วันนี้ เวลา 06:00 • สิ่งแวดล้อม

ปี 2024 ร้อนสุดรอบ 125,000 ปี ใกล้ถึงจุดวิกฤติเต็มที นักวิทย์เตือนต้องลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

รายงานฉบับใหม่ซึ่งนำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอเรกอนสเตท ร่วมกับสถาบันวิจัยผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศพอตสดัม (PIK) ชี้ให้เห็นว่าปี 2024 น่าจะร้อนกว่าจุดสูงสุดของยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 125,000 ปีก่อน
นักวิจัยได้ติดตาม “สัญญาณชีพของโลก” 34 รายการ เช่น อุณหภูมิโลก ระดับก๊าซเรือนกระจก การสูญเสียน้ำแข็งในทะเล และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เพื่อประเมินสภาวะสุขภาพของโลก พบว่า
อุณหภูมิพื้นผิวโลกในปี 2024 สูงเกินกว่าระดับที่เคยพบเห็นนับตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 125,000 ปีก่อน ขณะที่ช่วงทศวรรษระหว่างปี 2015-2024 ถือเป็นช่วง 10 ปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก
ภายในกลางปี ​​2025 อุณหภูมิพื้นผิวโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตถึง 1.54 องศาเซลเซียส และอยู่ในระดับสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ สิ่งนี้ยืนยันว่าแนวโน้มภาวะโลกร้อนในระยะยาวกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้โลกยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ผู้เขียนรายงานระบุว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล
ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ในบรรยากาศ ล้วนอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในปี 2025 โดยในเดือนพฤษภาคม 2025 ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยที่หอดูดาวเมานาโลอาในฮาวาย สูงเกิน 430 ส่วนในล้านส่วน เป็นระดับที่ไม่น่าจะพบเห็นได้ในรอบหลายล้านปี
แม้พลังงานหมุนเวียนจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 การใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมจะเพิ่มขึ้น 16.4% แต่การบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงสูงกว่าถึง 31 เท่า ทำให้ในปี 2024 เป็นปีที่มีการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
รายงานสนับสนุนให้มีการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างรวดเร็ว เพิ่มการลงทุนขนาดใหญ่ในพลังงานหมุนเวียน พร้อมอนุรักษ์แหล่งดูดซับคาร์บอนตามธรรมชาติ เช่น ป่าไม้และพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยจำเป็นต้องขยายขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 70% ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกภายในปี 2050 หากไม่ถึงเป้าอาจจะทำให้เกิดต้นทุนที่สูงขึ้น สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น และผลกระทบที่ไม่อาจย้อนกลับได้
อ่านต่อ:
โฆษณา