7 พ.ย. เวลา 07:32 • การตลาด

💸 คนละครึ่ง: ใครได้ ใครเสีย

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เปลี่ยน “พฤติกรรมผู้บริโภค” ครั้งใหญ่ในรอบปี
☕ ผู้แพ้แบบไม่รู้ตัว: 7-Eleven
ช่วงคนละครึ่งเฟสแรก ๆ
ยอดขายร้านรายย่อย — ร้านอาหารตามสั่ง — คาเฟ่เล็ก ๆ
พุ่งขึ้นเฉลี่ย 20–30%
เพราะคนแห่ใช้สิทธิ “จ่ายครึ่งเดียว” ทุกวัน
ในขณะที่ 7-Eleven ถูกกันไม่ให้เข้าร่วมโครงการ
ผลลัพธ์คือ “ขาประจำเซเว่น”
หันไปกินข้าว – กินกาแฟ – ซื้อของที่ร้านข้างทางแทน
ทำให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ CPALL แผ่วลงชั่วคราว
แม้ขยายสาขาใหม่ปีละพันสาขา ก็ยังโตช้าลง
🏪 ผู้ได้แบบเงียบ ๆ: MAKRO / LOTUS’S
ต่างจากเซเว่น Makro / Lotus’s คือแหล่งต้นทางของร้านค้ารายย่อยจำนวนมาก
เมื่อร้านเล็กขายดีจากคนละครึ่ง
ยอดสั่งซื้อสินค้าจาก Makro / Lotus’s ก็เพิ่มตาม
📅 ในช่วงเฟส 1–2 (ปี 2563–2564 ช่วงโควิด)
มีรายงานว่า ยอดขายร้านค้ารายย่อยโตขึ้นราว +20% YoY
ซึ่งถือเป็นแรงส่งทางอ้อมจากมาตรการรัฐ
แม้ไม่ใช่ผู้เข้าร่วมโครงการโดยตรง
แต่ Makro และ Lotus’s (ในเครือเดียวกัน)
ได้อานิสงส์จาก “การหมุนรอบใหม่ของเงินในระบบ”
ผ่านการ restock สินค้า – การซื้อขายแบบ B2B
⚖️ แล้วสุดท้ายใครชนะ?
7-Eleven (CPALL) → กระทบระยะสั้น แต่ฟื้นแรงหลังจบโครงการ เพราะ “ความสะดวก” ชนะทุกสิ่ง
CPAXT (Makro / Lotus’s) → ได้ sentiment บวกในช่วงมีมาตรการ โดยเฉพาะฝั่งค้าส่งที่ขายให้ SME
🔎 มุมมองนักลงทุน
คนละครึ่ง = มาตรการกระตุ้น “รายย่อย”
ลดแรงซื้อจาก Modern Trade ระยะสั้น
แต่กลับหนุนผู้ค้าส่งที่ป้อนของให้รายย่อยแทน
ในภาพใหญ่ มันคือ “การโยกสมดุลเงินหมุน”
จาก ปลายน้ำ (ผู้บริโภค) → กลางน้ำ (ร้านรายย่อย) → ต้นน้ำ (CPAXT)
✅ สรุปสั้น ๆ
“คนละครึ่ง ทำให้เซเว่นขายน้อยลง...
แต่ทำให้ Makro ขายมากขึ้น”
เป็นอีกตัวอย่างที่พิสูจน์ว่า
💡 นโยบายรัฐ อาจไม่เปลี่ยนขนาดตลาด... แต่เปลี่ยนเส้นทางเงินในตลาด — ซึ่งสุดท้ายก็ยังอยู่ในมือเครือ CP อยู่ดี
#คนละครึ่ง #หุ้นปันปัน #CPF #CPAXT #CPALL
โฆษณา