Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
AI-2518-68
•
ติดตาม
11 พ.ย. เวลา 02:52 • นิยาย เรื่องสั้น
จังหวะที่ไม่สมดุล : The Asymmetric Pulse
“มนุษย์สร้างเครื่องวัดหัวใจของตนเอง แต่สิ่งที่มันสะท้อนกลับมา คือเสียงเต้นของโลกทั้งใบ”
ภาค 1 : ยุคก่อนสมดุล (Pre-Bio-State Era : 2140 – 2169)
จากบันทึกของนักจิตประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 23
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 22 มนุษย์เข้าสู่ยุคที่สมองเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้โดยตรงอย่างเต็มรูปแบบ ยุคที่เรียกว่า “Age of Cognitive Web”
ทุกความคิดสามารถส่งต่อถึงกันได้ในเสี้ยววินาที ความทรงจำถูกแลกเปลี่ยนราวกับไฟล์ข้อมูล และอารมณ์สามารถแชร์ข้ามระยะทางได้เหมือนคลื่นวิทยุ แต่ความใกล้ชิดเชิงจิตนั้นกลับมาพร้อมกับสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด: โรคระบาดทางอารมณ์
1. Mental Cascade Disorder: เมื่ออารมณ์กลายเป็นไวรัส
ในปี 2148 ประวัติศาสตร์มนุษย์จารึกจุดเปลี่ยนสำคัญของวิวัฒนาการทางจิต จุดที่ “การเชื่อมโยง” กลายเป็น “การระบาด”
นคร นีโอ–โซล ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมอง (Neural Interface) รายงานผู้ป่วยกลุ่มแรกที่มีอาการ “สะท้อนอารมณ์เกินควบคุม” ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ได้มีโรคทางกายหรือความผิดปกติทางสมองในเชิงโครงสร้าง หากแต่จิตของพวกเขาเกิดการ “สะท้อนคลื่นอารมณ์” จากผู้อื่นโดยตรง พวกเขารู้สึกเศร้า โกรธ หรือหวาดกลัวโดยไม่มีต้นเหตุภายในตนเอง
เครือข่ายสังคมของโลกในขณะนั้น คือ NeuroLink Mesh ระบบการเชื่อมต่อสมองแบบจิตต่อจิต (Mind-to-Mind Communication) ที่เปิดใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก การสื่อสารไม่ต้องผ่านภาษาอีกต่อไป
ผู้คนแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความทรงจำ และสัญญาณทางอารมณ์โดยตรง ซึ่งในช่วงแรกถูกมองว่าเป็นก้าวกระโดดของมนุษยชาติ การลบพรมแดนแห่งความเข้าใจ
แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมา สิ่งที่เริ่มต้นในฐานะ “ความเข้าใจ” กลับกลายเป็น “การติดเชื้อทางอารมณ์”
รายงานจากองค์การสาธารณสุขโลกในเวลานั้น ระบุผู้ใช้หลายล้านคนเกิดอาการ “จิตตกพร้อมกัน” ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง หลังเหตุการณ์ การล่มของอาณานิคมดาวอังคารรุ่นแรก (Martian Collapse Incident)
ผู้คนทั้งโลกจมอยู่ในความเศร้าโดยไม่มีเหตุผลส่วนตัว เหมือนคลื่นอารมณ์มหาศาลได้กวาดผ่านจิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ รัฐบาลหลายประเทศประกาศให้ปรากฏการณ์นี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก และนักจิตประสาทเริ่มใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
“Mental Cascade Disorder” ความผิดปกติจากการแพร่กระจายของอารมณ์ผ่านเครือข่ายประสาทเชื่อมโยง
ประชาชนทั่วไปเรียกมันง่าย ๆ ว่า “มหาวิบัติแห่งความรู้สึก” (The Great Sentient Plague)
สาเหตุเชิงกลไกของโรคถูกอธิบายภายหลังว่า มาจาก “การล่มของตัวกรองอารมณ์” (Affective Filter Collapse) ภายในระบบเชื่อมต่อสมองรุ่นที่สี่ ซึ่งออกแบบให้เปิดรับสัญญาณอารมณ์แบบไม่มีการหน่วงเวลา เพื่อความสมจริงในการสื่อสาร
ผลคือสมองของผู้ใช้สูญเสียขอบเขตระหว่าง “อารมณ์ของตนเอง” และ “อารมณ์ของผู้อื่น”
ในช่วงเวลาเพียงหกเดือน มนุษยชาติตระหนักว่า พวกเขาได้เปิดช่องทางใหม่ให้กับสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด การแพร่ระบาดของจิตสำนึกหมู่
ผู้คนในเมืองใหญ่เริ่มแสดงพฤติกรรมสอดคล้องกันโดยไม่ตั้งใจ ทั้งเสียงหัวเราะ การร้องไห้ และการลุกฮือด้วยอารมณ์ร่วมที่ไร้เหตุผลชัดเจน มันคือ “โรคติดต่อทางใจ” ในระดับเครือข่าย ที่ไม่มีวัคซีน ไม่มีภูมิคุ้มกัน และไม่มีเส้นแบ่งระหว่างผู้ป่วยกับผู้แพร่เชื้อ
รายงานทางจิตเวชระบุว่า ผู้ป่วยระยะรุนแรงสูญเสียความสามารถในการแยกแยะอารมณ์ของตนเองออกจากของผู้อื่น บางรายพูดประโยคที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคนี้ว่า
“ฉันไม่แน่ใจว่าความเศร้านี้เป็นของฉัน หรือของโลก”
เมื่อโรคขยายวงกว้าง องค์การสหประชาชาติประกาศ “ภาวะฉุกเฉินทางจิตสำนึกโลก” (Global Cognitive Emergency) และสั่งปิดระบบเชื่อมต่อสมองเชิงพาณิชย์ทั้งหมดชั่วคราวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เมืองต่าง ๆ กลายเป็นเขตกักกันทางอารมณ์ โรงเรียนและสถาบันวิจัยเริ่มแยกผู้คนออกจากเครือข่ายเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย แต่ในทางปฏิบัติ ไม่มีมาตรการใดสามารถหยุดคลื่นสะท้อนของอารมณ์ที่ไหลผ่านมนุษย์ต่อมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
วิกฤตครั้งนั้นไม่ได้เพียงท้าทายระบบสาธารณสุข แต่ยังสั่นคลอนปรัชญามนุษย์ทั้งเผ่าพันธุ์ แนวคิดเรื่อง “ความเป็นปัจเจก” ถูกตั้งคำถามอย่างไม่เคยมีมาก่อน เมื่อจิตของมนุษย์ถูกเชื่อมโยงเป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างลึกซึ้ง
มนุษย์เริ่มตระหนักว่า การเชื่อมต่อไม่ใช่เพียงการแลกเปลี่ยนข้อมูล หากคือการแบ่งปันความเจ็บปวดร่วมกันในระดับเผ่าพันธุ์
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดการตื่นตัวทางจิตวิทยาและจริยธรรมครั้งใหญ่ สังคมเริ่มตั้งคำถามว่า มนุษย์สามารถเปิดใจถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวได้จริงหรือไม่ โดยไม่สูญเสียความเป็นตนเอง
ในปี 2150 สองปีหลังจากการระบาดครั้งใหญ่ มหาวิทยาลัยจิตประสาทแห่งนีโอ–โซลได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์เชิงปรัชญาที่ภายหลังถือเป็นรากฐานของยุคใหม่ ชื่อว่า
“Bio-Metric Humanism: มนุษย์ในฐานะผู้สังเกตสภาวะตนเอง”
บทความนั้นเสนอแนวคิดว่า ทางรอดของมนุษย์ไม่ใช่การปิดกั้นเครือข่าย แต่คือการสร้าง “ดัชนีวัดจิต” เครื่องมือที่ช่วยให้แต่ละคนมองเห็นและควบคุมสภาวะภายในของตนอย่างเป็นระบบ ก่อนที่อารมณ์จะกลายเป็นการแพร่เชื้ออีกครั้ง
แนวคิดนี้จะกลายเป็นรากฐานของโครงการยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์หลังยุค Cascade โครงการ Bio-State (2170) ความพยายามครั้งแรกของมนุษยชาติในการ วัดจิตสำนึกของตนเอง เพื่อปกป้องมันจากตัวเอง.
.
เนื่องจาก เนื้อหา ค่อนข้างมาก สามารถอ่าน ต่อ ได้ที่
https://writer.dek-d.com/Su-p-wan/writer/view.php?id=2652530
(ปลอดภัย)
ปรัชญา
เทคโนโลยี
จิตวิทยา
2 บันทึก
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย