Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Side Stories
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 15:28 • ดนตรี เพลง
Vinhomes Ocean Park
G-DRAGON 2025 WORLD TOUR [Übermensch] IN HANOI: ตัวตนที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว
แม้จะเป็นเด็กหนวดคนหนึ่ง
ที่เติบโตมากับวง “BIGBANG”
หลับตานึกถึงทีไรก็ยังจำได้
ถึงภาพความทรงจำยุคบุกเบิก K-POP
เมื่อครั้งกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด
โดยเฉพาะสไตล์ดนตรี
และการเล่าเรื่องราวผ่านเพลง
ที่โดดเด่นเป็นตัวเอง
ทั้งการแรปเป็นไฟที่รับส่งกันไปมา
ระหว่าง “G-DRAGON” และ “T.O.P”
เป็นเสียงสูงสลับต่ำที่โคตรลงตัว
ผสมผสานกับเสียงร้องระดับ DIVO
ของ “TAEYANG” และ “Daesung”
กับเสียงอันทรงพลังทะลุชั้นบรรยากาศ
เปิดเพลงฮิตขึ้นมาเมื่อไหร่
ก็ออกสเต็ปร้องเต้นตามได้ตลอด
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอถึงวาระสำคัญ
เมื่อบรรดาศิลปินที่เรารักในยุคนั้น
พากันแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทางตัวเอง
ดีกรีความอินใน K-POP มันก็ค่อยๆ ลดลงไป
อาจมีบางที่ได้แวะมาฟังศิลปินยุคนี้ตามเทรนด์
ให้พอรู้ว่าโลกดนตรีกำลังก้าวไปแค่ไหน
ก็ยังไม่พอเมื่อเทียบกับ “ช่องว่าง” ที่หายไปของใจ
ยิ่งกับ “G-DRAGON” ที่ห่างหายไปนานถึง 8 ปี
แบบหายไปจริงๆ ไม่มีอัปเดตผ่านโซเชียลใดๆ
และเมื่อเขากลับมาอย่างเต็มรูปแบบจริงๆ
ทำเอาแฟนผมทึ่งในตัวตน แนวคิด ฝีมือ
ทั้งการโลดแล่นในวงการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ก่อนจะโดนตกเป็นหนึ่งใน “FAM”
อย่างที่ไม่เคยตามศิลปินคนไหนมาก่อนเลย
เติมเต็มชีวิตผู้หญิง Gen Y คนหนึ่ง
ให้มีรอยยิ้ม สดใส มีความหมาย
และมีชีวิตชีวาขึ้นมามากมาย
ทุกวันที่คุยกันผมเลยมักจะได้ยิน
เรื่องราวอัปเดตต่างๆ ของจีดี
ทั้งชีวิตส่วนตัว งานเพลง โฆษณา
การออกแบบดีไซน์ ทูต ยันเรื่องน้องแมว
เปิดเพลงอัลบั้มใหม่ฟัง
ครบทุกเพลงวนไปด้วยกัน
เสมือนมีวิกิพีเดียจีดีส่วนตัวก็มิปาน
ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าก็ยังไม่อินใดๆ
คือรู้ว่าเขาเก่ง แต่ยังไม่ทัน “รู้สึก”
ว่าทำไมชายผู้นี้ถึงเป็นมากกว่า
ส่วนหนึ่งของชีวิตศิลปินด้วยกัน
และแฟนเพลงทั่วโลกขนาดนี้
จนกระทั่งได้มาสัมผัสกับตัวในคอนเสิร์ตเดี่ยว
“G-DRAGON 2025 WORLD TOUR [Übermensch] IN HANOI”
ที่แฟนผมลงทุนชวนบินลัดฟ้าไปเวียดนาม
เพื่อดูคอนเต็มรูปแบบให้ได้สมดั่งใจ
หลังผิดหวังครั้งใหญ่ที่แด๊ดดี้
ไม่ได้มาไทยตามกำหนดเดิม
และครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายของเวิลด์ทัวร์
เพราะคอนส่งท้ายที่เกาหลีคงกดให้ทันมิไหว T T
เพียงพริบตาที่ได้ก้าวเท้าเข้ามาใน
สถานที่จัดงานอย่าง “8Wonder Ocean City”
ก็เหมือนได้อยู่ท่ามกลางโลกแห่งจีดี
คล้ายมีรันเวย์ปูพรมแดงอันงดงามระดับไฮเอนด์
มองซ้ายขวาตลอดงานจะได้เห็น
บรรดา “FAM” ทุกเพศทุกวัยพากันแต่งตัว
โคฟเป็นจีดีกัน จัดเต็มเสื้อผ้าหน้าผม
แบบไม่มีใครยอมใครเลย
ทั้งสาวๆ ที่แต่งหน้าแบบติดแกลม
ระยิบ ระยับแวววาไปด้วยกลิตเตอร์
ใส่รองเท้าบูตเพรียวยาวเดินสับๆ ท้าแดด
มีทั้งชุดกุหลาบแดงบานสะพรั่ง ฟูฟ่อง
หรือตัดมาแบบเบาๆ พอเข้ารูป
ทั้งชุดแม่เสือสาวแบบเซ็กซี่
ทั้งแฟชั่นโพกผ้าแบบลูกคุณเริ่ดๆ
(ที่แฟนผมและแฟมด้วยกันเคยแซวว่า
เป็นแฟชั่นคุณยายจียง55+)
ด้านแฟนบอยก็ไม่น้อยหน้าเลย
ทั้งสูทสีแดงเนี้ยบแบบเหนือระดับ
พร้อมกับหมวกฟางบางเฉียบ
ซึ่งเป็น 1 ในไอค่อนประจำตัวจีดี
ที่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของลูฟี่
ตัวเอกหมวกฟางในวันพีซอย่างเดียว ฮ่าา
ส่วนแฟชั่นโพกผ้าจะเป็นสไตล์เท่ๆ
บางคนคลุมหัวไปเลย บางคนก็เอามาใส่
เชื่อมกับหมวกแก๊ปดูแรปเปอร์เดินโยกกันไป
และที่ขาดไม่ได้สำหรับแฟมทุกคน
คือแฟชั่น “ดอกเดซี่กลีบแหว่ง” ซึ่งเป็น
สัญลักษณ์ประจำตัวจีดีนั่นเอง
โดยงานนี้มีทั้งเสื้อยืดแฟนเมด
ชุดเดรสเดซี่แบบฟูฟ่องเสมือนมี
ทุ่งเดซี่ผลิบานเริงระบำอยู่บนตัว
ยันเดซี่แบบสะพาย ใหญ่ตะโกน
หรือแบบทำจากลูกโป่งห้อยเล็กๆ
ตลอดจนของ accessories น้องแมวโจอา
ให้พอเป็นกิมมิคก็น่ารักมิเบา
ตลอดงานผมสัมผัสได้ถึงความรักของพวกเขา
ผ่านสีหน้า แววตา อารมณ์ และจริตท่าทาง
ที่สวมวิญญาณออกมาเป็นจีดี
มีทั้งคนโคฟเหมือนเป๊ะ
ทั้งปรับให้เข้าตามสไตล์ของตัวเอง
ทำให้เห็นว่าเรื่องความเป็นแฟชั่นนิสต้า
เหล่าแฟมนั้นเก่งไม่เบาเลยทีเดียว
เป็นโมเมนต์ที่ทุกคนต่างดูภูมิใจ
และสนุกสดใสที่ได้โคฟเป็นไอดอลคนเก่ง
จนแอบนึกถึงประโยคที่ว่าศิลปินเป็นแบบไหน
แฟนคลับเขาก็จะเป็นแบบนั้นจริงๆ
ดูไปก็ยิ้มตาม คือทุกคนน่ารักมากเลย
(ส่วนคนข้างกายผมก็แต่งเต็มสมใจ
ทั้งผ้าโพกเดซี่ แต่งหน้าแบบมีประกาย
ทั้ง accessories เดซี่แฟนเมดแหวน กำไล
แท่งไฟทุกอย่างพร้อมมาจากไทยเลย เอ็นดูนาง ><)
ยิ่งสำหรับคนเวียดนามแล้ว
นี่คือความพิเศษที่พวกเขา
ต่างรอคอยมานานแสนนาน
นับจากวันที่จีดีมาเยือนครั้งแรก
ในฐานะบิ๊กแบงเมื่อปี 2015 นู่นเลย
มาครั้งนี้กับคอนเดี่ยวเต็มๆ
ยิ่งเติมให้ความหมายของการรอนั้น
เพิ่มขึ้นแบบเท่าทวีคูณ
อ้อ อีกอย่างหนึ่งคือ
บรรดาสินค้าแฟนเมดต่างๆ
ที่ทำออกมาได้น่ารักมากเลย
อย่างเสื้อยืดเดซี่สุดแนวทั้งขาวดำ
จนต้องสอยกลับบ้านมาคนละตัว
ตรงนี้ขอชื่นชมไอเดียความคิดสร้างสรรค์
ของเหล่าแฟมด้วยกันจากใจครับ
รวมถึงสินค้าท้องถิ่นที่ทำขายแบบลิมิเต็ด
เช่น การนำหมวก Nonla อันเป็นสัญลักษณ์
ของเวียดนามมาตกแต่งทำเป็นลวดลาย
เดซี่และกิมมิคต่างๆ เกี่ยวกับจีดี
เสียดายที่ผมกับแฟนเข้างานมาแล้ว
เพิ่งรู้ว่ามีขายที่ห้าง ซึ่งต้อง
ใช้เวลาเดินออกไปพอควร
ระหว่างทางของการรอให้คอนเริ่ม
จึงเติมไปด้วยบรรยากาศแห่งรอยยิ้ม
และความสุขที่พิมพ์เข้ามาในใจทุกคน
ไม่ว่าจะเดินไปบูธ เข้าแถวซื้อสินค้า ถ่ายรูป
ตามจุดต่างๆ ใน Ocean City ที่กว้างใหญ่สุดๆ
พร้อมแสงแดดสาดส่องอย่างเร่าร้อน
ชวนให้ใจชื้นว่าอย่างน้อยรอบนี้
จีดีคงไม่เรียกฝนมาง่ายๆ แล้ว ฮ่าา
ใดๆ ขอติการทำงานของทีมสต๊าฟฟ์
ในบูธขายสินค้าหน่อยนะครับ
ที่ไม่รู้บริหารจัดการยังไง
ถึงปล่อยให้แฟนๆ เข้าคิวรอกัน
นานมากขนาดนี้ ชนิดที่หากหยิบมือถือ
มาดูซีรีส์สักซีซันจนจบ ก็ยังไม่รู้จะถึงคิวหรือยัง
ไม่ว่าแถวเงินสด บัตรเครดิต โอน หรือจ่ายแบบไหน
ก็แทบไม่ขยับกระเตื้องขึ้นเลย ทำเอาผมกับแฟนท้อ
ไม่ขอรอแล้วเหมือนกัน (แอบเสียดาย มารู้ทีหลังว่า
บูธสินค้าด้านในสถานที่จัดงาน คนน้อยกว่านี้
ฮืออ อดได้ร่มลิมิเต็ดเลย สวยติดแกลมมากกก)
เมื่อถึงเวลาที่คอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มขึ้น
ท่ามกลางบรรยากาศสนามกลางแจ้ง
ที่เหล่าแฟมต่างพากันมาอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
พร้อมพลังเสียงกรี๊ดกึกก้อง
ผ่านบงเดซี่และบงบิ๊กแบง
โบกสะบัดสว่างสไวไปมา
เหมือนได้เห็นดาวบนฟ้าที่มาอยู่บนดิน
ส่องประกายไปด้วยกัน
ทว่าสิ่งสำคัญกว่านั้นที่ผม
สัมผัสได้จริงๆ คือทุกอย่าง
ที่จีดีส่งออกมาให้คนดูล้วนสะท้อน
คุณค่าแห่งตัวตนทั้ง 2 ด้านของเขา
ออกมาได้อย่างงดงามดีเหลือเกิน
จากชื่ออัลบั้มล่าสุดและชื่อคอน
“Übermensch (อูเบอร์เมนช์)”
ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันและแนวคิด
ที่มาจาก ‘Friedrich Nietzsche’
นักปรัชญาชาวเยอรมัน เคยเขียนไว้ในหนังสือ
“Thus Spoke Zarathustra” ปี 1883
โดยความหมายตรงตัวคือ “มนุษย์เหนือมนุษย์”
ผู้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดทางศีลธรรม
และกรอบสังคมแบบดั้งเดิม
มาขีดเขียนคุณค่า ตัวตน เป้าหมาย
พร้อมยืนยันคุณค่าในชีวิต
เป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง
สอดคล้องกับการคัมแบ็กของจีดี
อย่างที่เหล่าแฟมต่างรู้กันมานานว่า
ภายใต้ภาพจำสุดเฟียส
ของยอดไอดอลแห่งเกาหลี
ผู้ยืนหนึ่งในวงการมากว่า 20 ปี
เก่งกาจทั้งร้อง เต้น เล่นกับคนดู
เป็นโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลัง
ผลงานสำคัญมากมาย
เปรียบได้กับกระดูกสันหลังของบิ๊กแบง
และแรงกระเพื่อมอันร้อนแรงของวงการเพลง
พร้อมเป็น “นักคิดริเริ่ม (Pioneer)” สร้างสรรค์
ผลงานดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
หยิบจับอะไรก็ดูพรีเมียมขึ้นมาทันตา
จนบรรดาศิลปินรุ่นน้อง ดารา อินฟลู
ทั้งในเกาหลีและต่างประเทศต่างยกให้
เป็นบุคคลต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ
เนื้อในเขาต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย
เมื่อตัดภาพจาก G-DRAGON ผู้ยิ่งใหญ่
มาดมั่น และเปี่ยมเหลือเสน่ห์ล้นบนเวที
มาเป็น “Kwon Ji-yong” ชายหนุ่มที่ขี้อาย
สุภาพ ถ่อมตัว เดินหลบสายตาผู้คนขึ้นรถไป
และเป็น Perfectionist เวลาทำงาน
กอดเก็บอะไรไว้ในใจเยอะเกินบรรยาย
จนคล้ายกับว่าตลอดเส้นทางชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ
ห้อมล้อมไปด้วยแสงสี ผู้คน และการยอมรับทั่วโลก
ด้านในเขากลับซึมเศร้า เจ็บปวด
รวดร้าวไปด้วยการตีไข่ใส่สีของสื่อ แอนตี้ฯ
พร้อมภาระทางใจอันหนักอึ้งหลายอย่าง
และ “เส้นขนาน” ที่คั่นกลางระหว่าง
ความเป็นจีดราก้อนและควอนจียง
ที่ไม่เคยบรรจบด้วยกันเลยจริงๆ
ก่อนจะ “ค่อยๆ” คัมแบ็กกลับมา
ได้อย่างเป็นตัวเองขึ้นชัดเจน
แบบที่เราได้เห็นผ่านออนไลน์
อีเวนต์ คอนเสิร์ตแบบแจม
คอนเดี่ยวของตัวเองในบทบาทจีดราก้อน
หรือในรายการ “Good Days” ในบทบาทจียง
เห็นได้ชัดว่าการกลับมารอบนี้
เขาดูจะยิ้มได้จากใจมากขึ้นแล้วจริงๆ
และด้วยความเป็นคนน้ำหนักตัวสวิง
ขึ้นลงง่าย ฉุไวก็ผอมไว บางทีก็เจ้าเนื้อเบาๆ
จนแฟนคลับพากันแซว เวลาเห็นการเปลี่ยนแปลง
แต่ก็แซวแบบมีความสุขเช่นกัน
ภายใต้คำอฐิษฐานในใจ
ไม่ว่าจะหุ่นแบบไหนยังไง
ก็ขอให้จีดี-จียงมีความสุขไปแบบนี้นานๆ
มาในคอนนี้ได้เห็นว่าทุกสิ่งที่
เห็นผ่านโลกออนไลน์ ไม่ได้เกินจริง
และยิ่งชัดขึ้นแบบยากจะบรรยาย
ผ่านรายละเอียดต่างๆ ที่เขาได้สื่อออกมา
ทั้งท่วงท่า สีหน้า ประกายในตา
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะต่างๆ ทุกห้วงเวลา
ที่บางคราก็องค์ลงเฟียสสับๆ แบบจีดี
และบางทีก็เล่นมุข ขี้เขิน รั่วๆ แบบจียง
ไม่ว่าจะร้อง เต้น คุยเล่นกับคนดู
ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ
สลับไปมาได้อย่างกลมกลืน
ด้วยจุดเด่นของจีดี
ที่ผลงานเขาจะมีความเรียล
และเปี่ยมความหมายเชิงนามธรรม
ซึ่งสะท้อนชีวิต ตัวตน เรื่องราว
สังคม การเมือง ความเจ็บปวด เติบโต
รวมถึงความไม่สมบูรณ์แบบไอดอล
ผู้เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนใครๆ
พร้อมกับได้ความตลก ขบขัน ขี้เล่น
เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ของจียง
อย่างโมเมนต์จบเพลงและยืนยิ้ม
แอบหมั่นเขี้ยวแฟมเลยทำท่า
ขยำหมุนมือเล่นเวฟไปมาอยู่นาน
เล่นแล้วทำท่าจะหยุดก็เล่นอีก
คือสนุกเขาล่ะ55+
หรือช่วงพักให้พูด ที่ปกติ
แทบไม่มีในทุกคอนแทบไม่มี
นอกจากใส่พลังโชว์รัวๆ
มาคอนนี้เจ้าตัวดูจะปล่อยจอยขึ้น
เปิดพื้นที่ให้ตัวเองมากขึ้น
ในการพูดแชร์ความรู้สึกข้างใน
ที่รู้สึกได้ชัดเลยคือตอนเล่าเรื่องราว
ย้อนความทรงจำเมื่อครั้งมาเยือนเวียดนาม
“First time that I…ครั้งแรกที่ผมได้…”
“First time where…ที่แรกที่มี…”
“First time when…แรกยามที่เรา…”
“First time…umm anyway haha…
และครั้งแรกที่ อืมมม ช่างมันเถอะ55+”
เป็นโมเมนต์ที่เรียกเสียงหัวเราะไปทั้งสนาม
พร้อมสร้างความเอ็นดูไปในเวลาเดียวกัน
รู้เลยว่าชายที่พูดไม่เก่งคนนี้
เขาพยายามเรียบเรียงเรื่องราว
มาเล่าแล้วนะ แต่ก็ลืมแล้วล่ะ เอาเป็นว่ารู้กัน55+
ทั้งตอนร้องเพลง ตอนแรปก็จะใส่ฟิลลิ่ง
และลูกเล่นอินดี้ไปตามอารมณ์
บางทีก็ลากโน้ตยาว ขึ้นเสียงสูงปรี๊ด
ลงเสียงต่ำในลำคอ หรือร้องแบบกวนๆ
ขณะเดียวกัน เพลงช้าที่ต้องส่งอารมณ์
เขาก็ใส่ความรู้สึกเจ็บปวด บาดลึกทุกอย่างเข้าไป
ใส่ในทุกคำร้องและทำนองแต่ละท่อนที่ส่งออกมา
โดยเฉพาะเพลง “Drama” ที่ผมถึงกับหลับตาฟัง
เพื่อปล่อยใจดำดิ่งลึกเข้าไปในห้วงอารมณ์จริงๆ
หรือ “보나마나 BONAMANA” ที่ฉาบกลิ่นอาย
ความเป็นร็อคเข้าไปก็ยิ่งกระแทก
ใส่ไปถึงกลางทรวง หนักหน่วงดีทีเดียว
และเพลง “CROOKED” ที่โคตรมันส์
ทุกคนพากันลุกฮือร้องลั่นกันอย่างพร้อมเพรียง
(จริงๆ แฟนๆ เวียดนามร้องตามได้หมดเลย
ทั้งภาษาเกาหลี-อังกฤษ คือเก็บแทบทุกคำ
ทำให้เห็นว่าไม่ได้ท่องจำมา แต่เข้าเส้นจริงๆ
อีกอย่างคือเพลงจีดี พอเล่นกับดนตรีสดแล้ว
คุณภาพยิ่งคับแก้วขึ้นกว่าเดิม
บางเพลงฟังออนไลน์แล้วเฉยๆ
แต่พอมาฟังสดแล้วมันส์ขึ้นมากเลย)
นอกนั้นจีดีก็ยังเป็นทั้งมืออาชีพและเป็นตัวเองเสมอ
ทั้งตอน sound check ที่เหมือนองค์ยังไม่ลง
ร้องชิลๆ สบายๆ ไปกับเหล่าแฟม
แต่ที่ได้ใจกว่านั้นคือในวันที่ 2
เมื่อฝนโปรยปรายลงมาตั้งแต่ sound check
ระหว่างที่จีดีกำลังกางร่มรุ่นลิมิเต็ดยืนร้องเท่ๆ
เขาก็ถามแฟนคลับที่มาดูรอบนี้ว่าคุณไหวมั้ย?
พอได้ยินคำตอบว่าไหว ก็โยนร่ม พร้อมเปียกฝน
ชุ่มฉ่ำ ดื่มด่ำไปกับทุกคนทันที
สอดคล้องกับประโยคที่ว่า
“You guys are FAM!
พวกคุณทุกคนคือเหล่าแฟม” หรือ Fanclub and I
ไม่ว่าโมเมนต์แบบไหน เราจะสุขทุกข์ไปด้วยกัน
หรือตอนวันแรก ที่คนดูพากันโอ่ โอ โอ๊ววว
เป็น intro เพลง BANG BANG BANG
แกล้งปั่นให้ร้องเพลงวงเป็นเพลงถัดไป
จีดีก็ติดตลกกลับว่า “Yeah I know what that song is
But can you think of another song starts with arr…also
:จ้าา ฉันรู้น่ะว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร55+
แต่ลองนึกถึงอีกเพลงที่ขึ้นต้นด้วยอาาเหมือนกันดูซิ”
(ในใจคือเอ้า เพลง Drama หรอ
นึกไม่ถึงเลยจะมีคำว่าอาาด้วย)
หรือตอนที่เดินลงมาหาคนดู
ก็จะเล่นหู เล่นตาไปด้วยกัน
หรือช่วง Encore ทั้งสองวัน
ระหว่างนั่งรถบัสวนไปรอบสนาม
บางทีก็ลงไปนอน เหมือนอยู่บ้านตัวเอง55+
คือทุกอย่างมันดู Flow ขึ้น สบายๆ เรียบง่ายขึ้น
ในทุกวินาทีที่คอนกำลังดำเนินไป
เสมือนกำลังบอกให้เรารู้ว่าวันนี้
“จีดี” และ “จียง” ได้ผสานเป็น
หนึ่งเดียวกันแล้วจริงๆ
แบบภาพโลโกที่มีเงาสองฝั่ง
ยืนหันหน้าเข้าหากัน
เป็นวันที่เขารักและสนิทกับตัวเอง
เจ็บปวด เรียนรู้ เติบโต เข้าใจ
เราจึงได้เห็นภาพของชายวัย 37
กระโดด โลดเต้น วิ่งเล่น เป็นตัวเอง
มีความสุขจากหัวใจได้อย่างแท้จริง
โอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบในตัวตน
และเป็นเพื่อนกับสิ่งเหล่านั้น
พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างเข้าใจ
เต้นรำกับชีวิตต่อไปได้แบบเต็มหัวใจ
เป็นตัวอย่างดีๆ ของคนที่
หันกลับมารักตัวเองอย่างแท้จริง
เพราะความไม่สมบูรณ์แบบนี่แหละ
คือความสมบูรณ์แบบที่สุด
ในความเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เมื่อมันทำให้เราเติบโตได้ไม่สิ้นสุด
“เมื่อก่อนผมหมกมุ่น
อยู่กับความสมบูรณ์แบบมาตลอด
แต่ตอนนี้ผมค้นพบสมดุลระหว่างงานกับชีวิต
และมีอิสระมากขึ้นแล้ว”
จีดี/จียง
และนั่นแหละคือสิ่งที่เหล่า FAM / VIP
ต่างรัก ต่างรอจะได้เห็นมาแสนนาน
ภาพของแฟมชาวเวียดนามรอบตัวผม
ทั้งซ้ายและขวามือที่เมื่อแต่ละโชว์จบลง
พวกเขาต่าง OMG! ใจฟูวตามกันไป
ยิ่งผู้หญิงขวามือผม เมื่อคอนจบลง
ถึงกับน้ำตาไหลพรากด้วยความปิติยินดี
เพราะเธอรอวันนี้มานานมาก จนสมหวั่งดั่งใจ
วันนี้ได้คำตอบแล้วว่าทำไม
ใครๆ ถึงรักจีดีและจียง
ด้านการจัดงานนอกเหนือจากเรื่องบูธสินค้า
ก็นับเป็นโชคดีที่ไปวันแรกและรอดฝน
(มีตกปรอยๆ เล็กน้อยก่อนคอนจบ)
มุมวิวจากคนที่นั่งโซนพรีเมียม ไม่เห็นอะไรเลยจ้าา :(
แต่ก็มีโชคร้ายสำหรับแฟนผมที่ลงทุน
ซื้อบัตรพรีเมียมด้านบน ซึ่งเดิมออกแบบมา
ให้คนแถบนี้ได้รับชมจอเต็มๆ ทว่าพองานจริง
จอกลับอยู่ล่างลงไป ไม่เห็นใดๆ เลย
ซ้ำร้ายเธอได้นั่งแถวสอง โดนคนแถวแรกบัง
เพราะโซนนี้ถูกวางที่นั่งแบบหน้ากระดาน
แทนที่จะสลับฟันปลาให้เห็นทั่วกัน
กลายเป็นคนส่วนใหญ่เขาร้องเล่นอะไรกัน
ทางนี้จะไม่เห็นตาม ตอน Encore ถ้าไม่ใช่
กลุ่มที่วิ่งไปดูติดขอบและบังคนอื่น
ก็จะไม่ได้เห็นสักนิดเดียวว่าในรถบัส
จีดีและทีมงานกำลังทำอะไร
ไม่ได้ “เติมจีดี” มากที่คิดไว้อย่างน่าเสียดาย
รวมถึงช่วงเดดแอร์ที่มีไว้
สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมโชว์ต่อไป
ก็แอบนานเกิน จนอารมณ์ขาดช่วงอย่างน่าเสียดาย
แถมเป็นแบบนี้ทุกช่วงจนแอบแปลกใจ ไม่เคยเจอ
เพราะปกติจะฉายแค่ VTR สั้นๆ แล้วรันโชว์ต่อเลย
ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะเป็นที่ทีมงานเวียดนามที่ยังมือใหม่
จัดงานใหญ่ครั้งแรก ไม่ได้มาจากจีดี
ก็นับเป็นการบ้านที่ทางผู้จัดต้องปรับปรุง
สำหรับงานครั้งหน้า โดยเฉพาะคอนบิ๊กแบง
ที่จีดียืนยันในงานว่าจะมาเยือนที่นี่อีกแน่
เรียกเสียงฮือฮาว้าวซ่ากันทั่วทุกมุมเลย
ทั้งนี้โดยรวมสนุก เศร้า ซึ้ง ครบรส เต็มอารมณ์
ผสมผสานกับโมเมนต์และความทรงจำดีๆ มากมาย
ระหว่างชายผู้ไม่ใช่แค่ไอดอล แต่เป็น “Legend”
หรือตำนานผู้สร้างแรงบันดาลใจ
ยกระดับให้เศรษฐกิจเวียดนามโตขึ้น 200%
และทำให้เห็นว่าวันนี้เขากลับมาแล้วทั้งใจ
ทำงานทั้งปีแบบเอเนอจี้เหลือล้น
ในโซเชียลคือว่างเป็นกดไลก์
(ไม่รู้เอาเวลาว่างตอนไหน ฮ่าา)
พร้อมทำลายสถิติต่างๆ ถล่มทลาย
ทั้งสถิติผลงานตัวเองและสถิติอื่นๆ
ซึ่งในคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์แต่ละครั้ง
แม้จะเป็นเซ็ตเพลงเดียวกัน
แต่ก็ให้อารมณ์ที่ต่างกันไป
และมี Magic Moments
เฉพาะในคอนนั้นๆ เอง
รวมถึงในฮานอย เวียดนามครั้งนี้
ช่างเป็นคอนที่เต็มไปด้วยความ
คุ้มค่า คุ้มเวลาเหลือเกิน
ขอบคุณนะครับจีดีและจียง
“ราชาแห่ง K-POP ได้กลับมาแล้วจริงๆ”
เติมโจอาให้เต็มที่แล้วไปต่อยาวๆ
แล้วพบกันในคอนบิ๊กแบง
ใจฟูสุดๆ คอนดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
ขอเสียงคนไทยที่ได้ไป
คอนเวียดนามด้วยกันหน่อยครับ
หรือคอนที่ประเทศอื่นๆ
รู้สึกยังไงกันบ้างแชร์ได้น้าา,,,
เพลง
ความรัก
บันเทิง
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย