Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
1 ชั่วโมงที่แล้ว • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
☄️ ไม่ใช่เอเลี่ยน! นักดาราศาสตร์ชี้ ‘รังสีคอสมิก’ อาจเป็นต้นเหตุความแปลกประหลาดของดาวหาง 3I/ATLAS
การมาเยือนของ 3I/ATLAS แขกผู้เดินทางมาจากระบบดาวอื่น สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการดาราศาสตร์อย่างมาก เราต่างหวังว่า “ฟอสซิลเย็นเฉียบ” ชิ้นนี้ จะนำพาคำตอบมาให้เราว่าระบบดาวฤกษ์อื่นนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร... แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมบอกคุณว่า หลักฐานสำคัญเหล่านั้นอาจถูกทำลายไประหว่างทางแล้ว?
นับตั้งแต่ที่เราตรวจพบ 3I/ATLAS ในเดือนกรกฎาคม มันก็เต็มไปด้วยปริศนาที่น่าฉงน โดยเฉพาะการที่มันมีระดับ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) สูงกว่าดาวหางในระบบสุริยะของเราถึง 16 เท่า! ทำให้มันเป็นหนึ่งในดาวหางที่อุดมด้วย CO₂ มากที่สุดเท่าที่เคยพบมา
บางคนถึงกับหวังว่านี่คือสัญญาณบ่งชี้ถึงระบบดาวฤกษ์อันไกลโพ้นที่แปลกใหม่... แต่ดูเหมือนว่าคำอธิบายที่แท้จริงอาจจะเรียบง่าย และน่าผิดหวังกว่านั้น
💥 ผู้ร้ายตัวจริง: รังสีคอสมิก
Schematic illustration of interstellar comet 3I/ATLAS showing the expected stratigraphy of an irradiated nucleus
โรแมง มาจจิโอโล (Romain Maggiolo) และทีมงาน ได้เสนอว่าระดับ CO₂ ที่สูงลิ่วนี้ อาจอธิบายได้ด้วยการที่พื้นผิวด้านนอกของ 3I/ATLAS ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง จากการถูกอนุภาคพลังงานสูงที่เรียกว่า “รังสีคอสมิก” (Cosmic Rays) โจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทางหลายพันล้านปีของมัน
“กระบวนการนี้ค่อนข้างถูกมองข้ามไป เพราะมันเกิดขึ้นช้ามาก” มาจจิโอโลกล่าว “แต่ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับวัตถุอย่างดาวหาง... มันกลับส่งผลกระทบที่รุนแรงมาก”
นักวิจัยได้เปรียบเทียบข้อมูลของ 3I/ATLAS กับการทดลองในห้องแล็บ ที่ยิงรังสีคอสมิกใส่น้ำแข็งที่ทำจากน้ำและคาร์บอนมอนอกไซด์ (ซึ่งเชื่อว่าคล้ายกับน้ำแข็งบนดาวหาง) และพบว่ากระบวนการนี้ สร้าง CO₂ ขึ้นมาในปริมาณมหาศาล!
“รังสีคอสมิกจะทำลายโมเลกุลและสร้างชิ้นส่วนโมเลกุลที่พร้อมจะทำปฏิกิริยาขึ้นมาใหม่... และพวกมันก็จะค่อยๆ เปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีของน้ำแข็งไป” มาจจิโอโลกล่าว
ไม่เพียงแค่นั้น กระบวนการนี้ยังทิ้งกากสีแดง ที่มีคาร์บอนสูงไว้บนพื้นผิว ซึ่งเป็นสิ่งที่นักดาราศาสตร์สังเกตเห็นบนดาวหาง 3I/ATLAS พอดี!
💔 ความหวังที่ (อาจจะ) สูญสลาย
นี่ถือเป็นข่าวร้ายไม่น้อยสำหรับความหวังของเราที่จะได้ศึกษา “ระบบดาวฤกษ์อื่น” ครับ มันหมายความว่ารังสีคอสมิกอาจได้ทำลายหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของมันไปจนหมดแล้ว
ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์เชื่อว่าดาวหางระหว่างดวงดาวเหล่านี้คือ “ฟอสซิลเย็น” ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุด... แต่ดูเหมือนว่าเปลือกนอกของมันอาจถูก “ปรุงแต่ง” ใหม่จนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว
🕯️ แสงสุดท้ายแห่งความหวัง
แต่อย่าเพิ่งหมดหวังครับ! ยังมีความหวังริบหรี่เหลืออยู่...
ในขณะนี้ 3I/ATLAS กำลังโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ (จนเรามองไม่เห็นจากโลก) มันจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้
การเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งนี้ อาจทำให้ความร้อนละลายน้ำแข็งชั้นนอกที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปออกมากพอ จนเผยให้เห็นเนื้อในอันบริสุทธิ์ ที่ถูกปกป้องจากรังสีคอสมิกมาตลอดหลายพันล้านปี!
“เรามีเวลาอีกไม่กี่เดือนที่น่าตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้า” ซีเรียล โอปิตอม (Cyrielle Opitom) จากมหาวิทยาลัยเอดินบะระกล่าว การสังเกตการณ์ที่กำลังจะมาถึง ทั้งจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) และกล้องบนภาคพื้นโลก จะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการค้นหาวัสดุที่บริสุทธิ์เหล่านั้น
🏡 ความท้าทายระดับโลกของวงการดาราศาสตร์
การติดตามวัตถุบนท้องฟ้าที่เคลื่อนที่รวดเร็วและปรากฏเพียงชั่วครู่ เช่น 3I/ATLAS ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายสูงสุดของวงการดาราศาสตร์สมัยใหม่ ภารกิจนี้ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากเครือข่ายหอดูดาวทั่วโลก เพื่อเก็บข้อมูลและไขปริศนาว่าแขกผู้มาเยือนจากห้วงอวกาศนี้คืออะไร
ในประเทศไทย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NARIT ได้แสดงบทบาทสำคัญ ด้วยการมีเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ที่ชิลี ซึ่งทำให้พร้อมเข้าร่วมในแคมเปญการสังเกตการณ์ระดับโลกอย่างเต็มที่ ความร่วมมือเช่นนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพในการเก็บข้อมูล แต่ยังทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาคำตอบในปริศนาทางดาราศาสตร์ที่ทั่วโลกจับตามอง
การมีส่วนร่วมของ NARIT ในการติดตามวัตถุอย่าง 3I/ATLAS จึงสะท้อนถึงความก้าวหน้าของวงการดาราศาสตร์ไทย และบทบาทเชิงวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายระดับนานาชาติ เพื่อร่วมกันไขความลับของจักรวาล
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ปริศนา 3I/ATLAS: ดาวหางผู้มาเยือนจากต่างระบบสุริยะ มีคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) สูงผิดปกติถึง 16 เท่า
✅ ไม่ใช่เอเลี่ยน แต่คือรังสีคอสมิก: นักวิทย์ชี้ว่าความแปลกประหลาดนี้อาจเกิดจากรังสีคอสมิกที่โจมตีและ “เปลี่ยนแปลง” องค์ประกอบทางเคมีบนพื้นผิวดาวหางตลอดหลายพันล้านปี
✅ หลักฐานอาจถูกทำลาย: นี่อาจหมายความว่าข้อมูลเกี่ยวกับระบบดาวฤกษ์ต้นกำเนิดของมันได้ถูกทำลายไปจากพื้นผิวแล้ว
✅ ความหวังสุดท้าย: การโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในขณะนี้ อาจช่วย “ละลาย” เปลือกนอกที่ปนเปื้อนออก และเผยให้เห็นเนื้อในที่บริสุทธิ์ ซึ่งกล้อง JWST และกล้องอื่นๆ กำลังรอจับตาดูในเดือนธันวาคมนี้
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
คุณคิดว่าการโคจรเฉียดดวงอาทิตย์ครั้งนี้จะเผยให้เห็น “เนื้อใน” ที่บริสุทธิ์ของ 3I/ATLAS หรือคุณคิดว่ามันจะทำลายดาวหางดวงนี้ไปตลอดกาล?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Maggiolo, R., et al. (2025). Interstellar Comet 3I/ATLAS: Evidence for Galactic Cosmic Ray Processing. arXiv.
https://doi.org/qcwf
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [
https://ezdn.app/witlyofficial
]
อวกาศ
วิทยาศาสตร์
ความรู้
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
NEWS BRIEF (พฤศจิกายน 2568)
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย