Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bnomics
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
8 พ.ย. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
เศรษฐกิจอียิปต์โบราณ ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ความมั่งคั่งแห่งกสิกรรมลุ่มแม่น้ำไนล์
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาที่อียิปต์ก็เพิ่งจะได้ทำการเปิดพิพิธภัณฑ์แกรนด์อียิปต์อย่างเป็นทางการไป ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ไอยคุปต์วิทยาขนาดใหญ่ที่มีชุดสะสมจัดแสดงครบชุดและครอบคลุมเรื่องราวของอียิปต์โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัชสมัยของตุตันคามุนที่สมบัติจากสุสานของพระองค์ถูกนำมาจัดแสดงที่นี่อย่างจุใจ
3
ซึ่งหลังจากที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันด้วยขนาดที่ใหญ่พอ ๆ กับนครรัฐวาติกัน และได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังอียิปต์จำนวนกว่า 8 ล้านคนต่อปี
อียิปต์นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่รุ่มรวยไปด้วยทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าผ่านการเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งของอาณาจักรที่เก่าแก่และมีเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในยุคโบราณ ซึ่งทุนทางวัฒนธรรมเหล่านี้ได้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในเรื่องของเศรษฐกิจประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน
กลับกันถ้าหากเรากลับไปไกลกว่านั้นไปสู่ยุคอียิปต์โบราณ เราจะพบว่าความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจอียิปต์โบราณ ดำรงอยู่ได้ด้วย “ทรัพย์ในดินสินในน้ำ” ผ่านความอุดมสมบูรณ์ของดินลุ่มแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นสายธารแห่งชีวิตของชาวอียิปต์และหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจอียิปต์ตลอดยุคโบราณเลยด้วย
สำหรับใน All About History สัปดาห์นี้ เราจะขอพาทุกท่านไปสำรวจวิถีชีวิตของชาวลุ่มแม่น้ำไนล์ ตลอดจนมองดูการกสิกรรมในดินแดนเคเมต และปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายภาคส่วนที่สร้างสรรค์ให้อียิปต์โบราณกลายเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจของเศรษฐกิจยุคโบราณกัน
⭐ สังเขปวิถีแห่งแม่น้ำไนล์กับดินแดนเคเมต
แม่น้ำไนล์นับว่าเป็นแม่น้ำสายยาวที่เต็มไปด้วยชีวิต และหล่อเลี้ยงผู้คนมามากมาย การตั้งอาณาจักรใกล้แหล่งน้ำนับว่าเป็นอะไรที่พบเห็นได้โดยทั่วไปอยู่แล้ว เมืองน้อยใหญ่ในอารยธรรมอียิปต์โบราณเองก็ล้วนแต่มีการตั้งเมืองอยู่บนแม่น้ำสายนี้ ดังที่บิดาแห่งประวัติศาสตร์เฮโรโดตุสเคยกล่าวเอาไว้ว่า “อียิปต์คือของขวัญจากแม่น้ำไนล์” มันเป็นทรัพยากรที่ไม่มีวันหมดและหล่อเลี้ยงให้เกิดอารยธรรมอียิปต์ขึ้นมา
ลักษณะสำคัญของพื้นที่ลุ่มแม่น้ำไนล์ก็คือเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมถึง โดยในแต่ละปี เมื่อถึงฤดูน้ำ น้ำในแม่น้ำไนล์จะเอ่อล้น พร้อมกับนำพาซึ่งดินตะกอนที่อุดมสมบูรณ์จากที่ราบสูงเอธิโอเปียมายังดินแดนโดยรอบแห่งนี้ ที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์จึงมีลักษณะเป็นที่ราบตะกอนน้ำพาซึ่งมีดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกเป็นอย่างมาก ดินเหล่านี้มีสีดำจึงเป็นที่มาของชื่อ “เคเมต” ที่ใช้เรียกดินแดนอียิปต์ในอดีต
1
แม่น้ำไนล์เป็นมากกว่าแค่สิ่งที่นำพาซึ่งความอุดมสมบูรณ์มาสู่ดินแดนเคเมต หากแต่ยังมีบทบาทอื่น ๆ ในอีกหลายทาง ทั้งในด้านการค้าและการคมนาคม ตลอดจนด้านความเชื่อของชาวอียิปต์ที่มองแม่น้ำไนล์ในฐานะของเทพเจ้า ตลอดจนเป็นเส้นแบ่งโลกความเป็นกับความตายด้วย โดยมองว่า “รา” หรือสุริยเทพทรงเกิดมาจากทิศตะวันออกของแม่น้ำไนล์ ข้ามฟากฟ้ามาตกลงที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ นี่เองจึงเป็นปัจจัยว่าทำไมถึงมีความนิยมในการสร้างสุสานยุคอียิปต์โบราณที่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ด้วย
⭐ สังคมอียิปต์และบทบาทของรัฐต่อความมั่งคั่งของอาณาจักร
ว่าด้วยระบบสังคมของอียิปต์โบราณ แน่นอนว่าอย่างที่เราพอจะทราบกันเกี่ยวกับฟาโรห์ อียิปต์โบราณมีลักษณะเป็นสังคมที่มีเจ้าปกครอง โดยเจ้าในที่นี้ก็เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีสถานะของความเป็น “สมมติเทพ” เหมือนกันกับที่ปรากฏในอารยธรรมอื่น ๆ ทั้งในโรมัน อนุทวีปอินเดีย ไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศาสนาของชาวอียิปต์มีลักษณะของการนับถือเทพเจ้าท้องถิ่น ซึ่งมีลักษณะเป็นศาสนาแบบพหุเทวนิยมคือมีพระเจ้าหลายองค์ ซึ่งฟาโรห์เองก็เป็นเสมือนกับตัวแทนของเทพเจ้าเหล่านั้น พวกเขาเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในทรัพยากรใด ๆ บนแผ่นดิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงโปรดฯให้มีเหล่าเสนาอำมาตย์รับหน้าที่ในการช่วยบริหารกิจการบ้านเมือง โดยมีมหาเสนาบดีเป็นตัวแทนพระองค์ในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ทั้งบำบัดทุกข์บำรุงสุขของอาณาประชาราษฎร์จากศูนย์กลาง
แต่ทั้งนี้ในระบบปกครองของอียิปต์ก็ยังปรากฏการแยกเขตการปกครองเป็นแซปัต (spꜣt - คำอียิปต์ในบทความฉบับนี้จะถอดเสียงตามระบบ Egyptological pronunciation) คล้าย ๆ กับจังหวัดหรือมณฑล โดยมีข้าหลวงประจำคอยปกครองอีกทีหนึ่ง
ในทุก ๆ แซปัต อาจจะมีความเชื่อในการนับถือเทพเจ้าที่แตกต่างกันไป นำมาสู่การสร้างวัดหรือวิหารขนาดใหญ่เอาไว้เป็นเหมือนกับศาสนาสถานประจำ แต่ทั้งนี้ศาสนสถานเหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่เป็นเพียงแค่ศาสนสถานสำหรับบูชาเทพเจ้าเท่านั้น หากแต่ยังมีกลไกสำคัญในเศรษฐกิจของอียิปต์โบราณคือเป็นยุ้งฉางขนาดใหญ่ที่รวบรวมพืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ
โดยในสังคมอียิปต์นั้น ไม่ได้มีวัฒนธรรมการใช้เหรียญมาตั้งแต่แรก หรือแต่ใช้ข้าวทำหน้าที่ต่างเงินแทน มีไร่นา มีข้าวมาก ก็ย่อมหมายความว่ารวยมาก ส่วนนี้เองการกสิกรรมจึงเป็นสิ่งที่รุ่งเรืองตามไป เพาะปลูกได้มากก็ย่อมมีเงินมาก แต่ในขณะเดียวกันภาษีที่ดินก็แพงมากเช่นเดียวกัน ยิ่งถือครองเยอะยิ่งจ่ายแพง
โดยภาษีก็คือผลผลิตต่าง ๆ ที่จะถูกนำมารวบรวมเอาไว้ในยุ้งฉางของศาสนสถาน ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการแจกจ่ายในฐานะของค่าแรงแก่ช่างและคนงานที่ถูกจ้างให้เข้ามาก่อสร้างและพัฒนาอาณาจักรต่อไป โดยส่วนใหญ่แล้ววัดมักจะเป็นสถาบันขนาดใหญ่ที่มีทั้งที่ดินและฝูงปศุสัตว์ในการเพาะปลูกได้มากด้วยในอีกทางหนึ่ง
⭐ “ทรัพย์ในดินสินในน้ำ” จากกสิกรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ถึงเหมืองหินและฟาร์มปศุสัตว์
กล่าวกันว่าชาวอียิปต์เป็นกลุ่มอารยธรรมแรกที่หันมาทำเกษตรขนาดใหญ่ ซึ่งการเกษตรนี้เองก็ได้เป็นหนึ่งในปัจจัยแห่งความมั่งคั่งของอาณาจักรได้เป็นอย่างดี ตลอดจนสามารถผลิตผลผลิตทางเกษตรได้มากในแต่ละปีทั้งพืชที่ใช้เป็นอาหารอย่างข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลีเอ็มเมอร์ ตลอดจนพืชอุตสาหกรรมอย่างต้นกกที่นำมาใช้ในการทำกระดาษปาปิรุส ไปจนถึงพืชให้เส้นใยต่าง ๆ ที่ใช้ในสิ่งทอ เป็นต้น
2
ฤดูการทำกสิกรรมของชาวอียิปต์โบราณสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดูตามวงจรของแม่น้ำไนล์ โดยเริ่มด้วยฤดูน้ำหลากหรืออาเคต (Ꜣḫt - ตรงกับฤดูฝน) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำในแม่น้ำไนล์เอ่อท่วมและพาเอาตะกอนที่อุดมสมบูรณ์เข้ามาบนดิน พอน้ำลดลงก็จะเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกหรือ แปแรต (Prt - ตรงกับฤดูหนาว) ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวหรือ แชมู (šmw - ตรงกับฤดูร้อน)
นอกเหนือจากการเกษตรที่ชาวอียิปต์ใช้หากินเป็นอาชีพหลักแล้ว อีกหนึ่งทรัพยากรสำคัญของอียิปต์ที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมดก็คือในเรื่องของสัตว์ การปศุสัตว์ก็เป็นเหมือนกันกับข้าว คือถ้าเลี้ยงปศุสัตว์จำพวกวัวเอาไว้เป็นฝูงใหญ่ก็ต้องจ่ายภาษีแพง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังบ่งบอกถึงความร่ำรวยและสถานะทางสังคมด้วยในอีกทางหนึ่ง
สัตว์นับว่าเป็นอะไรที่มีความสำคัญในระบบความเชื่ออยู่มาก ดังที่เราสามารถเห็นได้ผ่านเทพเจ้าอียิปต์ต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมระหว่างมนุษย์กับสัตว์เข้าไว้ด้วยกัน ตลอดจนมีการใช้งานวัวและลาเป็นสัตว์ใช้แรงในการลากคันไถ ไม่เพียงเท่านั้น บ่อยครั้งวัวยังถูกใช้เป็นในฐานะของเครื่องสังเวยในอีกทางหนึ่ง
อีกหนึ่งทรัพยากรทรงคุณค่าของอียิปต์ก็คือในเรื่องของเหมือง สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ในอียิปต์ทำมาจากหินก้อนใหญ่มหึมา ตลอดจนมีการใช้หินในงานศิลปกรรมต่าง ๆ แร่ธาตุต่าง ๆ เองก็พบได้มากในดินแดนอียิปต์ดังที่พบเห็นว่ามีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่นการใช้เกลือจากเมืองวาดินัตรูนในการถนอมมัมมี่
หรือถ้าเดินทางออกไปไกลหน่อยแถว ๆ ใกล้ ๆ กับนูเบียก็พบเหมืองทอง หรือถ้าเป็นทองเฉพาะในอียิปต์เองจะได้ทองจากการร่อนทอง ถ้าไปแถววาดิฮัมมามัตก็จะเจอแหล่งหินแกรนิต เป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรมเหมืองก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ที่สำคัญของอียิปต์โบราณไม่แพ้กัน
⭐ สอดส่อง “การค้าอียิปต์” จากทะเลทรายสู่มหาสมุทร
อียิปต์นับว่าเป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์มากหากเทียบกับกลุ่มอาณาจักรอื่น ๆ ในซาฮาร่าหรือในอาระเบีย ซึ่งความที่มีมากกว่าคนอื่นนี่เอง ที่ทำให้อียิปต์มีในสิ่งที่อาณาจักรอื่นไม่มี และสามารถนำไปค้าขายส่งออกได้อย่างง่ายดาย
เส้นทางการค้าทางบกในอียิปต์โบราณที่สำคัญเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านผืนดินจากแม่น้ำไนล์ไปยังทะเลแดง เป็นการนำเอาสินค้าที่เดินทางไปมาในอียิปต์ผ่านแม่น้ำไนล์ มาขนส่งข้ามไปยังทะเลแดงเพื่อที่จะเดินทางไปยังส่วนอื่น ๆ ต่อเช่นเดินทางไปอาระเบียหรือกลุ่มดินแดนเอเชียอื่น ๆ ซึ่งจากทะเลแดงก็จะขนส่งทางเรือออกไป เป็นส่วนต่อขยายจากการค้าทางบกไปสู่การค้าทางทะเล นอกจากการค้าขายทางเรือออกไปทางทะเลแดงแล้ว เส้นทางการค้าในทะเลเมดิเตอเรเนียนเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กันผ่านการติดต่อค้าขายกับชาวกรีก
สินค้าส่งออกหลักของอียิปต์นับว่ามีมากมายหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ในส่วนของพืชพันธุ์ธัญญาหารซึ่งเป็นผลผลิตหลักของอาณาจักรโดยมีกลุ่มประเทศในอาระเบียหรือเลอวานต์เป็นลูกค้าหลัก นอกจากนี้แล้วกระดาษปาปิรุสเองก็ขายดี ทองและใยลินินก็ได้รับความนิยมสูง
นอกจากผลผลิตจากทรัพย์ในดินสินในน้ำเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีงานประดิษฐ์หรืองานฝีมืออย่างเครื่องปั้นและเครื่องประดับที่ถูกส่งออกไปขายเหมือนกัน ในส่วนของสินค้าที่นำเข้ามาที่สำคัญเลยก็คือเครื่องเทศที่เดินทางจากดินแดนตะวันออกเข้ามายังอียิปต์ผ่านกลุ่มพ่อค้าอาหรับ นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าไม้จำพวกไม้ซีด้าไปจนถึงไม้มะเกลือ ตลอดจนพวกแร่หรือธาตุอื่น ๆ ทั้งทองแดง ดีบุก งาช้าง เข้ามาด้วย โดยการค้าของอียิปต์แผ่ขยายไปไกลถึงกลุ่มอัสซีเรียที่ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญในการนำเข้าแร่ลาพิส
จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น เราพอที่จะเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจของอียิปต์โบราณอย่างสังเขปได้บ้าง อียิปต์โบราณนับว่าเป็นอีกหนึ่งสังคมเกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่มีระบบเศรษฐกิจที่มีอำนาจมหาศาลต่อภูมิภาคลุ่มแม่น้ำไนล์ในยุคโบราณ
ด้วยความที่เป็นสังคมสมบูรณาญาสิทธิราชอันมีฟาโรห์เป็นกษัตริย์สมมติเทพได้รวมเอานโยบายในด้านของการพัฒนาเศรษฐกิจมาไว้ที่ศูนย์กลาง โดยมีมหาเสนาบดีเป็นผู้ออกมาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่การวางนโยบายทางเศรษฐกิจของอาณาจักร ไปจนถึงการเก็บภาษี โดยอย่างที่เราได้กล่าวไปว่าที่อียิปต์โบราณไม่ได้ใช้เงินเป็นอัตราแลกเปลี่ยน หากแต่ใช้ผลผลิตแทน ทำให้ภาษีทั้งหลายนั้นเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ตลอดจนปศุสัตว์และหินแร่ต่าง ๆ ที่ถูกนำมารวบรวมในศาสนสถานซึ่งทำหน้าที่เสมือนกับยุ้งฉางและคลังของเมือง
ภาษีเหล่านี้เองที่จะถูกนำไปจ่ายเป็นค่าแรงของเหล่าคนงาน และข้าราชการที่เข้ามาทำงานให้กับอาณาจักร รวมถึงมีส่วนสำคัญในโครงการก่อสร้างและพัฒนาอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นมาก็ด้วยปัจจัยสำคัญอย่างทำเลที่ตั้งของอาณาจักรใกล้กับสายธารแห่งชีวิตอย่างแม่น้ำไนล์ที่อุดมสมบูรณ์และเกื้อหนุนให้ปัจจัยต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างมั่งคั่งอีกด้วย…
เรื่อง : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #เกษตรกรรม #อียิปต์ #เศรษฐกิจ #แม่น้ำไนล์ #ภูมิศาสตร์ #อียิปต์โบราณ #การค้า #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
ประวัติศาสตร์
เศรษฐกิจ
ข่าวรอบโลก
35 บันทึก
31
14
35
31
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย