7 พ.ย. เวลา 02:33 • ความคิดเห็น

บินหลา สันกาลาคีรีในเงาเวลาของผม

ในช่วงที่ผมและทีมงานวัยละอ่อนเพิ่งเริ่มลิ้มรสความสำเร็จครั้งแรกหลังจากตกระกำลำบากมานาน เริ่มที่จะตั้งไข่แบรนด์แฮปปี้ของดีแทคในยุคตกต่ำจนแทบเจ๊ง จนลืมตาอ้าปาก มีวิถีของตัวเอง เริ่มมีเรื่องราวที่รู้สึกว่าถ้าถ่ายทอดออกไปได้ก็น่าจะยิ่งทำให้แบรนด์ไปกระทบใจคนได้มากขึ้น
ในวัยที่ลองมันทุกอย่าง นึกอะไรได้ก็ทำหมด ก็นึกถึงว่าเออ ถ้าเรามีหนังสือซักเล่มเขียนเรื่องแบรนด์แฮปปี้ก็น่าจะเข้าท่าดี จำได้ว่าไปปรึกษาพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์และก็ได้ยินชื่อ พี่ต้อ บินหลา สันกาลาคีรี ครั้งแรกในตอนนั้น
แถวๆช่วงนั้น พี่ต้อก็น่าจะได้ซีไรท์จากหนังสือเจ้าหงิญแล้ว และอีท่าไหนก็ไม่รู้และพี่ตุ้มน่าจะเป็นคนช่วย ก็เลยชวนพี่ต้อมาลองดูว่าจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับแบรนด์แฮปปี้ได้หรือไม่ โดยไม่มีความรู้ทางการเขียนเลยว่า ระดับพี่ต้อไม่น่าจะลดตัวลงมาเขียนอะไรกึ่งโฆษณาแบบนี้
พี่ต้อก็ดีใจหาย แบ่งรับแบ่งสู้ มาตระเวนไปต่างจังหวัดกับพวกเราอยู่หลายรอบ ไปเดินดูเราเดินเยี่ยมร้านค้ามั่ง ไปเดินตากแดดตามซีอีโอตามตำบลเล็ก อำเภอน้อย ก็เลยได้มีโอกาสได้คุยกับนักเขียนตัวเป็นๆกับเขาในตอนนั้น
หนังสือแฮปปี้ที่ว่านั้น พอซักพัก พี่ต้อเห็นอาการแล้ว ก็ยุผมว่าทำไมไม่ลองเขียนเองดู เพราะผมน่าจะรู้และเข้าใจดีสุด ผมซึ่งไม่เคยเขียนหนังสืออะไรกับเขามาก่อน ผมก็ดันรับปากพี่ต้อว่าจะลองดู พี่ต้อก็ให้คำแนะนำที่ยังจำได้จนวันนี้ว่า เปิดมาช่วงต้น ต้องกระแทกใจคนอ่านทันที
ผมเลยใช้วิธีเขียนบทแรก 5 หน้าแบบน่าตื่นเต้น แล้วส่งให้ผู้บริหารทุกคนในตอนนั้นอ่าน พอดูแล้วว่ากระแทกใจแน่ ก็เลยเขียนต่อจนจบ ไปนั่งเขียนอยู่ช่วงสงกรานต์ในปีนั้น เขียนสองเดือนเสร็จ ทุกอย่างพรั่งพรูออกมาจากหัว ให้พี่ตุ้มช่วยเกลาอยู่หลายรอบ เลยเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตผมที่ชื่อ “แฮปปี้คนพลิกแบรนด์ แบรนด์พลิกคน”
พอเขียนเสร็จแล้วก็ขอให้พี่ต้อช่วยเขียนคำนำ ก็เป็นคำนำที่เกิดจากการเดินทางไปตามต่างจังหวัดด้วยกัน ผ่านสายตาอันเฉียบคมของบินหลา สันกาลาคีรี ในตอนนั้น ..
มุมแดงในมุมน้ำเงิน
ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นนักมวยคนนั้น คุณจะทำอย่างไร?
นักมวยจากมุมน้ำเงินซึ่งกำลังจะถูกน็อกคามุม มิพักพูดถึงรูปมวย มันหมดรูปไปนานแล้ว เปลือกตาขวาของคุณบวมปูดและปริ เหนือคิ้วซ้ายแตก เลือดอาบลงมาพร่าพราย กรรมการเขม้นมองหาแพทย์สนาม พี่เลี้ยงเตรียมโยนผ้า คุณหมดแรง ที่สำคัญคือหมดกำลังใจ ผู้ชมวัยรุ่นโห่ไล่ ก็เสียงโห่บาดหูนั่นแหละที่ทำให้คุณหมดกำลังใจ
“ วู้ .. ป้า แก่แล้ว ลงไปเหอะ เลิกชกได้แล้ว”
ผมนั่งอ่านปึกต้นฉบับ “ คนพลิกแบรนด์ แบรนด์พลิกคน” ในร้านกาแฟเล็กๆของตลาดเล็กๆ ของอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในภาคอีสาน
ตั้งใจะจะหยิบขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา แต่แล้วคนที่ถูกฆ่ากลับเป็นผมเอง เวลาผ่านเท่าไหร่ไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าอ่านรวดเดียวจบ
รู้ตัวเองว่าพบหนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งเข้าให้แล้ว มีความรู้สึกเหมือนอ่านพงศาวดาร อ่านประวัติศาสตร์ และอ่านนวนิยายที่แอบเทใจ เอาใจช่วยพระเอกไปพร้อมกัน
แม่ค้าเอาน้ำชาใส่น้ำแข็งมารินเติมให้ ผมชวนคุย ถามป้าแกว่าใช้โทรศัพท์มือถือหรือเปล่า? แกชี้บั้นเอวแทนคำตอบ
“แล้วใช้ของใครครับ วันทูคอลหรือแฮปปี้”
“ของเจ้านี้แหละ” แกชี้มือไปที่กองทัพหนุ่มสาวเสื้อแดงที่กำลังซอกแซกพรั่งพรูคล้ายมดแดงแตกรัง กึ่งแจกกึ่งขายซิมการ์ดในตลาด
“ลูกก็ใช้ ป้าก็ใช้ ใช้ทั้งบ้านเลย” ท่าทางแกตื่นเต้นนิดๆ อายหน่อยๆ
“เมื่อกี๊เขาเติมเงินให้ป้าฟรีด้วยล่ะ ตั้งห้าสิบบาท นั่นคนนั้นดาราใช่ไหม?”
“คนไหน” ผมถาม
ในวงการมวย ใครที่ขึ้นเวทีทางมุมน้ำเงินก็ถูกถือเป็นมวยรอง แต่แทคหรือดีแทคในเวลาต่อมาก็เลือกโฉลกสีมุมนี้ขึ้นโรมรันทำสงครามธุรกิจมือถือ ดีแทคผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานแต่ถ้าพูดกันให้ชัดๆ ก็ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ผ่านหนาวเสียมากกว่า คำให้สัมภาษณ์ของคุณซิกเว่ เบรกเก้ ซีอีโอบริษัทว่าหุ้นของดีแทคเคยตกหนักย่อมสะท้อนภาพและบรรยากาศเหน็บหนาวได้เป็นอย่างดี
คุณธนา เป็นหนึ่งในขุนพลมุมน้ำเงินค่ายนี้ ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆที่ชีวิตผ่านผัน เก็บเกี่ยวประสบการโชกโชน เรื่องราวของตัวเขา ทัศนคติการมองโลก ไหวพริบปฏิภาน รวมทั้งชะตากรรมผูกพันกับบริษัทคือแก่นแกนของหนังสือเล่มนี้ หนังสือที่เขาเขียนขึ้นอย่างมีรสชาติและน่าอ่านมากๆ หนังสือที่หลายคนคงจะเพลินอ่านรวดเดียวจบ จะมีก็แต่บทเรียนธุรกิจและบทเรียนชีวิตที่แทรกอยู่ระหว่างบรรทัดเท่านั้นที่เรียนได้ไม่รู้จบ
ในนาทีที่กรรมการสับแขนนับแปดนั้น การกัดฟันเต้นฟุตเวิร์ค ‘พลิก’ ตัวเองออกจากจุดอับ ไม่เพียงทำให้แฟนมวยวัยรุ่นอ้าปาก ตาค้างและกลับใจหันมาเชียร์ ในแง่ของการรัวหมัดระดมศอกใส่คู่ต่อสู้ซึ่งตัวใหญ่กว่า เขาก็ทำได้ไม่เลว ถึงทีที่รอยบวม รอยปริ และรอยแตกทั้งหลายกลับกลายไปปรากฏอยู่บนอีกฝ่ายบ้างแล้ว กรรมพลิกใบจดทะเบียนแทบไม่ทัน
จากราคาหุ้นต่ำเตี้ยก็กลับมาจุดเดิมอีกครั้ง
ฉากที่ผมชอบที่สุดฉากหนึ่งคือนาทีต่อนาทีที่ธนากับทีมงานเล็กๆของเขาระดมสมองช่วยกันสร้างแบรนด์ใหม่ สีสันใหม่ “แฮปปี้” ช่วยกันทำมุมแดงขึ้นในมุมน้ำเงิน เป็นการหักมุมกลับฉับพลันอย่างที่ใครก็คาดคิดไม่ถึง กระทั่งซีอีโอของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีที่สุดของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องของความสำเร็จ แต่เป็นเบื้องหลัง รอยยิ้ม เบื้องหลังของความสำเร็จนั้นต่างหาก
มองจากร้านกาแฟ ผมเห็นพลพรรคกองทัพสีแดงของแฮปปี้ดีแทคทยอยพากันขึ้นรถตู้ เตรียมย้ายตัวเองจากตลาดหนึ่งไปสู่อีกตลาดหนึ่ง ผมก็เรียกป้ามาเก็บสตางค์ แต่ดูแกยังสนใจกับเรื่องของดาราไม่หาย ถามผมว่า ตกลงแล้วที่มากันนี่ คนโน้น คนไหนเป็นดาราบ้าง
ผมชี้ไปที่คุณธนาที่สวมเสื้อยืดแดงสด กางเกงขาสั้นสามส่วนกำลังกดเติมเงินให้ลูกค้า
“คนนั้นไง ดารา”
ป้าเขม้นฝ่าเปลวแดดแล้วส่ายหน้า เม้มปาก
“ไม่เชื่อหรือ” ผมถาม
“ ไม่เชื่อ”
“ดูให้ดีสิ ดาราเกาหลีนะ”
“ไม่เชื่อ”
ผมยิ้ม
“ป้าชอบดาราหรือ?”
แกพยักหน้า ผมเลยหัวเราะ ยกปึกต้นฉบับให้ป้าดู
“ชอบทำไมดารา ชอบนักเขียนดีกว่า”
บินหลา สันกาลาคีรี กรกฏาคม 2550
หลังจากนั้นพอมาทำหลักสูตร abc กับพี่ตุ้ม พี่ตุ้มก็ชวนพี่ต้อ บินหลามาทำทัวร์อยุธยาในแบบฉบับของพี่ต้อที่ลุ่มลึก เข้าใจประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง และเตรียมการ ออกแบบจังหวะ ประสบการณ์ที่ทำให้ลูกทัวร์จำจนวันตาย มีช่วงหนึ่งที่พี่ต้อเล่าถึงอยุธยาโดนเผา พี่ต้อก็หยิบแผนที่อยุธยามาเผาจริงจนเหลือแค่เศษเสี้ยว ในระดับนั้นเลย…
ไม่ได้เจอพี่ต้อมาหลายปี เพิ่งรู้ข่าวว่าพี่ต้อบินข้ามสันกาลาคีรีไปแล้ว ก็เลยอยากประนมมือผ่านอากาศ ขอบพระคุณพี่ต้อที่จุดประกายให้ผมได้เริ่มเขียนหนังสือจนวันนี้ และเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีกับผมเสมอมานะครับพี่…
โฆษณา