Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ณัฐมาคุย
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
13 พ.ย. เวลา 02:41 • ความคิดเห็น
Mark to Myth: ศิลปะการตีราคาในโลกที่ไม่มีใครยอมรับว่าของมันเน่า
วันก่อนอ่านบทความเสียดสีเริ่อง private equity และ private credit แล้วมีการพูดถึงคำว่า mark-to-myth แล้วสะดุดตามากๆ เลยเอามาเล่าให้ฟัง
ในโลกการเงินสมัยใหม่ มีสองสิ่งที่ผู้บริหารไม่เคยยอมรับว่าเป็นความผิดตัวเอง คือ
หนึ่ง ตลาดมันโหดร้าย
สอง โมเดลมันไม่แม่น
ทั้งที่สองอย่างนี้รวมกันนี่แหละ ทำให้เราได้โลกอันงดงามของ Mark-to-Myth หรือการตีราคาสินทรัพย์ตาม “คุณค่าที่เราเชื่อว่าจักรวาลควรจะมอบให้เรา” ไม่ใช่ราคาที่คนบนโลกใบนี้ยอมจ่ายจริงๆ
จาก Mark-to-Market สู่ Mark-to-Whatever
ยุคแรกๆ เราก็ซื่อสัตย์กันนะ
ตีราคาตามตลาดสวยๆ ถ้าตลาดบอกว่าลงก็ลง ถ้าตลาดบอกว่าเน่าก็ยอมรับว่าเน่า นี่คือ mark-to-market ที่ผู้สอบบัญชีชอบใจ เพราะมันดูจริงใจไม่มโน ถ้าจำเป็นจะต้อง liquidate ก็พอจะออกได้ในราคานั้นๆ
แต่แล้วก็วันหนึ่ง ตลาดหายไปแบบอยู่ดีๆ ก็หาย ไลน์ไม่ตอบ ไม่มีราคาซื้อ ไม่มีราคาขาย มีแต่ความเงียบเหงาและสินทรัพย์ที่ไม่มีใครอยากแตะ
คราวนี้จะตีราคาแบบไหนล่ะ? จะบอกว่ามูลค่าเป็นศูนย์ก็คงทำให้โบนัสหายวับไปกับตา
มาตรฐานใหม่จึงถือกำเนิด
“งั้นใช้โมเดลของเราเองสิ โมเดลเราก็เก่งนะ”
แล้วก็กลายเป็น mark-to-model ซึ่งเป็นประตูบานแรกสู่ความเวิ้งว้างของการหลอกตัวเองอย่างเป็นระบบ ซึ่งใช้กันอย่างกว้างขวางในช่วงก่อนวิกฤติการณ์ทางการเงิน 2008 เพราะมีตราสารทางการเงินที่ซับซ้อนมากมาย แต่มีสภาพคล่องไม่พอ
และแล้วตำนาน Mark-to-Myth ก็เริ่มขึ้น
เมื่อโมเดลเริ่มซับซ้อนจนทีมบริหารเองยังไม่เข้าใจ แต่พูดว่า “สมเหตุสมผล” ได้เต็มปาก เมื่อสมมติฐานเริ่มสวยงามเกินไป เช่น
• ตลาดจะกลับมาดีในอีก 3 ไตรมาส (เพราะรู้สึกว่าใช่)
• ความเสี่ยงต่ำ เพราะกราฟมันดูไม่เปรี้ยว
• ส่วนลดกระแสเงินสดไม่ต้องเยอะ เดี๋ยวมันไม่สวย
ความจริงเริ่มหดตัว เหลือแต่ความเชื่อ
นี่แหละ… mark-to-myth แบบเต็มรูปแบบ
ตีราคาตามความศรัทธา เรียกได้ว่าเป็นงานศิลป์ร่วมสมัยของฝ่ายการเงิน
ทำไมทุกคนทำเป็นมองไม่เห็น
เพราะในโลกจริง ทุกคนดูมี incentive ที่ align กันมากๆ เพราะ
• นักลงทุนอยากเชื่อว่าของในพอร์ตยังไม่ล่ม
• ผู้บริหารอยากเชื่อว่าโบนัสยังมา
• ผู้สอบบัญชีอยากเชื่อว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ระเบิดเวลาขนาดย่อม
• และตลาดก็อยากเชื่อว่าตัวเองยังมีสติ
ผลคือ เราได้เห็นงบการเงินที่สวยงามเหมือนภาพวาดสีน้ำ ทั้งๆ ที่สินทรัพย์ด้านในสภาพเหมือนขนมปังลืมไว้หลังตู้เย็นสามเดือน จนขึ้นรา แต่ข้างนอกอาจจะยังสวยงาม
เรื่องตลกร้ายคือ…มันก็เวิร์กจนกว่าจะไม่เวิร์ก
ตราบใดที่ไม่มีใครบังคับให้ “ขายจริง”
ตราบใดที่ราคาตลาดไม่เผยตัว
ตราบใดที่ทุกคนหลับหูหลับตาเชื่อโมเดล
ตำนานก็ยังไปต่อได้เรื่อยๆ
จนวันที่ต้อง mark-to-reality
ถึงจะรู้ว่าตัวเลขที่เคยเชื่อ…เป็นแค่แฟนตาซีระดับ วรรณกรรมเยาวชน
เรื่องพวกนี้เอง เมืองไทยหนักกว่าอีก โดยเฉพาะในโลกตลาดหุ้นกู้ ที่ไม่มีราคาตลาด ไม่มีสภาพคล่อง อยากจะ mark-to-market ยังไงก็ได้ ไม่ต่างกับ mark-to-myth เลยในบางเคส
2 บันทึก
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย