ซึ่งเป็นกระบวนการที่สมองในวัยรุ่นจะมีการตัดแต่งหรือกำจัดจุดเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้การเชื่อมต่อที่เหลือมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากกระบวนการนี้เกิดขึ้นมากเกินไป (Excessive Pruning) ก็ถูกตั้งสมมติฐานว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจิตเภทได้
Doxycycline จึงถูกตั้งสมมติฐานว่าอาจช่วยรักษาหรือปกป้องจุดเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท (Synapses) ไม่ให้ถูกทำลายมากเกินไป
ความน่าตื่นเต้นของเรื่องนี้มาจากงานวิจัยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงสังเกตที่วิเคราะห์ข้อมูลจากทะเบียนสุขภาพของประเทศฟินแลนด์ โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก (University of Edinburgh) ร่วมกับสถาบันอื่น ๆ
การศึกษานี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลของวัยรุ่นกว่า 56,000 คน ที่เคยเข้ารับบริการด้านสุขภาพจิตและได้รับยาปฏิชีวนะ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมากครับ เพราะผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับยา Doxycycline มีความเสี่ยงในการพัฒนาไปเป็นโรคจิตเภทในวัยผู้ใหญ่ ลดลงถึง 30-35% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับยาปฏิชีวนะชนิดอื่น
นักวิจัยได้พยายามตัดปัจจัยอื่น ๆ ออกไปแล้ว เช่น การที่ผู้ป่วยอาจได้รับยา Doxycycline เพื่อรักษาสิวแทนที่จะเป็นโรคติดเชื้ออื่น ๆ ซึ่งผลลัพธ์ยังคงชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า Doxycycline มีผลในการป้องกัน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
ลองจินตนาการว่าในกลุ่มวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงสูง 100 คน ที่ได้รับยาปฏิชีวนะชนิดอื่น มี 10 คนที่พัฒนาไปเป็นโรคจิตเภท แต่ในกลุ่มที่ได้รับ Doxycycline จำนวน 100 คนเท่ากัน อาจมีผู้ที่พัฒนาไปเป็นโรคจิตเภทเหลือเพียง 6-7 คนเท่านั้น (ลดลง 30-35%) นี่คือตัวเลขที่สำคัญมากในทางการแพทย์และเป็นสัญญาณแห่งความหวังในการค้นพบแนวทางการป้องกันโรคจิตเภทครับ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะเภสัชกร ผมต้องเน้นย้ำถึงข้อจำกัดที่สำคัญของงานวิจัยนี้ครับ
ประการแรก งานวิจัยนี้เป็นเพียงการศึกษาเชิงสังเกต (Observational Study) ซึ่งหมายความว่าเป็นการสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา Doxycycline กับความเสี่ยงที่ลดลง ไม่ใช่การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trial - RCT) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในการพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
1
ดังนั้นเรายังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่า Doxycycline เป็นสาเหตุที่ทำให้ความเสี่ยงลดลง แต่เป็นเพียงสัญญาณที่สำคัญที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
ประการที่สอง ในขณะนี้ Doxycycline ยังไม่ได้ถูกอนุมัติหรือแนะนำให้ใช้เป็นยาเพื่อป้องกันโรคจิตเภท การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา (Antibiotic Resistance) และผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้
และประการสุดท้าย แม้ Doxycycline จะเป็นยาที่ปลอดภัย แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ไวต่อแสงแดดมากขึ้น และที่สำคัญคือ มีรายงานบางกรณีที่เชื่อมโยงยากลุ่มนี้กับผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น อารมณ์แปรปรวน หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้านหากจะมีการนำมาใช้ในบริบทของสุขภาพจิต
ศาสตราจารย์ Ian Kelleher หัวหน้าทีมวิจัยเองก็กล่าวว่า ผลการศึกษานี้เป็นสัญญาณที่สำคัญมาก และกระตุ้นให้เกิดการวิจัยในรูปแบบ RCT เพื่อยืนยันผลการป้องกันของ Doxycycline และยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอื่น ๆ ในผู้ป่วยวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคจิตเภท
เรื่องราวของ Doxycycline และโรคจิตเภทเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำยาเก่ามาใช้ในบทบาทใหม่ (Drug Repurposing) มันแสดงให้เห็นว่ายาที่เราคุ้นเคยกันดีอาจมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในการรักษาหรือป้องกันโรคที่ซับซ้อนอย่างโรคทางจิตเวช
1
ผมรู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้นี้ แต่ก็ขอเตือนให้ทุกคนใช้ข้อมูลนี้อย่างมีวิจารณญาณ อย่าเพิ่งรีบไปหายา Doxycycline มาใช้เองโดยเด็ดขาด เพราะการใช้ยาปฏิชีวนะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น
หากในอนาคตมีการยืนยันผลการศึกษานี้ด้วยงานวิจัยระดับ RCT ได้จริง เราจะสามารถพัฒนากลยุทธ์การป้องกันโรคจิตเภทในกลุ่มวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างไร โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการใช้ยาปฏิชีวนะในระยะยาว และเราจะสามารถแยกฤทธิ์ต้านการอักเสบออกจากฤทธิ์ฆ่าเชื้อของ Doxycycline เพื่อสร้างยาป้องกันโรคจิตเภทที่มีความจำเพาะเจาะจงมากขึ้นได้อย่างไร? นี่คือโจทย์ใหญ่ที่วงการเภสัชกรรมและจิตเวชศาสตร์กำลังเผชิญอยู่ และเป็นความหวังที่ผมอยากให้ทุกคนติดตามต่อไปครับ
แหล่งอ้างอิง (References)
[1] University of Edinburgh. (2025, November 5). Common antibiotic may reduce schizophrenia risk, study suggests. Medical Xpress. https://medicalxpress.com/news/2025-11-common-antibiotic-schizophrenia.html
[2] de Witte, L. D., et al. (2023). Association between doxycycline use and long-term functioning in patients with schizophrenia. Schizophrenia Research. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10932900/
[3] Chaves Filho, A. J. M., et al. (2021). Doxycycline reverses cognitive impairment, neuroinflammation and oxidative imbalance induced by D-amphetamine mania model in mice: A promising drug repurposing. Behavioural Brain Research. https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0924977X20309391
[4] World Health Organization. (n.d.). Antibiotic resistance. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/antibiotic-resistance
[5] Atigari, O. V., et al. (2013). Doxycycline and suicidality. BMJ Case Reports. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC3888527/
โฆษณา