12 พ.ย. เวลา 09:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

💥 เมื่ออินเทอร์เน็ตล่ม... และรัฐบาลไม่มีแผน กลุ่มแฮกเกอร์จึงสร้าง 'แผนสำรอง' ของตัวเอง

วลาดิมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) เคยเตือนว่า สังคมทั้งหลายอยู่ห่างจากความโกลาหลเพียงแค่ “อาหารสามมื้อ” เท่านั้น แต่ในโลกดิจิทัลสมัยใหม่ ความจริงอาจเปลี่ยนไป
เพราะสิ่งที่กั้นมนุษย์ออกจากอนาธิปไตยอาจเป็นเพียง “สัญญาณ Wi-Fi”
ทุกมิติของชีวิตประจำวันในศตวรรษที่ 21 พึ่งพาคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตอย่างสูง และเมื่อระบบเหล่านี้ล้มเหลว ความล้มเหลวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ตัวอย่างชัดเจนคือเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วสเปนและโปรตุเกสเมื่อต้นปี 2025 ที่ทำให้สัญญาณไฟจราจรดับ ถนนติดขัด บริการฉุกเฉินไม่สามารถรับสายได้ และการค้าขายหยุดชะงัก แม้แต่เครือข่ายโทรคมนาคมในโมร็อกโกและกรีนแลนด์ก็ล่มตามไปด้วย เนื่องจากพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ในสเปน
คำถามสำคัญคือ รัฐบาลทั่วโลกมีแผนรับมือกับเหตุอินเทอร์เน็ตล่มครั้งใหญ่จริงหรือไม่? วาเลอรี ออโรรา (Valerie Aurora) ตำนานแห่งโลกเทคโนโลยีผู้มีบทบาทในระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สอย่าง Linux ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ดูเหมือนจะไม่มีนะ” ความกังวลนี้ผลักดันให้ออโรราและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แฮกเกอร์ นักวิทยุสมัครเล่น และนักกฎหมายกว่า 10 คน มารวมตัวกันที่ร้านกาแฟเก่าแก่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
สิ่งที่เกิดขึ้นคือการก่อตั้ง Internet Resiliency Club (IRC) ชมรมอาสาสมัครเพียงแห่งเดียวในโลกที่มุ่งพัฒนาแผนการรีบูตอินเทอร์เน็ตในกรณีเกิดภัยพิบัติ พวกเขากำลังทดสอบเทคโนโลยีที่สามารถฟื้นฟูการเชื่อมต่อเครือข่ายได้จริง และทำทั้งหมดนี้ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ พร้อมกาแฟและเค้ก
ออโรรากล่าวปิดท้ายว่า “ฝันร้ายของฉันคือการที่บางอย่างผิดพลาด แล้วฉันติดต่อใครไม่ได้เลย ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สิ่งต่างๆ กลับมาทำงานได้อีกครั้ง”
🌐 โครงสร้างพื้นฐานที่เปราะบางที่สุด และภัยคุกคามที่อาจทำให้โลกหยุดชะงัก
อินเทอร์เน็ตถูกมองว่าเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่ซับซ้อนและสำคัญที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างขึ้น ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา มันได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นระบบธนาคารโลก การทหาร เครือข่ายโทรศัพท์ ไปจนถึงสาธารณูปโภคด้านน้ำและไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์ก็กำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมและส่งผลให้กริดไฟฟ้าและศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ออฟไลน์
  • ความตึงเครียดทางการเมืองและสงคราม ที่อาจนำไปสู่การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ
  • การโจมตีทางไซเบอร์ ที่เกิดขึ้นทุกวันจากแฮกเกอร์ทั่วโลก
และแม้จะหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด ก็ยังมีภัยคุกคามจากธรรมชาติ เช่น พายุสุริยะ (Solar Storm) ที่รุนแรงในระดับเดียวกับเหตุการณ์คาร์ริงตัน (Carrington Event) ปี ค.ศ. 1859 ซึ่งเคยทำให้สายโทรเลขลุกเป็นไฟและช็อตผู้ควบคุม
แทรมเมล ฮัดสัน (Trammell Hudson) แฮกเกอร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ รวมถึงสมาชิกของ IRC อธิบายว่า “หากเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน มันก็มีศักยภาพที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตทั้งระบบล่มได้ ดวงอาทิตย์มีพลังงานในระดับที่มนุษย์แทบจินตนาการไม่ถึง”
ในขณะเดียวกัน ออโรรากล่าวเสริมว่า “ดูเหมือนจะไม่มีแผนการอย่างเป็นทางการใดๆ ในการซ่อมแซมอินเทอร์เน็ตที่เสียหายอย่างรุนแรง หากมีแผนอยู่จริง มันก็ถูกเก็บเป็นความลับจากทุกคนที่ควรรู้และควรจะเป็นผู้ปฏิบัติ”
🧑‍🤝‍🧑 อาสาสมัครผู้วางแผนฟื้นฟูอินเทอร์เน็ตในยามวิกฤติ
ในช่วงเวลาที่โลกเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน อาสาสมัครของ IRC ได้ก้าวเข้ามาเป็นความหวังใหม่ พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของเพื่อนร่วมงานในยูเครน ที่ต้องใช้ทั้งความกล้าหาญและไหวพริบเพื่อรักษาระบบออนไลน์ให้คงอยู่ท่ามกลางการรุกรานทั้งทางไซเบอร์และทางกายภาพจากรัสเซีย
ด้วยแรงบันดาลใจดังกล่าว อาสาสมัครกว่า 150 คน ของ IRC จึงเริ่มร่างแผนการที่พวกเขาเชื่อว่าจะสามารถช่วยฟื้นฟูอินเทอร์เน็ตที่พังทลายได้ แม้เป้าหมายจะดูทะเยอทะยาน แต่จุดเริ่มต้นของพวกเขากลับเรียบง่าย "จากการคิดเล็กๆ"
แม้อินเทอร์เน็ตจะเป็นเครือข่ายระดับโลก แต่ความสามารถในการเชื่อมต่อธุรกิจและผู้คนภายในเมืองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น เป้าหมายเร่งด่วนของ IRC คือการสร้างบริการระดับท้องถิ่นที่สามารถพากรุงอัมสเตอร์ดัมกลับมาออนไลน์ได้ โดยเฉพาะการช่วยให้บริษัทสาธารณูปโภคและบริการสำคัญต่างๆ สามารถกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง
🔄 ความท้าทาย “ปัญหาบูตสแตรป” ในการฟื้นฟูอินเทอร์เน็ต
การฟื้นฟูอินเทอร์เน็ตหลังเกิดวิกฤติไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ต้องอาศัยการเปลี่ยนกรอบความคิดอย่างสิ้นเชิง โจ เอลีย์ (Joe Abley) อาสาสมัครของ IRC เล่าว่า ในฐานะพนักงานของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เขาต้องต่อสู้กับการโจมตีทางไซเบอร์ขนาดใหญ่หลายครั้งต่อวัน สิ่งที่ทำให้เขารับมือได้คือความสามารถในการสื่อสารและประสานงานกับวิศวกรซอฟต์แวร์จากหลายบริษัทและหลายประเทศอย่างรวดเร็ว
เครื่องมืออย่าง อีเมล วิดีโอคอลล์ และแชท คือหัวใจสำคัญของการสื่อสารเหล่านี้ และเป็นวิธีที่ชัดเจนที่ออโรราและทีมอาสาสมัคร IRC จะใช้ในการประสานงานเพื่อกู้คืนอินเทอร์เน็ต แต่ปัญหาคือ เครื่องมือทั้งหมดนี้ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตในการทำงาน ซึ่งหมายความว่าเมื่อระบบล่ม เครื่องมือเหล่านี้ก็ไร้ประโยชน์ทันที
ออโรราอธิบายสถานการณ์นี้ว่าเป็น “ปัญหาบูตสแตรป” (Bootstrap Problem) โดยตั้งคำถามว่า “คุณจะเชื่อมต่อกลับมาได้อย่างไร ในเมื่อคุณไม่มีการเชื่อมต่อ และทุกคนที่สามารถซ่อมมันได้ก็ไม่มีแผน ไม่รู้ว่าจะไปเจอกันที่ไหน หรือควรเริ่มจากตรงไหน”
ทีม IRC จึงต้องหันไปพึ่งพาเครื่องมือที่แตกต่างออกไป เช่น โทรศัพท์ดาวเทียม (Satellite Phones) ซึ่งสามารถใช้สื่อสารระยะไกลได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีนี้จะมีประโยชน์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอหากไม่มีการเตรียมการที่รอบคอบ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเหตุการณ์ไฟดับในสเปนและโปรตุเกส ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์บางคนมีโทรศัพท์ดาวเทียม แต่กลับไม่มีสำเนาฮาร์ดก๊อปปี้ของรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดต่อเพื่อฟื้นฟูพลังงาน ทำให้เครื่องมือที่มีอยู่แทบไร้ค่า
📶 Meshtastic: นวัตกรรมการสื่อสารราคาประหยัดเพื่อโลกไร้อินเทอร์เน็ต
ทีมอาสาสมัครของ IRC กำลังมุ่งมั่นพัฒนาวิธีแก้ปัญหาราคาประหยัดสำหรับการสื่อสารในสถานการณ์ที่อินเทอร์เน็ตล่ม พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างจริงในหลายประเทศ และกำลังวางแผนที่จะนำแนวทางเหล่านี้ไปใช้จริง
ภาพที่สะท้อนความก้าวหน้าของทีมปรากฏให้เห็นเมื่อสมาชิกหลายคนหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กออกมาวางบนโต๊ะกาแฟ บางชิ้นเป็นแผงวงจรพิมพ์เปลือยพร้อมชิปและเสาอากาศ ขณะที่บางชิ้นถูกบรรจุในกล่องที่พิมพ์ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ แม้จะดูเรียบง่าย แต่สำหรับอาสาสมัคร IRC อุปกรณ์เหล่านี้อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งหากอินเทอร์เน็ตทั่วโลกหยุดทำงาน
อุปกรณ์ดังกล่าวมาจากโครงการ Meshtastic ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถสื่อสารได้แม้ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบดั้งเดิม เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นความถี่วิทยุที่ไม่ต้องขออนุญาต (unlicensed spectrum) เพื่อส่งข้อความสั้นและข้อมูลขนาดเล็ก แม้จะไม่สามารถใช้จัดประชุมออนไลน์เช่น Zoom ได้ แต่ในภาวะฉุกเฉิน มันก็เพียงพอที่จะถ่ายทอดข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการประสานงาน
จุดเด่นของ Meshtastic คือความสามารถในการสร้างเครือข่ายเมช (Mesh Network) เมื่อมีอุปกรณ์จำนวนมากพอ วิทยุเหล่านี้สามารถแพร่ภาพ รับ และส่งต่อข้อมูล ทำให้ข้อความสามารถเดินทางจากปลายด้านหนึ่งของเครือข่ายไปยังอีกด้านหนึ่งได้ทั่วทั้งเมือง
สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้โดดเด่นยิ่งขึ้นคือการใช้พลังงานต่ำมาก อุปกรณ์ Meshtastic สามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยใช้เพียงแผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก ซึ่งหมายความว่ามันสามารถคงการทำงานของเครือข่ายย่อยได้แม้ในกรณีที่กริดไฟฟ้าล่ม
🚧 การทดสอบในโลกจริง (ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องงาน)
แม้ว่าในเชิงทฤษฎี วิทยุ Meshtastic จะดูเหมือนเป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสื่อสารในโลกไร้อินเทอร์เน็ต แต่สำหรับอาสาสมัครของ IRC พวกเขาต้องการมากกว่าคำอธิบายบนกระดาษ พวกเขาจึงเริ่มต้นการ “ทดสอบอย่างหนัก” (Stress-Testing) เพื่อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถตอบโจทย์ในสถานการณ์จริงได้หรือไม่
ระหว่างการทดสอบ มีการเปิดใช้งานเครื่อง Meshtastic หนึ่งเครื่อง และข้อความแชทสั้นๆ ก็ปรากฏขึ้น เช่น “Can you hear me?” จากผู้ใช้งานในอัมสเตอร์ดัมที่ทดลองอุปกรณ์นี้เพื่อความสนุกสนาน รวมถึงข้อความถามถึงงาน “Rave” ในเมือง สัญญาณเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีมีศักยภาพ แต่สำหรับทีม IRC ยังไม่แน่ใจว่าจะนำมาใช้จริงในแผนการฟื้นฟูอินเทอร์เน็ตหรือไม่ เนื่องจากอุปกรณ์ยังคงใช้งานได้ยาก แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ตาม
ฮัดสัน กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “นี่คือเทคโนโลยีสำหรับนักทดลองและแฮกเกอร์ ไม่ใช่สินค้าทั่วไปที่สามารถหยิบขึ้นมาแล้วใช้งานได้ทันที”
นอกจากนี้ ทีมยังพบข้อจำกัดที่สำคัญ ผู้ผลิตบางรายอ้างว่าอุปกรณ์มีระยะทำการถึง 10 กิโลเมตร แต่การทดสอบจริงในเมืองที่มีตึกสูงและคลื่นรบกวนหนาแน่นกลับแสดงผลเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งหมายความว่าหากต้องการใช้งานในเมืองใหญ่อย่างอัมสเตอร์ดัม จะต้องติดตั้งวิทยุหลายร้อยเครื่องตามอาคารทั่วเมือง การดำเนินการเช่นนี้เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อเมืองเต็มไปด้วยอาคารประวัติศาสตร์ที่อยู่ภายใต้กฎระเบียบการอนุรักษ์ที่เข้มงวด
แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ ฮัดสันยังคงกระตือรือร้นที่จะทดลองต่อไป เขากำลังทดสอบวิธีการส่งข้อมูลที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการสละความจุเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือปรับสมดุลเพื่อหาวิธีที่เชื่อถือได้ที่สุดในการสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน
🥪 แผนปิกนิกที่เดิมพันด้วยอนาคต
ด้วยข้อแลกเปลี่ยนระหว่างความน่าเชื่อถือและความสะดวกในการใช้งาน อาสาสมัครของ IRC กำลังสำรวจว่าพวกเขาสามารถประสานงานและทำงานร่วมกันได้ง่ายเพียงใดโดยใช้เพียงอุปกรณ์ Meshtastic เท่านั้น การทดสอบเชิงปฏิบัติถูกออกแบบมาให้เรียบง่าย แต่สะท้อนถึงสถานการณ์จริง เช่น การขอให้อาสาสมัครหลายสิบคนออกจากบ้านโดยไม่มีโทรศัพท์มือถือ และนัดหมายการจัดปิกนิกแบบกะทันหัน โดยใช้วิทยุ Meshtastic เพื่อตัดสินใจสถานที่และแบ่งหน้าที่ว่าใครจะนำอาหารหรือเครื่องดื่มใดมาร่วมงาน
แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทีมในการสร้างระบบสื่อสารที่สามารถใช้งานได้จริงในภาวะที่อินเทอร์เน็ตล่ม เอลีย์หนึ่งในสมาชิก IRC กล่าวไว้ว่า “ไม่มีแผนสำรองใดที่ดีพอ หากคุณไม่ทดสอบมัน ถ้าเราต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ในการสื่อสาร และเราได้ฝึกฝนมาแล้ว โดยไม่ได้ทิ้งไว้จนนาทีสุดท้ายแล้วค่อยมาลอง ผมคิดว่ามันจะยอดเยี่ยมมาก”
การทดสอบเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการฝึกฝน แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเทคโนโลยี Meshtastic สามารถรองรับการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉินได้จริง และช่วยให้ทีมอาสาสมัครพร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในโลกที่อินเทอร์เน็ตไม่เสถียรหรือหยุดทำงาน
💣 ระเบิดเวลาที่กำลังเดิน: โลกต้องการแผนฟื้นฟูอินเทอร์เน็ตจริงหรือไม่?
คำถามสำคัญที่ยังไม่มีใครตอบได้คือ แผนการของ IRC จะมีความจำเป็นต้องใช้จริงหรือไม่ สมาชิกกลุ่มยอมรับว่ารัฐบาลอาจกำลังพัฒนาแผนของตนเองอยู่ เพียงแต่เก็บเป็นความลับเนื่องจากข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอาจเป็นอันตรายหากตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี
แต่อย่างไรก็ตาม ออโรราได้ตั้งข้อสงสัยว่าแผนดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ เนื่องจากการจัดทำแผนระดับนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล เธอยังชี้ให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันอาจกำลังมีความยืดหยุ่นน้อยลงด้วยซ้ำ โดยยกตัวอย่างการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยุบสำนักงานความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (CISA) ซึ่งเคยทำหน้าที่ตรวจสอบความพยายามของต่างชาติในการเจาะเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบการลงคะแนนเสียงและกริดไฟฟ้า
แม้แต่ความพยายามที่จะเสริมสร้างความยืดหยุ่นของอินเทอร์เน็ตก็ยังถูกต่อต้าน ออโรราเล่าว่าเธอเพิ่งเข้าร่วมการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เกี่ยวกับกฎหมายความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ของสหภาพยุโรป (EU’s Cyber Resilience Act) ซึ่งมีข้อเสนอให้แบนการขายอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่รู้จักกันดีในอนาคต
แต่ผู้ผลิตบางรายกลับโต้แย้ง โดยต้องการให้การแบนครอบคลุมเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่ในฐานข้อมูลของ EU เท่านั้น หมายความว่าอุปกรณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกชี้ว่ามีช่องโหว่ แต่ยังไม่ถูกบันทึกในฐานข้อมูล ก็ยังสามารถวางขายได้ต่อไป
“นี่คือโลกที่เราอยู่ในนั้น” ออโรรากล่าว “ความปลอดภัยทางไซเบอร์คือหายนะโดยสิ้นเชิง”
ความเข้าใจนี้เองที่ผลักดันให้อาสาสมัคร IRC เดินหน้าต่อ แม้งานที่รออยู่ข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ และหากวันหนึ่งอินเทอร์เน็ตล่มสลายลงอย่างรุนแรงจริงๆ โลกก็อาจได้รู้กันว่าแผนของพวกเขามีความหมายมากเพียงใด
🏡 สังคมไร้เงินสดในไทย: ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่และบทเรียนจากวิกฤติอินเทอร์เน็ต
สำหรับคนไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะในชีวิตประจำวัน ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” อย่างรวดเร็ว ผู้คนพึ่งพา Mobile Banking และการสแกน QR Code ในการทำธุรกรรมแทบทุกอย่าง ตั้งแต่การซื้อกาแฟริมทาง การจ่ายค่าแท็กซี่ ไปจนถึงการสั่งอาหารผ่าน Grab หรือ Lineman รวมถึงการสื่อสารหลักผ่าน Line ทั้งหมดนี้ล้วนเชื่อมโยงกับสิ่งเดียวคือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน 4G/5G หรือ Wi-Fi
หากลองจินตนาการถึงสถานการณ์เช่นในสเปน ที่โทรศัพท์ดาวเทียมไร้ประโยชน์เพราะรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้พกสมุดจดเบอร์โทรศัพท์อีกต่อไป และหลายคนก็ไม่พกเงินสดจำนวนมาก หากวันหนึ่งระบบธนาคารล่มหรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตหายไป ความโกลาหลที่ เลนิน เคยเตือนว่าเกิดขึ้นได้ภายใน “อาหารสามมื้อ” อาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นในสังคมดิจิทัลยุคใหม่
ดังนั้น การเตรียมพร้อมในระดับบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการมีสำเนาเอกสารสำคัญในรูปแบบกระดาษ (ไม่ใช่เก็บไว้เพียงในคลาวด์) หรือการมีเงินสดสำรองติดบ้านเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน การป้องกันความเสี่ยงเช่นนี้คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยสามารถรับมือกับวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นได้จริง
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ภัยคุกคามที่ถูกมองข้าม: อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องจักรที่เปราะบางอย่างยิ่ง และกำลังถูกคุกคามจากหลายปัจจัย (พายุสุริยะ, สงคราม, ภัยพิบัติ) แต่นักเชี่ยวชาญเชื่อว่ารัฐบาล "ไม่มีแผนสำรอง" ที่แท้จริง
✅ IRC ถือกำเนิด: กลุ่มอาสาสมัครแฮกเกอร์และผู้เชี่ยวชาญในชื่อ "Internet Resiliency Club (IRC)" จึงก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างแผนสำรองของตนเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากยูเครน
✅ ปัญหาบูตสแตรป: ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือ "จะสื่อสารเพื่อซ่อมเน็ตได้อย่างไร ถ้าเน็ตล่มไปแล้ว?" ดังตัวอย่างจริงในสเปนที่โทรศัพท์ดาวเทียมไร้ค่าเพราะไม่มี "เบอร์โทร" ที่เป็นกระดาษ
✅ ทางแก้ (Meshtastic): IRC กำลังทดสอบ "Meshtastic" วิทยุพลังงานต่ำที่สร้างเครือข่าย "เมช" (Mesh Network) ในเมืองเพื่อส่งข้อความสั้นๆ โดยไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต หรือกริดไฟฟ้า (ใช้โซลาร์เซลล์ได้)
✅ ความจริงอันน่ากังวล: เทคโนโลยีนี้ยังไม่พร้อมใช้งานจริง (ระยะสั้น, ใช้งานยาก) ในขณะที่ความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยรวมกำลัง "แย่ลง" และบริษัทต่างๆ ยังคงพยายามหาช่องโหว่ในกฎหมายเพื่อขายอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่
💬 ชวนคิดชวนคุย
ถ้าพรุ่งนี้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศล่ม และคุณไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคาร, Line หรือ GPS ได้เลย... สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร และคุณคิดว่าคุณเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์นั้นได้ดีแค่ไหนครับ?
📚 แหล่งอ้างอิง
1. RIPE 91. (2025). Internet Resiliency Club update. RIPE NCC. https://ripe91.ripe.net/programme/meeting-plan/sessions/55/BCMZQH/
2. Bow Shock Systems Consulting. (n.d.). Start your own Internet Resiliency Club. Bow Shock. https://bowshock.nl/irc/
3. Meshtastic Project. (n.d.). Meshtastic – Off-grid communication using LoRa. Meshtastic.org.. https://meshtastic.org/
4. GitHub – Meshtastic. (n.d.). Meshtastic open-source repository. GitHub. https://github.com/meshtastic
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา